่สองสามวันระหว่างการเดินทางผูหยางชิงหลันมักแล่นมาพูดคุยกับเซวียเสี่ยวหรั่นยามว่างเสมอ
กลับเป็เหลียนเซวียนที่ยุ่งกับธุระอื่น แทบไม่มีเวลาว่าง แม้ทั้งสองจะสนทนากันบ้างครั้งคราว แต่มีสายตาผู้คนจดจ้องอยู่ จึงไม่มีโอกาสคุยกันดีๆ
ขณะรถม้าหยุดอยู่ที่ทุ่งโล่ง หลังจากลงรถม้าแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็พบว่าเหลียนเซวียนกำลังขี่ม้าสีน้ำตาลแดงตัวสูงใหญ่พ่วงพีอยู่ไม่ไกล ก็มองด้วยสายตาชื่นชมแกมริษยา ก่อนเดินเข้าไปหาใกล้ๆ
"ขี่ม้าเป็หรือไม่" ยามเห็นแววตาริษยาของนาง มุมปากของเหลียนเซวียนก็โค้งขึ้นเล็กน้อย หนีบสองขาบังคับม้าให้ค่อยๆ เดินมาข้างกายนาง
"ไม่เป็" เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้ายิ้มให้เขาพลางส่ายหน้าอย่างซื่อๆ
"อยากขี่ไหม?" เหลียนเซวียนหลุบสายตาลงมาด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้ม
"อยาก" ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นทอประกายวาววับ
เหลียนเซวียนพลิกกายลงมา แล้วให้เหลยลี่จูงอาชาสีดำปลอดแต่กีบเท้าเป็สีขาวตัวหนึ่งเข้าม้า
"ม้าสวยจังเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นเดินอ้อมอาชาสีดำหนึ่งรอบ แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ ม้าก็เตะคนเป็นะเออ
อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยต่างวิ่งมาดู สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมแบบเดียวกัน
"นี่คือท่าเสวี่ย (เหยียบหิมะ)" เหลียนเซวียนตบๆ อาชาสีดำ
"เท้าสีขาวแบบนี้ก็คือเหยียบหิมะทั้งสี่เท้าสินะ" เซวียเสี่ยวหรั่นมองกีบเท้าสีขาวของเ้าท่าเสวี่ย พลางยิ้มจนดวงตาหยีโค้ง
"เ้าจูงมันเดินสักพักก่อนให้คุ้นเคยกันแล้วค่อยขี่" เหลียนเซวียนส่งสายบังเหียนให้นาง
"มันจะไม่เตะข้าใช่ไหม" เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นมือออกไปจูงสายบังเหียน พลางมองเท้าสีขาวของมันอย่างวิตกอยู่บ้าง
"ฮ่าๆ ไม่หรอก เสี่ยวหรั่น หากมันกล้าเตะเ้า เดี๋ยวก็ให้เสี่ยวชีจัดการเสียเลย" ผูหยางชิงหลันขี่ม้าสีหมอกตรงเข้ามา ่นี้เขากับเซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งจะสนิทสนมกัน แต่ก็เรียกตนเองว่าเป็ญาติผู้พี่ของนางไปเรียบร้อยแล้ว
เหลียนเซวียนเงยหน้ามองเขาปราดหนึ่ง
"จูงมันไปเดินที่ชายป่าสักรอบ" เหลียนเซวียนจูงอาชาสีน้ำตาลแดงของตนเอง แล้วเดินนำไปก่อนสองสามก้าว
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบจูงท่าเสวี่ยตามไปอย่างระมัดระวัง
แสงตะวันยามสายัณห์สาดส่องไปบนเส้นทางเลียบชายป่าในอาณาเขตทุ่งกว้าง เงาร่างของคนสูงหนึ่งคนเตี้ยหนึ่งคนจูงม้าสีน้ำตาลแดงกับสีดำไกลออกไปทีละน้อย
เหลยลี่ขี่ม้าหวงเปียว [1] ตามไปไม่เร่งไม่ช้า ติดตามอยู่ไม่ไกลนัก
"ชิ เ้าสากกะเบือซื่อบื่อเอ๊ย เวลาแบบนี้ยังจะตามไปอีก"
ผูหยางชิงหลันมองเงาหลังของเหลยลี่พลางส่ายหน้า
"เหลียนเซวียน พิษของท่านถอนออกหมดแล้วหรือ"
เซวียเสี่ยวหรั่นจูงม้าค่อยๆ เดิน พลางหันไปมองเหลียนเซวียนซึ่งอยู่ข้างๆ เห็น่นี้จังหวะก้าวเดินของเขามีกำลัง มั่นคงหนักแน่น น่าจะหายดีแล้วกระมัง
"อืม ถอนออกหมดแล้ว" เหลียนเซวียนเหยียบลงไปบนแผ่นหินแข็งใต้ฝ่าเท้า รู้สึกได้ถึงความมั่นคงและทรงพลัง เรี่ยวแรงที่หายไปฟื้นตัวกลับมาแล้ว ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ แม้ว่ากำลังภายในจะยังฟื้นคืนมาไม่หมด แต่โดยรวมก็ไม่มีปัญหาแล้ว
"เช่นนั้นตอนนี้ท่านก็มีกำลังภายในแบบหนึ่งสู้ร้อยได้แล้วสิ?"
เซวียเสี่ยวหรั่นอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก ขนาดตอนเขาถูกพิษ ยังปาดอกลูกดอกเข้าเป้าไม่เคยพลาด
เหลียนเซวียนเห็นดวงตากลมโตสุกสกาวจดจ้องมาที่เขา พลันรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
"เ้าอยากให้ข้าแสดงฝีมือให้ดูสักรอบ?"
"แหะๆ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ท่านดูนี่ ข้าพกลูกดอกซัวเปียวของท่านมาด้วยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบลูกดอกซัวเปียวของเขาออกมาจากกระเป๋าสะพายสีแดง
"ในกระเป๋าของเ้ามีของแบบนี้ได้อย่างไร" เหลียนเซวียนอึ้งงัน ยื่นมือไปรับมา
"ตอนที่ท่านเหลาลูกดอก ข้าแอบหยิบมาสองอัน แล้วเก็บไว้กับตัวตลอดเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นตบๆ กระเป๋าสะพายซึ่งเป็ที่เก็บข้าวของทุกอย่างที่เธอมี
"อื้ม อีกประเดี๋ยวล่าไก่ป่าสักตัวเอากลับไปทำกับข้าวเพิ่ม" เหลียนเซวียนถือลูกดอกเล่นในมือ ก่อนเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ "อยากขี่ม้าหรือไม่"
เห็นท้องฟ้าเริ่มมืดลง เหลียนเซวียนก็เอ่ยถามหนึ่งประโยค
"แต่ข้าสวมกระโปรงนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นมองท่าเสวี่ยตัวสูงใหญ่ด้วยความลังเล
"ไม่เป็ไร เ้านั่งเอียงข้าง ข้าจะจูงม้าให้เอง"
เหลียนเซวียนยืนอย่างมั่นคง ปล่อยสายบังเหียนในมือก่อนเดินไปหานาง
"มือจับอานม้า ยกเท้าซ้ายเหยียบโกลนแล้วออกแรงขึ้นไป"
เขาค่อยๆ ชี้นำทีละขั้นตอน เซวียเสี่ยวหรั่นยกเท้าซ้ายเหยียบโกลนม้าอย่างยากเย็น หลังจากนั้นออกแรงมือ เปล่งเสียง "ฮึบ"
แต่เท้าขวาพ้นจากพื้นได้ครู่เดียวก็กลับมาอยู่ที่เดิม
"ม้าตัวนี้สูงเกินไป" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกขัดเขิน หลังของมันยังสูงกว่าศีรษะของเธออีก
เหลียนเซวียนกลั้นเสียงหัวเราะของตนเองไว้ "มา ลองอีกรอบ ข้าจะช่วยดันเ้าเอง"
เซวียเสี่ยวหรั่นออกแรงเหยียบขึ้นไปอีกรอบ แต่ตัวขึ้นไปได้นิดเดียวก็ตั้งท่าจะเซลงมา
แต่ทันใดนั้นบั้นเอวของเธอก็มีมือใหญ่เพิ่มมาอีกคู่ ยกลอยขึ้นไป เธอจึงขึ้นไปได้สำเร็จ
"นั่งให้ดี"
เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงงุนงง แต่ก็รีบบิดเอวนั่งหันข้างบนอานม้า
"หวา... สูงจังเลย"
ตายละหว่า ทำไมถึงสูงอย่างนี้ แล้วยังขยับได้อีกด้วย เซวียเสี่ยวหรั่นคว้าอานม้าไว้แน่นไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
"อย่าวิตก ทำผ่อนคลาย ท่าเสวี่ยเดินมั่นคงมาก ไม่ทำเ้าร่วงลงมาแน่" เหลียนเซวียนเห็นเอวบางเกร็งจนแข็งทื่อ ก็ปลอบโยนเสียงเบา
เซวียเสี่ยวหรั่นลองขยับก้น ก็ไม่นับว่าแข็งเท่าไร
เหลียนเซวียนจูงสายบังเหียนค่อยๆ เดินไปข้างหน้า ให้นางปรับตัวสักครู่
อาชาก้าวเดินอย่างมีจังหวะ ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยๆ ผ่อนคลายลง รอยยิ้มสดใสเริ่มผลิบานบนดวงหน้า
ขี่ม้าก็น่าสนุกเหมือนกัน
เหลียนเซวียนเห็นเช่นนั้นก็ขึ้นไปขี่ม้าสีน้ำตาลแดงของตนเอง
ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย อาชาตะบึงไปตามแนวชายป่าอย่างรวดเร็ว
เหลยลี่ซึ่งติดตามมาโดยตลอด จงใช้รั้งอาชาให้ช้าลง คอยดูอยู่ไกลๆ
"ท่านอย่าให้ม้าวิ่งเร็วนักสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งขี่ม้าเป็ครั้งแรก ความรู้สึกโคลงเคลงเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงทำให้ฝ่ามือของเธอชุ่มเหงื่อ
เหลียนเซวียนหันมา ขณะกำลังจะหัวเราะ ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี
จากนั้นก็เอื้อมมือมากระหวัดร่างของเซวียเสี่ยวหรั่นจากบนหลังของเ้าท่าเสวี่ยไป
"ว้าย..." เซวียเสี่ยวหรั่นใแทบสิ้นสติกับการกระทำอันอุกอาจและค่อนข้างกะทันหันของเหลียนเซวียน
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว ปลายจมูกมีแต่กลิ่นอายที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย ดวงหน้าเล็กจ้อยพลันแดงซ่าน
"อย่าขยับ"
ขณะที่คิดจะดิ้นรนขัดขืน เสียงกดต่ำแต่เข้มขรึมของเขาก็ผ่านเข้ามาในหู
เซวียเสี่ยวหรั่นจึงหยุดความเคลื่อนไหวทันที
"ฟิ้วๆ" เสียงของมีคมแสบหูแหวกม่านอากาศออกมาจากป่าอันเงียบสงัด
เหลียนเซวียนกอดนางไว้พลางเบนกายหลบไปด้านข้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นลำแสงเย็นสองสายซึ่งเฉียดผ่านแผ่นหลังของเหลียนเซวียนไป ก็ใจนหน้าซีด
ขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งสติ ก็มีความเคลื่อนไหวในอากาศอีกสองสามหน
เหลียนเซวียนยังคงโอบนางเบี่ยงซ้ายบ่ายขวา แล้วอาศัย่จังหวะรอยต่อตบเ้าท่าเสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง
เท้าทั้งสี่ของท่าเสวี่ยห้อเหยียดออกไปทันที
ผู้ที่ล้อมอยู่รอบด้าน มองไม่เห็น่ที่ม้าตะบึงไป "ฟิ้วๆๆ" เกาทัณฑ์แหลมคมจำนวนมากพุ่งออกมาจากที่ลับในป่า
เหลียนเซวียนกระทุ้งสองขาบังคับม้าสีน้ำตาลแดงทะยานตรงไปข้างหน้าราวกับเหาะ หลบเกาทัณฑ์จากด้านหลัง
"จับให้ดี" เหลียนเซวียนดึงมือทั้งคู่ของเซวียเสี่ยวหรั่นมากอดเอวของตนเอง ดวงตาคมกล้าจดจ้องไปยังบางแห่งด้านหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นรัดเอวสอบของเขาไว้แน่น กัดฟันไม่เปล่งเสียงสักคำ มองสถานการณ์ลำบากที่กำลังเผชิญอยู่แวบหนึ่ง
ชายชุดดำกลุ่มใหญ่ล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน ในมือของแต่ละคนล้วนมีแสงสะท้อนเย็นวาบ เห็นชัดว่าพวกเขาถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงผิวปากดังกังวานมาจากด้านหลังส่งสัญญาณบางอย่าง
"ลงมือ"
เสียงเหี้ยมเกรียมแข็งกระด้างสายหนึ่งออกคำสั่ง
ดวงตาของเหลียนเซวียนผุดประกายเย็นเยียบ สายตาคมกริบดุจมีดพุ่งไปยังต้นเสียงนั้นทันที
"เหลิ่งอี"
...
[1] ม้าหวงเปียว เป็หนึ่งในสิบยอดอาชา ลักษณะเป็ม้าสีครีมออกเหลืองมีจุดขาวที่บริเวณหน้าท้องและแถบกระดูกซี่โครง ขนบนศีรษะถึงแนวสันคอมีสีขาว รูปร่างของมันจะอ้วนพีที่สุดเมื่อถึง่พระจันทร์เต็มดวง เป็ม้าที่หายากตามตำนานในวรรณกรรมสุยถัง
