“Picasso Art Gallery” ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการก่อสร้าง มันถูกสร้างขึ้นในเวกัสเพื่อที่จะบอกให้ชาวโลกได้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้เป็แค่เพียง์ของนักพนัน
ต้องขอบคุณฟ้าฝนที่ไม่เป็ใจนัก มันเป็ข้ออ้างชั้นดีที่ทำให้แขกที่มาเข้าชมนิทรรศการภาพวาดดูเหงาและเปล่าเปลี่ยว เมื่อเสิ่นิและเซี่ยวอี๋มาถึงพร้อมกับัดำ ในโถงนิทรรศการขนาดใหญ่ก็มีผู้เข้าชมอยู่แค่เพียงสามสิบกว่าคน ครึ่งหนึ่งเป็เ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ภาพวาดทั้งหมดที่จัดแสดงในหอศิลป์นั้นนำเข้ามาจากประเทศต่างๆ แต่ไม่ค่อยเป็ที่รู้จัก ภาพวาดถูกแบ่งเกรดไว้ตามราคา มีั้แ่หลายแสนดอลลาร์ไปจนถึงหลายล้านดอลลาร์
ตามความเห็นของเซี่ยวอี๋ เธอไม่มีความเข้าใจในภาพวาดสีน้ำมันพวกนี้เลย เธอก็เลยดูไม่ออกและไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีมูลค่ามากขนาดนั้น? เธอเข็นัดำไปตามทาง ัดำในชุดแนวตะวันตกมองดูภาพวาดเ่าั้อย่างมีความสุข หญิงสาวสุขใจราวกับบินได้ ัดำที่คนเกลียดชัง อาจเป็เฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าสีน้ำมันพวกนี้ เธอถึงได้เผยตัวตนของหญิงสาวในฤดูใบไม้ผลิออกมา
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยัดำเลือกเรียนสาขาจิตรกรรมสีน้ำมัน คณบดีถึงกับเอ่ยปากชมว่าัดำเป็ศิลปินโดยกำเนิด แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็จบด้วยปริญญาบริหารธุรกิจ
“ที่นี่ล่ะ” ัดำส่งสัญญาณให้เซี่ยวอี๋หยุดรถเข็นตรงหน้าภาพวาดขนาดสูง 2 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ภาพวาดที่แสดงให้เห็นถึงถนนสายเล็กๆ ในทุ่งซึ่งมีแดดจ้า ผู้เป็แม่ถือตะกร้าปิกนิกไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับจูงลูกสาวตัวน้อยเดินไปข้างหน้า
ภาพพรรณนาถึงความหลังของแม่ลูกคู่นี้ อย่างไรก็ตาม ภาพวาดภาพนั้นแต่งแต้มความสุขและความสนุกสนานระหว่างแม่ลูกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“1 คุณรู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของภาพวาดสีน้ำมัน?” ัดำมองตรงไปที่ภาพเป็เวลานาน เธอไม่อาจละสายตาได้
“ผมไม่เข้าใจศิลปะ แต่น่าจะเป็ส่วนประกอบของสีใช่หรือเปล่า?” เสิ่นิกระซิบ
“ถูกครึ่งหนึ่ง จิตรกรทุกคนล้วนมีเทคนิคและรสนิยมเป็ของตัวเอง วาดแบบสมจริง วาดแบบนามธรรม แต่ละสายเทียบกันไม่ได้ ต่อให้สีที่ทุกคนใช้เป็มาตรฐานเดียวกัน แต่จิตรกรที่ดีจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกลงไปบนภาพวาดได้ ความสุข ความทุกข์ ความเ็ป ความสิ้นหวัง ทุกอย่างสามารถััได้จากสีที่แต่งแต้ม
เช่นเดียวกับภาพวาดที่อยู่ตรงหน้า องค์ประกอบนั้นเรียบง่าย เนื้อหาก็เรียบง่าย แต่สามารถทำให้ผู้คนััได้ถึงความสุขของจิตรกรผู้นั้นอย่างลึกซึ้ง ฉันเดาว่าแม่ลูกในภาพวาดคือครอบครัวของเขา การพบกันหลังจากที่ห่างหายไปนานทำให้ศิลปินมีความสุขมาก นั่นคือเหตุผลที่สีมันยิ้มตามไปด้วย”
“ภาพนี้ชื่อว่า ‘ปิกนิก’ จิตรกรนามว่าสือจิ่ว? ชื่อประหลาดแท้?” เซี่ยวอี๋อ่านบทนำที่ข้างภาพวาด เนื่องจากในคอลัมน์มีการแนะนำตัวศิลปินน้อยมาก นี่เป็ภาพวาดชิ้นเดียวของสือจิ่ว เมื่อ 10 ปีก่อน หลังจากที่เปิดตัวในโรงประมูลที่นิวยอร์ก มีผู้ซื้อลึกลับประมูลไปได้ เื่นั้นเป็ที่ฮือฮากันอยู่สักพัก ราคาซื้อขาย ณ ตอนนั้นอยู่ที่ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เรียกได้ว่าราคาสูงลิ่วสำหรับศิลปินผู้ไม่ได้เป็ที่รู้จัก
หลังจากเงียบหายไป 10 ปี ก็ไม่มีผลงานชิ้นอื่นของสือจิ่วออกสู่ตลาดอีกเลย และนั่นยิ่งทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น ณ ขณะนี้ มูลค่าของภาพวาดอยู่ที่ราวๆ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ที่สะสมไม่ได้มีเจตจำนงที่จะขาย เพียงแต่อนุญาตให้ทางนิทรรศการหยิบยืมมาจัดแสดงในงานได้เท่านั้น
“จิตรกรน่าจะเป็ชาวจีน” เสิ่นิเห็นว่าที่มุมขวาของภาพวาดมีการลงนามด้วยตัวอักษรสองตัว “สือจิ่ว” ซึ่งน่าจะเป็ลายเซ็นของศิลปิน
“ฉันล่ะไม่เข้าใจ วาดได้ดีขนาดนั้น ทำไมไม่วาดออกมาขายอีก?” เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความสงสัย
“แรงบันดาลใจของพวกนี้มันก็เหมือนกับชีวิต บางครั้งมันก็หายวับไปเลย ไปกันเถอะ” ัดำหยุดอยู่นานเกินไปแล้ว เธอส่งสัญญาณให้เซี่ยวอี๋เข็นรถเข็นเพื่อชมงานต่อไป
แต่เสิ่นิดูออก ภาพที่ัดำชื่นชอบมากที่สุดก็คือ ‘ปิกนิก’ ในขณะที่ชมภาพอื่นๆ เธอก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่มีความสุขเช่นนั้นอีก
หลังจากเดินมาได้ 1 ชั่วโมง ัดำและเซี่ยวอี๋ก็มาถึงห้องน้ำ แม้ข้างในจะไม่มีใคร แต่เสิ่นิก็ทำได้แค่เพียงคอยอยู่ด้านนอก
ณ เวลานี้ ผู้หญิงผิวดำในเสื้อคลุมเดินเข้ามา เสิ่นิที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้ายิ้มให้เธอเล็กน้อย แต่หญิงร่างั์ซึ่งเป็ลักษณะเฉพาะของสาวชาวแอฟริกันกลับไม่สนใจชายตามองเสิ่นิเลยด้วยซ้ำ
หญิงสาวเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำซึ่งอยู่ข้างๆ ัดำ เซี่ยวอี๋ยืนอยู่ที่อ่างล้างมือ รอให้ัดำเสร็จธุระ
ทุกอย่างเป็ไปอย่างราบรื่น กระทั่งหญิงสาวคนนั้นหยิบปืนพก USP ออกมาจากกระเป๋าถือและติดตั้งอุปกรณ์เก็บเสียง
หญิงผิวดำเคลื่อนกระบอกปืนข้ามแผ่นไม้กั้นห้องบางๆ ไปอย่างชำนาญการ เธอปลดล็อกเซฟปืนอย่างนุ่มนวล
ทันใดนั้น เสียงโครมก็ดังขึ้น ประตูด้านหน้าของมือปืนถูกหมัดเจาะทะลุเข้าไป ฝ่ามือนั้นรวบคอเสื้อของเธอเอาไว้และดึงกระแทกเข้ากับประตูไม้ มือปืนสุ่มยิงไปสองนัดด้วยความตื่นตระหนก ะุเฉียดศีรษะของัดำไป
เสิ่นิจับมือปืนโยนไปที่อ่างล้างมือ กระจกบานใหญ่ถูกกระแทกจนร้าวเป็ใยแมงมุม
“นายรู้ได้ยังไงว่าเธอเป็มือสังหาร?” เซี่ยวอี๋ดึงปืนพก G18 ออกมาพร้อมก้าวขึ้นหน้าและเอาเท้าเขี่ยปืนของมือสังหารทิ้งไป
“สีผิวและรสนิยม คนดำที่ฉีดน้ำหอมกีฬาลดราคาของ Adidas จะเข้าใจภาพจิตรกรรมสีน้ำมันชั้นสูงได้ยังไง?” เสิ่นิหมอบลงข้างมือสังหารและทำการตรวจสอบ
“เฮ้ คุณเหยียดสีผิวนี่...” เซี่ยวอี๋ขมวดคิ้ว
“เหยียดก็เหยียด ฟ้องผมสิ” ในขณะที่เสิ่นิพูด วัตถุทรงกลมก็เด้งออกมาจากกระเป๋าเสื้อของมือสังหาร มันคือะเิมือ
“ระวั...” เสิ่นิพูดยังไม่ทันจบคำ เสียงตูมก็ดังขึ้น ะเิมือปล่อยแสงสีขาวและเสียงดังหนวกหู มันคือะเิมือทางยุทธวิธีแสงและเสียงที่ใช้ในกองกำลังพิเศษ แม้แต่เสิ่นิเองซึ่งได้รับการฝึกมาก็ยังสูญเสียการมองเห็นและการได้ยินไปชั่วขณะ
เซี่ยวอี๋ซึ่งมองไม่เห็นเหนี่ยวไกด้วยสัญชาตญาณอยู่หลายครั้ง ะุตกลงบริเวณที่มือสังหารนอนอยู่ แต่หญิงคนนั้นได้หายตัวไปก่อนแล้ว พอขว้างะเิออกจากมือได้ เธอก็กลิ้งหลบไปด้านข้าง
ประสิทธิภาพของะเิคงอยู่ได้ 30 วินาที แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอสังหารทุกคนในที่เกิดเหตุได้
หญิงผิวดำลุกขึ้นยืน และเมื่อเธอถอดเสื้อกันลมออก ก็เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ชาย เธอพุ่งตัวเข้าไปหาเสิ่นิ
ปัก! ปัก! ปัก! เธอพุ่งหมัดใส่เสิ่นิสามครั้งติด ที่ส่วนหน้าท้องและ่เอว เสิ่นิมองไม่เห็นและไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของมือสังหาร เขาทำได้แค่เพียงใช้ทั้งสองข้างป้องกันศีรษะของตนเอาไว้
หญิงผิวดำคนนี้ชื่อเสือดำ เธอเป็นักฆ่าอิสระ ถูกว่าจ้างมาโดยแมมบ้าดำ พลังหมัดของเธอเทียบได้กับแชมป์มวย นิ้วโลหะซึ่งทุบได้แม้กระทั่งคอนกรีต แต่เมื่อกระแทกร่างของเสิ่นิ ร่างของบอดี้การ์ดคนนี้กลับส่ายเพียงแค่สองครั้ง ก่อนจะมีเืทะลักออกมาระหว่างซอกฟัน เขาแตกต่างจากคนทั่วไป
“ร่างกายไม่เลวนี่ ฉันอยากจะซัดแกมากกว่านี้อีก ถ้ายังมีเวลา น่าเสียดายที่ไม่มี” นางเสือดำยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางสะบัดข้อมือ ใบมีดแหลมโผล่ออกมาระหว่างซอกนิ้ว
หมัดของเธอโบกตรงไปยังลำคอของเสิ่นิ เสิ่นิที่หลับตาอยู่ ทันใดนั้นก็เกิดประกายวับขึ้นที่ด้านข้าง ราวกับว่าเขาเห็นเสือดำกำลังบุกเข้ามาทางด้านหน้า เขาหมุนตัวหมอบลง ช้อนเ้าเสือดำซึ่งหนักเกือบ 90 กิโลกรัมขึ้นอย่างง่ายดายเหมือนกับแบกเป้
“คราวหน้าก็อย่าใส่น้ำหอมฉุนแบบนี้อีกนะ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว” เสิ่นิทุ่มเสือดำลงกับพื้น ศีรษะของเธอกระแทกกับพื้น กระเบื้องปูพื้นร้าวเป็แถบ หญิงสาวน้ำลายฟูมปากและหมดสติไป
ผ่านไป 20 วินาที การมองเห็นและการได้ยินของเสิ่นิก็เริ่มกลับมาเป็ปกติ เขาเคาะประตูไม้ที่กั้นระหว่างัดำเอาไว้
“ใส่กางเกงอยู่ รอก่อน” ัดำพิรี้พิไรราวกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
“นายได้รับาเ็!” เซี่ยวอี๋เห็นคราบเืที่มุมปากของเสิ่นิ
“โดนไปหลายหมัด ไม่เป็ไร” เสิ่นิยกมือเช็ดเืที่มุมปาก
ถูกโจมตีสองวันติด ัดำใช้ชีวิตยากแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมรับ ยังดื้อดึงที่จะปรับตัว
เมื่อออกมาจากหอศิลป์ ทั้งสามคนก็พุ่งกลับที่สำนักงานใหญ่ด้วยความเร็ว เมื่อรถหยุดลง เสิ่นิก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สายตาพี่น้องในแก๊งดูแปลกๆ ไป เหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ
“อาเจ๊ เขามาแล้ว” เตาปาผู้ซึ่งเป็บอดี้การ์ดัดำก่อนหน้าเสิ่นิอุ้มัดำลงจากรถ สีหน้าของเขาแสดงถึงความลำบากใจ
“คิดไว้อยู่แล้วว่าตาเฒ่าจะต้องมา แต่ฉันก็ไม่ได้หวังว่ามันจะเร็วขนาดนี้” ัดำถอนหายใจ ตาเฒ่าที่ว่านั่นก็คือประธานม่านไม้ไผ่ ซุนเฉียน
ชายชราผู้นี้มีอายุกว่า 60 ปี ปกครองม่านไม้ไผ่มาเป็เวลา 30 ปีแล้ว เขาเป็ผู้รวบรวมมาเฟียอันธพาลไต้หวัน มีความแก่กล้าที่จะขยายธุรกิจออกไปทั่วทุกมุมโลก เรียกได้ว่าเป็ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่สุดของม่านไม้ไผ่ ัดำสามารถเปลี่ยนจากหญิงสาวผู้ถูกดูิ่ เป็หัวหน้าเขตสหรัฐได้ทั้งที่อายุยังน้อย แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าวิสัยทัศน์ของซุนเฉียนน่าทึ่งมากแค่ไหน
“ผู้เฒ่าอยู่ที่ไหน?” ัดำถามเบาๆ
“ที่ห้องของอาเจ๊”
“เขาเปลี่ยนรองเท้าหรือเปล่า?”
“น่าจะไม่...” เตาปายิ้มเจื่อนๆ
“บอกคุณป้า อีกเดี๋ยวให้มาทำความสะอาดครั้งใหญ่ด้วย... ช่างเถอะ ฉันว่าคงไม่จำเป็แล้ว” ัดำหมุนล้อไปที่ลิฟต์ด้วยความขมขื่น
เธอพาเพียงเสิ่นิและเซี่ยวอี๋ไปพบประธาน อาวุธของเซี่ยวอี๋และเสิ่นิถูกปลดเก็บไปโดยยามที่เฝ้าอยู่
ระหว่างลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไป เสิ่นิก็ตีมือของเซี่ยวอี๋และกระซิบที่ข้างหู “อีกเดี๋ยวคอยอยู่ที่ด้านหลังของัดำนะ ถ้าเห็นอะไรผิดปกติ ให้รีบถอนกำลังทันที”
“มีอันตรายหรือ?” เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความประหม่า
“เราตกอยู่ในอันตรายเรียบร้อยแล้ว” ัดำตอบคำถามเซี่ยวอี๋
ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงดังติ๊ง ยังคงเป็ห้องใหญ่อันคุ้นเคย แต่กลับมีคนแปลกหน้ามากมาย นอกจากชายชราในผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ซึ่งกำลังวุ่นอยู่ในครัวแล้ว ก็มีคนอีก 20 คนโดยรอบ นักเลงในเสื้อลายดอก พร้อมโซ่ทองคำ เมื่อเห็นรอยสักที่ใต้แขนเสื้อของพวกเขา ก็รู้ได้แล้วว่าไม่ใช่คนดี
“ัดำกลับมาแล้ว? รอก่อนนะ อีกเดี๋ยวก็จะพร้อมรับประทานแล้ว” ชายชราในครัวกล่าวอย่างสนิทสนมเหมือนกับคนเป็พ่อ
“ทำไมท่านประธานถึงมาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าวฉันสักคำล่ะคะ ฉันจะได้ไปต้อนรับที่สนามบินด้วยตัวเอง” ที่ัดำเรียกเขาว่าตาเฒ่าลับหลัง แต่ต่อหน้าก็ยังแสดงความเคารพ
“ระหว่างเราไม่ต้องมารยาเสแสร้งกันอีกแล้ว ก็เหมือนตอนแรกที่เธอเจอฉันนั่นแหละ ไม่พูดถึงเื่ความรู้สึก ถกกันแต่เื่ธุรกิจ ฉันยกตำแหน่งประธานในห้องให้แก่เธอ เธอก็มอบเส้นทางปาฏิหาริย์ในวงการมาเฟียให้กับฉัน ัดำ หลายปีมานี้ สิ่งที่เธอสร้างมามันเรียกว่าปาฏิหาริย์ มันช่างน่าอัศจรรย์” ชายชราที่กำลังหั่นผลไม้อยู่เงยหน้าขึ้นมามองัดำ ชายชราอายุ 68 ปีแล้วแต่ยังหล่อเหลา ถึงผมหงอกจะขึ้นตามขมับแล้วก็ตามเถอะ
“ท่านประธานชมเกินไปแล้ว” ัดำเคลื่อนตัวมาที่โซฟาในห้องนั่งเล่นและหยุดลง นักเลงเสื้อลายดอกขยับล้อมเข้ามาใกล้เธอ สองมือของเสิ่นิขยับเข้าไปใกล้กับเป้ากางเกง แต่นิ้วก็ได้แอบปลดสายเข็มขัดออกแล้ว
“ไม่เกินไปหรอก ม่านไม้ไผ่ในเขตสหรัฐที่มีเธออยู่ ผลการดำเนินงานเติบโตในอัตรา 40% อัตราความขัดแย้งลดลง 50% บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็แค่นักธุรกิจ” ประธานถืออาหารสำหรับสองที่เดินออกมา ที่หนึ่งเป็สลัดผลไม้ อีกที่หนึ่งเป็บะหมี่ใส่ไข่และมะเขือเทศ
“ไม่มีนักธุรกิจคนใดที่ชอบธรรมบนโลกใบนี้ ท่านประธาน พูดเข้าเื่เถอะค่ะ” ัดำไม่อยากอ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว