หลินรั่วซีไม่พอใจเป็อย่างมากกับหญิงสาวสูงศักดิ์ที่ประสบความสำเร็จั้แ่วัยเยาว์วัยอย่างเธอนั้นเธอไม่เคยโดนพูดในลักษณะนี้มาก่อน เธอหัวเราะในลำคออย่างเ็าพร้อมกล่าวว่า
"นี่กุญแจดูสิว่านายจะทำอย่างไรได้" เธอกล่าวพร้อมหย่อนกุญแจลงบนมือหยางเฉิน
หยางเฉินรับกุญแจไว้เหมือนมันไม่ใช่รถราคาแพง เป็แค่รถธรรมดาคันหนึ่งเท่านั้น หลังจากเปิดประตูแล้วเข้าไปยังที่นั่งคนขับหยางเฉินก็กดสวิตช์เปิดกระโปรงรถทันที
หลินรั่วซีเห็นดังนั้นก็ทั้งสงสัยและประหลาดใจ
"นาย…นายจะทำอะไรกับรถของฉันน่ะ"
หยางเฉินกลอกตาไปมาผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
"ผมจะทำอะไรได้อีกล่ะครับ?เมื่อรถเสีย ผมก็ต้องซ่อมสิ"
"นายซ่อมรถคันนี้ได้งั้นหรือ?"แม้ว่าหลินรั่วซีไม่ได้มีความรู้เื่รถยนต์มากนักเธอ แต่เธอก็พอรู้ว่ารถคันนี้เป็รถระดับไหนคนขายแพะข้างถนนที่ไม่แม้แต่จะมีรถเป็ของตัวเองจะสามารถซ่อมรถหรูอย่างนี้ได้งั้นหรือ?
หยางเฉินไม่สนใจหลินรั่วซีเขาโน้มตัวลงไปดูสภาพเครื่องยนต์ ผ่านไปไม่นานเขาก็พูดขึ้นว่า
"เครื่องยนต์ดับไปหลังจากสตาร์ทใช่มั้ยครับ?"
หลินรั่วซีคิดสักครู่จากนั้นก็พยักหน้า
"คุณเพิ่งเติมน้ำมันวันนี้ใช่มั้ย?"
หลินรั่วซีรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเขายังไม่ทันสตาร์ทรถเลย แล้วเขาสามารถรู้สภาพรถได้อย่างไรกันและแม้กระทั่งรู้ด้วยว่าเธอเพิ่งเติมน้ำมันวันนี้!?
"นาย…นายรู้ได้ยังไง ?"
"คุณเติมน้ำมันต่างจากปกติใช่หรือเปล่า?"หยางเฉินยังคงถามต่อ
ตอนนี้หลินรั่วซีรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเมื่อเช้านี้เธอกลัวจะไปประชุมสายเธอจึงเลือกที่เติมปั๊มน้ำมันที่เธอไม่เคยเติมมาก่อน
หรือว่าคนขายแพะทุกคนจะเคยเป็ช่างซ่อมรถยนต์มาก่อน!?หลินรั่วซีคิดในใจอย่างไร้เดียงสา
หยางเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขารู้สาเหตุแล้วและกล่าวขึ้นว่า
"รถคันนี้้าน้ำมันที่มีเอทานอลเป็ส่วนผสม รถยนต์อังกฤษโดยเฉพาะรถหรูๆ มักมีปัญหาแปลกแบบนี้ ในขณะที่รถกากๆกลับไม่ค่อยมีปัญหา"
"หมายความว่ารถไม่ได้เสียแต่น้ำมันที่เติมไปมีปัญหา?" หลินรั่วซีเข้าใจในที่สุด
หยางเฉินพยักหน้า"ใช่ มันกินน้ำมันที่ไม่ชอบเข้าไปและมันก็เลยงอนคุณ"
คำพูดของหยางเฉินเกือบทำให้หลินรั่วซีหลุดหัวเราะแต่เพราะจิตใต้สำนึกของความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างพวกเขาและเธอเธอจึงต้องรีบกลืนเสียงหัวเราะของตัวเองกลับไป เธอพยักหน้าพลางกล่าวว่า
"ฉันเข้าใจแล้วฉันจะโทรหาใครสักคนมาจัดการกับมันพรุ่งนี้" กล่าวจบเธอก็เดินไปที่รถของหยางเฉิน
หลังจากเข้ามาในรถของหยางเฉินหลินรั่วซีก็เข้าสู่โหมดนิ่งเงียบไปในทันที และหยางเฉินก็ขับรถออกไป
เมื่อพวกรถของหยางเฉินจอดติดไฟแดงก่อนขึ้นทางด่วนรถมาเซราติแกรนทัวริสโม่ สีเทาเงินก็คำรามมาแต่ไกล และจอดลงที่ข้างๆ รถของหยางเฉินภายในรถเป็ชายหนุ่มรูปหล่อสวมแว่นตากันแดด และเสื้อลายดอกสีแดงสดใสเปิดหน้าอกเมื่อเขาสังเกตเห็น BMW M3 ข้างๆเขาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบหลินรั่วซีทันใดนั้นตาของเขาก็ลุกวาวจนถึงกับเปิดกระจกลงครึ่งหนึ่งเพื่อดูให้แน่ชัด
สิ่งแรกที่เขาคิดคือคนขับต้องเป็แมงดาตัวน้อยที่เกาะหญิงสาวกินอย่างแน่นอนเพราะชายหนุ่มดูไม่มีราศีของคนรวยเลยแม้แต่น้อยรอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาจากนั้นจึงกลายเป็รอยยิ้มเชื่อมั่นในเสน่ห์ของตัวเองและะโขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
"เฮ้ยน้องชาย!อยากแข่งกันสักหน่อยมั้ย?"
หยางเฉินที่จ้องไฟแดงข้างหน้าซึ่งกินเวลาประมาณสองนาทีอย่างเบื่อหน่ายอยู่นั้นก็เหลือบมองไปตามทิศทางเสียงแว่วๆ
"แล้วฉันจะได้อะไร?"
"จากทางด่วนนี้ทางออกที่สามเป็เส้นชัย ถ้านายชนะฉันจะให้นายสองหมื่นถ้านายแพ้ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ จะต้องมากับฉัน"ชายคนนั้นพูดพลางมองหลินรั่วซีด้วยดวงตาซุกซน
หลินรั่วซีขมวดคิ้วเธอแล้วส่ายหัวเล็กน้อยไปที่หยางเฉิน เธอรู้สึกรำคาญที่จะกล่าวเต็มที
หยางเฉินพยักหน้าหลังจากขบคิดสักพักเขาก็กล่าวขึ้นว่า"ดี แต่เปลี่ยนเดิมพันสักหน่อยถ้านายแพ้ นายต้องหยุดรถ และให้ฉันเตะมัน"
"บัดซบ!แกคิดว่าแกเป็ซูเปอร์แมนก็ลองดู ถ้าแกไม่กลัวขาหักล่ะก็นะ!?นี่มาเซราตินะโว้ย! คิดว่ามันเป็สลัดหรือยังไง!?"ชายคนนั้นะโเหยียดหยัน
หยางเฉินไม่สนใจเขากล่าวต่อว่า "ถ้านายไม่อยากแข่งก็ไสหัวไป"
"โอเครถของฉันแต่งมาอย่างแรง! ผู้หญิงของแกต้องเป็ของข้าคืนนี้!"ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังก่อนเหยียบคันเร่งจนเครื่องยนต์คำรามอีกครั้ง
หลินรั่วซีจ้องมองหยางเฉินถ้าหากพวกเขาไม่ได้อยู่บนทางด่วนเธอจะลงจากรถในทันที
"ถ้านายจะบ้าก็บ้าไปคนเดียวทำไมต้องใช้ฉันเป็เดิมพันด้วย! นายคิดว่าฉันเป็ใคร!?"
หยางเฉินยิ้มดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ไฟแดงอย่างไม่วางตา "เพราะผมไม่ชอบให้คุณถูกมันล้อเลียนเดิมพันดังนั้นผมเลยต้องเดิมพันกับมัน ไม่ต้องกลัวผมไม่ได้มีนิสัยยอมให้ภรรยากลับไปกับคนอื่น..."
โดยไม่รอให้หลินรั่วซีตอบหยางเฉินเหยียบคันเร่ง รถ M3 พุ่งทะยานดั่งธนูหลุดออกจากจุดสตาร์ท
ทางด้านมาเซราติเองก็ออกพร้อมแทบพร้อมกัน
รถสองคันทั้งต่างใช้เครื่องยนต์V8 ใช้และรอบของเครื่องยนต์อยู่ที่ 4Lแม้ว่ามาเซราติจะสูงกว่าเล็กน้อย เพราะถูกปรับแต่งมาแต่ความเร็วในการออกตัวก็ไม่ต่างกันมาก
เมื่อรถทั้งสองคันวิ่งขึ้นมาบนทางด่วนพวกเขาก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเห็นเป็เส้นแสงสีขาวและสีเงิน
หลินรั่วซีรู้สึกได้ถึงความเร็วและแรงสั่นะเืของรถที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเธอไม่อาจทำอย่างไรได้ ตัวของเธอแนบชิดกับที่นั่ง เธอไม่เคยขับรถที่ความเร็วกว่า 140กิโลเมตร/ชั่วโมงมาก่อน โดยปกติแล้วเธอขับที่ความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมงหรือ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้นเธอจะเคยััความเร็วที่แท้จริงของรถสปอร์ตได้อย่างไร!?
แม้รถทั้งสองคันจะมีความเร็วสูงสุดเกินกว่า300 กิโลเมตร/ชั่วโมงแต่เมื่อความเร็วนั้นสูงขึ้นที่เหลือก็เป็ความสามารถของคนขับแล้วว่าจะสามารถควบคุมรถเอาไว้ได้อยู่หรือไม่
หลินรั่วซีมองหยางเฉินที่กำลังนั่งเหยียบคันเร่งอย่างสบายๆในขณะที่ความเร็วของรถเองก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องเธอจึงเหลือบมองหน้าปัดไมล์ และเห็นเข็มชี้ไปที่ตัวเลขสีแดงสดใส 200!!!
คนบ้านี่กล้าขับรถถึง200 กิโลเมตร/ชั่วโมงบนทางด่วนที่จำกัดความเร็วที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง!?
รถรอบๆต่างกลายเป็ภาพเบลอ เพราะความเร็วที่ต่างกันเกินไปและรถทางด้านหน้าก็ต่างหลีกทางให้เป็การใหญ่
มีเพียงมาเซราติที่อยู่ด้านข้างเท่านั้นที่ยังคงเร่งความเร็วมาติดๆจนไมล์รถนั้นพุ่งทยานขึ้นเรื่อยๆ 200 205 210... หน้าผากของชายหนุ่มเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาเขาเริ่มควบคุมรถได้น้อยลงแล้ว
และไม่ใช่แค่รถแต่ยังเป็สภาพถนนเมื่อความเร็วเริ่มทำให้เขาควบคุมอะไรได้ยากนั่นทำให้ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาภายใน จนความเร็วของมาเซราติเริ่มลดลง!
อีกด้านหนึ่งหยางเฉินดูเหมือนยังสบายๆ อยู่ เขาเร่งเครื่องรถ M3จนถึง 240 กิโลเมตร/ชั่วโมงเขาใช้มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย อีกข้างหนึ่งเข้าเกียร์พร้อมแซงรถที่อยู่ด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง
หลินรั่วซีรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอกำลังจะกระโจนออกมาจากหน้าอกความเร็วที่บ้าคลั่งพวกนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนสภาพแวดล้อมรอบๆ ต่างก็ช้าลงแม้เธอจะรู้สึกน่าอายและผิดหวังกับตัวเองแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงร้องเหมือนเธอจะไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
"นาย…ขับช้าลงหน่อย..."
"ถ้าผมขับช้าลงเขาจะแซงทันได้นะครับ" หยางเฉินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม "อย่างที่ผมบอกไปผมไม่ชอบให้ภรรยากับคนอื่น"
"มองไปข้างหน้า!อย่ามองฉัน!" หลินรั่วซีเห็นหยางเฉินหันศีรษะมาคุยกับเธอเธอจึงะโขึ้นด้วยความใ
หยางเฉินไม่คิดว่าหลินรั่วซีจะมีท่าทางเช่นนี้เราจึงหัวเราะอย่างสนุกสนาน
หลินรั่วซีรู้สึกเสียหน้าหน้าจึงรีบแก้ตัวด้วยความวุ่นวาย
"ฉัน…ฉันไม่ได้กลัว ฉันแค่กังวลว่านายจะถูกยึดใบขับขี่เนื่องจากขับรถเร็วเกินข้อกำหนด!"
ได้ยินดังนั้นหยางเฉินก็แสดงท่าทางแปลกๆออกมา เขาถอนหายใจ กล่าวอย่างเอียงอายว่า
"รั่วซีที่รักผมลืมบอกไปว่าผมไม่มีใบขับขี่ ดังนั้นผมเลยไม่กลัวจะโดนยึด..."
"..."
หลินรั่วซีรู้สึกเหมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใดเธอหลับตาลงอย่างขมขื่น และรู้สึกว่าเธอจะต้องบ้าตายแน่ๆหากมองไปยังชายที่นั่งข้างๆ
หลังจากนั้นประมาณห้าหรือหกนาทีหยางเฉินก็หยุดรถตรงทางออกที่สามของทางด่วน สองนาทีต่อมารถเซราติสีเทาเงินก็ปรากฏตามหลังมา
ชายหนุ่มรักษาคำพูดเขาไม่ได้หนีไปหลังจากเห็นความต่างชั้น แม้เขาจะรู้สึกหดหู่แค่ไหนแต่เขาก็ยังลดกระจกลง และกล่าวว่า"ฉันแพ้แล้ว มาสิ!เชิญเตะได้ตามสบาย"
หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธหลังจากเดินไปรอบๆ รถมาเซราติ เขาเลือกที่จะเตะฝากระโปรงรถ ขวาบนโลโก้ตรีศูล
ชายหนุ่มเ้าของรถไม่ได้กังวลอะไรเลยแม้แต่น้อยเขาหาวและไม่ได้สนใจจะดูด้วยซ้ำลูกเตะของมนุษย์จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับรถได้สักเท่าไหร่เชี่ยว?
ปัง!!!
เกิดเสียงดังขึ้นอย่างรุนแรงจนชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงสั่นะเื และเมื่อมองไปด้านหน้าของรถที่ถูกหยางเฉินเตะชายหนุ่มก็เกือบจะฉี่รดกางเกงไปในทันที!
กระโปรงหน้ารถมาเซราติคันใหม่เอี่ยมตอนนี้ยุบลงไป!!
"แกต้องโกงแน่ๆ!แกผูกเหล็กติดไว้กับขาใช่มั้ย!?"
ชายคนนั้นะโเสียงดังรถถูกเตะจนรูปร่างเปลี่ยนไปเช่นนี้ นั่นทำให้เขาอยากจะร้องไห้ แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่หยางเฉินกำลังทำอะไรเขาก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมาพร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด…
เขาเห็นหยางเฉินนั่งบนฝากระโปรงรถและเห็นรองเท้าที่หยางเฉินถอดออกมา แน่นอนว่าหยางเฉินถอดมันออกก่อนที่จะเตะนั่นเอง!
แม้แต่หลินรั่วซีซึ่งนั่งอยู่ใน M3 เองก็เอามือปิดปากด้วยความตกตะลึงเธอเห็นหยางเฉินถอดรองเท้า และเตะเข้าที่โลโก้รถด้วยตาของเธอเองเดิมทีเธอคิดว่าหยางเฉินเพียงแค่้าล้อเล่นและเธอก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลับกลายเป็อย่างนี้เธอรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมาเล็กน้อย นอกจากรู้หลายภาษาแล้วชายคนนี้ยังมีอะไรปิดบังเอาไว้อีก?
หยางเฉินใส่รองเท้ากลับไปอย่างสบายๆเขาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเ้าของรถที่กำลังกลัวจนหัวหดแล้วเดินกลับไปที่รถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในระหว่างทางกลับบ้านหลินรั่วซีแอบชำเลืองมองหยางเฉินเป็ระยะๆเมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่มีท่าทีจะอธิบายอะไร เธอก็ไม่อยากเอ่ยถามออกไปเช่นกันสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะหลับตาลง และครุ่นคิดถึงเื่ที่เธอสงสัยต่อไป...