กูเฟยเยี่ยนฝันถึงสิ่งใด?
นางฝันถึงตนเอง!
ในขณะนี้ผิวน้ำแข็งขาวโพลนมีความว่างเปล่า สถานที่แห่งนี้มีเพียงเด็กผู้หญิงและเด็กชายร่างใหญ่ที่ถูกขนานนามว่าพี่หยิ่ง เด็กผู้หญิงถูกพี่หยิ่งจูงมือเดินไปทางทิศเหนือ ความฝันในคราวนี้แตกต่างจากคราวก่อน ในคราวนี้เด็กผู้หญิงก้าวเดินพลางหันกลับมามองนางโดยที่มองมาโดยตลอด
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็เห็นหน้าใบหน้าของเด็กผู้หญิงอย่างชัดเจน!
นางแยกไม่ออกแล้วว่าตนเองกำลังมองเด็กผู้หญิง หรือเด็กผู้หญิงกำลังมองนาง หรือว่านางกำลังมองดูตนเองอยู่ เพราะใบหน้าอ่อนวัยนั้นเหมือนนางในวัยเด็กราวกับพิมพ์ออกมา
เรียกได้ว่าเหมือนกันทุกประการ!
นางคือเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงก็คือนาง นางฝันถึงตนเองมาโดยตลอด!
ฝันร้ายนี้มีมาสิบปีแล้ว!
สิบปีเชียวนะ ทำไมนางถึงโง่เขลาราวกับถูกมนต์สะกดของปีศาจร้ายกัน! ทั้งๆ ที่ทุกครั้งที่ฝันก็จะหวาดกลัวและร้องไห้ ทำไมนางถึงมองไม่ออกว่านั่นคือตัวนางเอง? ทำไมถึงคิดไม่ได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในฝันร้ายนั้นอาจจะซ่อนความทรงจำของนางและซ่อนความจริงเอาไว้?
ความจริง มันคืออะไร?
"ไม่้าละทิ้งหน้าที่ ข้าไม่้าละทิ้งหน้าที่..."
“ข้าไม่้า...”
เด็กผู้หญิงยังคงพึมพำ กูเฟยเยี่ยนควบคุมตนเองไม่ได้ นางยังคงย้ำทุกคำพูดของเด็กผู้หญิง หญิงสาวเริ่มแยกไม่ออกว่าเสียงนั้นดังมาจากตัวเองหรือมาจากเด็กผู้หญิง ดูเหมือนว่าเสียงทั้งสองจะค่อย ๆ ทับซ้อนกัน
ทันใดนั้นเด็กผู้หญิงก็ปล่อยมือเด็กชายร่างใหญ่พลางหันกลับมาวิ่งไปทางกูเฟยเยี่ยน สาวน้อยวิ่งไปพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ "เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ท่านพี่…พวกท่านอยู่ที่ใด? เยี่ยนเอ๋อร์ไม่้าละทิ้งหน้าที่! พวกท่านอย่าทิ้งเยี่ยนเอ๋อร์เลยนะ!"
"เสด็จพ่อ เสด็จแม่..."
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
กูเฟยเยี่ยนไม่ทราบความจริง เพียงแต่เมื่อเห็นตนเองในวัยเจ็ดถึงแปดปีร้องไห้เช่นนี้ นางก็อดร้องไห้คร่ำครวญไม่ได้
เด็กหญิงตัวน้อยเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็ชนเข้ากับกูเฟยเยี่ยน วินาทีนั้นกูเฟยเยี่ยนถูกกระแทกจนแตกออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในที่สุดนางก็ไม่ได้เป็ผู้มองดูเหตุการณ์อีกต่อไป ในที่สุดนางก็กลายเป็เด็กหญิงตัวน้อย และในที่สุดก็กลับไปใน่อายุแปดปี
นางยังคงไม่หยุดวิ่งไปทางใต้ โดยที่วิ่งไปพลางร้องไห้คร่ำครวญ นางไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึง้าวิ่งไปทางใต้ แต่ภายในใจมีความศรัทธาที่จะกลับไปเพราะไม่้าละทิ้งหน้าที่ นาง้าไปช่วยเสด็จพ่อ เสด็จแม่ และคนอื่นๆ
แต่ทันใดนั้นกูเฟยเยี่ยนก็หยุดชะงักกะทันหันเพราะสังเกตเห็นว่าเบื้องหน้าปรากฏัดูดซับน้ำ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองดู ผ่านไปไม่นานัดูดซับน้ำก็หยุดกะทันหันและมีบุรุษคนหนึ่งหล่นลงมา บุรุษคนนี้มีอายุสามสิบต้นๆ ร่างกายสูงมาก เขาแต่งกายด้วยชุดจิ้นจวงสีดำ ในมือถือดาบวิเศษเสมือนว่าเพิ่งจะพานพบกับาอันดุเดือดเพราะร่างกายเต็มไปด้วยเื
เขาใช้ดาบเล่มยาวพยุงตนเองกับพื้น เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับาเ็สาหัส ทว่าไม่นานก็ลุกขึ้นยืน การกระทำของเขามีความเด็ดขาดและดุดัน หลังจากที่เขายืนขึ้นยิ่งให้ความรู้สึกสูงใหญ่ แม้ว่าร่างกายจะเต็มไปด้วยเื แต่ก็ไม่เห็นถึงความจมมุม ตรงกันข้ามเขากลับเต็มไปด้วยอำนาจ
เขายืนหันหลังให้นางด้วยแผ่นหลังที่ทะนงตนเสมือนกับนักรบที่สูงส่งเป็สง่าและเหมือนกับาาผู้สูงศักดิ์ที่ปกครองทุกสิ่ง ระยะห่างค่อนข้างไกล เพียงแค่แผ่นหลังเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความกดดัน กูเฟยเยี่ยนทราบดีว่าคนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดามากแน่ๆ เขาไม่ธรรมดายิ่งกว่าบุคคลระดับสูงที่นางเคยพบเจอเสียอีก
เขาคือใคร?
ทันใดนั้น เสียงของสาวน้อยก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง “เสด็จพ่อ!”
เสด็จพ่อ!?
เด็กผู้หญิงปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ จู่ๆ เด็กน้อยก็วิ่งมาจากด้านหลังของกูเฟยเยี่ยนโดยที่วิ่งไปหาชายคนนั้น และในขณะเดียวกันชายคนนั้นก็หันกลับมา
เสี้ยววินาทีนั้นกูเฟยเยี่ยนมีความตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ใบหน้าของคนผู้นั้นหล่อเหลาน่าเคารพนับถือดั่งใบหน้าของเทพเ้า คิ้วและดวงตาแผ่กระจายความสูงศักดิ์และความดุดันที่มิอาจพรรณนาได้ สิ่งนี้ทำให้ผู้คนยอมจำนนและเกรงกลัว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เขากำลังยิ้มให้กับเด็กผู้หญิง รอยยิ้มนั้นใจดีและอบอุ่นจนเพียงพอที่จะละลายน้ำแข็งทั้งหมดในทะเลน้ำแข็งปิงไห่ เขาย่อตัวลงมาโอบกอดเด็กผู้หญิงและจุมพิตหน้าผากของนางพลางกอดไว้ในอ้อมแขนอย่างเนืองแน่น
เขาเอ่ยว่า "เยี่ยนเอ๋อร์ พ่อคิดถึงเ้าแล้ว"
สาวน้อยไม่เอ่ยวาจาใดๆ ออกมา ทว่ากูเฟยเยี่ยนกลับร้องไห้ "เสด็จ...เสด็จพ่อ เยี่ยนเอ๋อร์อยู่นี่"
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยิน เขายังคงกอดเด็กหญิงไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะสูญเสียนางอีกครั้ง ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักทะนุถนอมและเอ็นดูไม่มีที่สิ้นสุด
กูเฟยเยี่ยนร้อนใจแล้ว ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวไปข้างหน้า จู่ๆศีรษะของนางก็บังเกิดความเ็ปอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกัน ภาพที่ไม่คุ้นตาแต่คุ้นเคยก็เริ่มย้อนกลับมาในความคิดของนาง สิ่งเ่าั้เกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิงและเกี่ยวข้องกับวัยเด็กของนาง
นางกอบกุมศีรษะและหลับตาลง
นางไม่เคยปวดศีรษะในความฝันและไม่เคยหวนคิดถึงเื่ราวมากมายในขณะที่ปวดศีรษะ ความทรงจำของนางจะฟื้นคืนมาหรือ? เื่ราวในฉากที่แวบเข้ามาในศีรษะทำให้นางมองเห็นเรือนอันเงียบสงบและอบอุ่น ถนนการค้าที่เจริญรุ่งเรืองและครึกครื้น พระราชวังที่ทรงพลังและมีพลานุภาพ ูเากับแม่น้ำที่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อีกทั้งนางยังมองเห็นถึงโลกที่แปลกตาแต่คุ้นเคย เพียงแต่ว่าไม่พบเจอผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว
กูเฟยเยี่ยนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและมองไปยังสองพ่อลูกที่กำลังกอดกันต่อหน้านาง ทว่าพริบตาเดียวร่างของพวกเขาก็แตกกระจายออกเป็เสี่ยงๆ
"ไม่นะ! "
"เสด็จพ่อ! "
กูเฟยเยี่ยนพยายามะโเสียงดังลั่น น้ำตาไหลรินออกมาทันที
“ไม่นะ เสด็จพ่อ...ฟู่หวง...อย่าไปนะ! ”
“เยี่ยนเอ๋อร์อยู่นี่ ท่านอย่าไปนะ! ”
ไม่มีผู้ใดรับรู้ว่าความฝันแตกสลายหรือความฝันสิ้นสุดลง ภายในถ้ำ กูเฟยเยี่ยนปิดเปลือกตาแน่นและขดตัวเป็ก้อนกลมพลางร้องไห้คร่ำครวญ "ไม่นะ...เสด็จพ่อ อย่าไปนะ ท่านอย่าไปเลยนะ! เยี่ยนเอ๋อร์อยู่ที่ เยี่ยนเอ๋อร์อยู่ตรงนี้! ท่านมองเห็นเยี่ยนเอ๋อร์หรือไม่? เสด็จพ่อ..."
นางร้องไห้จนเจียนขาดใจ ร้องไห้จนเจียนใจแตกสลาย ร้องไห้จนแทบทรุด ทว่าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเสมือนว่าติดอยู่ในห้วงแห่งฝันร้ายและไม่สามารถตื่นขึ้นได้
แม้ว่าจวินจิ่วเฉินจะประหลาดใจ แต่เขารู้สึกทุกข์ใจมากกว่า เขาไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงมากนัก ทว่าก็ยังอุ้มนางขึ้นมาและตบหน้านางเบาๆ “กูเฟยเยี่ยน เ้าตื่นสิ! ตื่น! ”
“ตื่นสิ! ตื่นแล้วก็จะไม่เป็ไรแล้ว! ”
ทันใดนั้นกูเฟยเยี่ยนก็ลืมตาขึ้นมา เพียงแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ตื่นจริงๆ สายตาของนางมีความตกตะลึง ั์ตามีความแดงก่ำ น้ำตายังคงไม่หยุดไหลริน
จวินจิ่วเฉินกระวนกระวายใจ “กูเฟยเยี่ยน เ้าเป็อะไรไป! เ้าตื่นสิ! ”
เขาทั้งผลักนางทั้งตีนาง เขาถึงขั้นตัดสินใจหยิกนาง ทว่านางก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน หมางจ้งที่อยู่ด้านข้างมีความใเช่นกัน เขาจึงอุทานออกมาว่า “เตี้ยนเซี่ย ถ้าเป็เช่นนี้ต่อไปนางจะร้องไห้จนตาบอดหรือไม่? ”
จวินจิ่วเฉินมีความกังวลเช่นกัน เขายังไม่ทันได้ส่งเสียงใดๆ หมางจ้งก็รีบเอ่ยออกมาอีกครั้งว่า “เตี้ยนเซี่ย นาง นาง...เมื่อสักครู่นี้ตอนที่อยู่บนหลังม้านางก็มีอาการเช่นนี้ เป็ไปได้หรือไม่ว่านางสติวิปลาสเสียแล้ว? ”
ทันทีที่หมางจ้งเอ่ยจบ กูเฟยเยี่ยนก็กรีดร้องขึ้นมาอย่างกะทันหันอีกครั้ง "อย่าไป อย่าทิ้งข้าเลยนะ! "
นางสะบัดมือของจวินจิ่วเฉินออกอย่างรุนแรงแล้วลุกขึ้นยืน ั์ตาของกูเฟยเยี่ยนยังคงเหม่อลอย นางมองไปยังจวินจิ่วเฉินด้วยความมึนงงและหันไปมองหมางจ้งพลางพึมพำเบาๆ “พวกเ้าเป็ใคร? พวกเ้าเป็ใครกัน? ”
หญิงสาวกุมศีรษะพลางก้าวถอยจนกระแทกกับกำแพง นางใช้ท้ายทอยโขกเข้ากับกำแพงหลายต่อหลายครั้ง
"กูเฟยเยี่ยน! "
จวินจิ่วเฉินทั้งโกรธทั้งกระวนกระวาย เขาไล่ตามไปดึงนางเข้าสู่อ้อมอกด้วยแรงทั้งหมดที่มี กูเฟยเยี่ยนยังคง้าสู้ หมางจ้งจึงรีบเข้าไปช่วยเช่นกัน
เพียงแต่ว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงดิ้นรนอย่างรุนแรง หญิงสาวร้องไห้และดิ้นรนอย่างสูญเสียการควบคุม
ในที่สุดจวินจิ่วเฉินก็ตื่นตระหนก เขาทนความเ็ปที่่แขนและคว้าเข้าที่ท้ายทอยของหญิงสาวอย่างแรงพลางก้มศีรษะลงเพื่อทาบทับริมฝีปากของนาง เขาจุมพิตปิดเสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ของกูเฟยเยี่ยน…