ิเป่าจูเบะปาก ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง รอให้ซ่งอี้แนะนำตนเอง
“เ้าเป็ใคร มีปัญหากับความคิดเห็นของข้ารึ” แม้ชายชราจะอายุมาก แต่หูไวและมีสายตาเฉียบคม อากัปกิริยาเล็กน้อยของิเป่าจูก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของเขาไปได้
“โอ้ ข้าลืมแนะนำไปเสียสนิท โจวเหล่า ผู้นี้เอาของมาประเมินราคา แม่นางนามของท่าน...” ซ่งอี้ก้มลงมองพลางเอ่ยถาม
“ิเป่าจูเ้าค่ะ”
เดิมทีไม่อยากบอกชื่อจริง แต่นึกๆ ดูแล้วก็ไม่มีสิ่งใดต้องหลบเลี่ยง ตนเองไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่ไหน จึงบอกไปตามตรง
“อื้ม นี่คือโจวเหล่า ของที่มาประมูลในหอหมื่นสมบัติของเราทุกชิ้นจะต้องผ่านการประเมินจากโจวเหล่า”
เขาแนะนำทั้งสองฝ่ายอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก แต่โจวเหล่ากลับพูดตัดบทขึ้นมา
“เ้าอย่าพูดแทรก ข้าถามนางอยู่” หางตาของโจวเหล่ากรีดเป็ริ้วเหี่ยวย่นอย่างเด่นชัด เขามองิเป่าจูพลางเอ่ยถาม “เ้าคิดว่าข้าทำไม่ถูกรึ”
“ท่านเป็ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ข้าเป็เพียงผู้เยาว์คนหนึ่งจะกล้ามีความเห็นได้อย่างไร ท่านบอกว่ามันไม่มีมูลค่า ก็แสดงว่าเป็ของไร้ค่า เพียงแต่ข้าแค่รู้สึกว่าการที่ท่านโมโหโทโสกับเื่นี้จนเสียสุขภาพของตนเองคือสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ”
ิเป่าจูทอยิ้ม เอ่ยถ้อยคำประจบสอพลอออกมาได้อย่างคล่องปาก ดึงข้อดีของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่
น้ำเสียงประกอบกับดวงหน้าที่ยังดูเป็เด็กไร้เดียงสาทำให้นางดูเป็หลานสาวผู้เฉลียวฉลาดรู้ความที่เอาใจใส่สุขภาพของท่านปู่ ดูจากสีหน้าของชายชราก็บอกได้เลยว่าได้ผลดียิ่ง
“เด็กคนใช้ได้เลย เ้าบอกว่ามีของมาให้ข้าประเมินราคารึ เอาออกมาดูสิ”
โจวเหล่าฟังแล้วรอยย่นที่หางตาค่อยคลายลง กวักมือเรียกอย่างพึงพอใจ บอกเป็นัยให้ิเป่าจูเอาของรักของหวงมาดูใกล้ๆ
ซ่งอี้ยังยืนที่เดิมไม่ขยับ ดวงตาสีนิลจดจ้องแผ่นหลังของิเป่าจูพลางหรี่ตาลง
แม่นางน้อยคนนี้ไม่ธรรมดา พูดคำเดียวก็ทำให้โจวเหล่าคลายโทสะลงได้ ซ้ำยังกวาดของชิ้นอื่นๆ บนโต๊ะออกไปก่อน แล้ววางกระบุงหญ้าฟางบนหลังของนางลงไปแทนที่
“รบกวนท่านช่วยดูด้วยเ้าค่ะ” ิเป่าจูหยิบต้นตี้สือที่ห่อรากเอาไว้ด้วยห่อผ้าออกมาวางต่อหน้าโจวเหล่า
หญ้าต้นหนึ่ง?
ซ่งอี้ขมวดคิ้ว แต่ด้วยประสบการณ์การทำงานมาหลายปีทำให้เขาไม่ด่วนสรุปง่ายๆ
ตอนอยู่หน้าประตูหอประมูล สายตาที่เด็ดเดี่ยวของิเป่าจูทำให้เขารู้สึกว่าน่าจะเป็ของล้ำค่าบางอย่าง ถึงพานางเข้ามา ไฉนตอนนี้จึงดูเหมือนจะเป็เพียงต้นหญ้าธรรมดาทั่วไปเองเล่า
แต่เมื่อดูจากสายตาของโจวเหล่า ก็ให้ความรู้สึกว่าของสิ่งนี้ไม่ธรรมดา หรือว่าจะมีความวิเศษอันใดซ่อนเร้นอยู่เื้ั
“แม่หนู เ้าได้มันมาจากที่ใด” สายตาของโจวเหล่าเผยแววตกตะลึง
“ข้าพบมันโดยบังเอิญบนูเาเ้าค่ะ” ิเป่าจูตอบอย่างตรงไปตรงมา
ไม่มีความจำเป็ต้องปิดบัง อีกไม่นานนางก็จะย้ายมาเปิดโรงหมอในเมือง ถ้าพูดโกหก เมื่อถึงเวลานั้นก็จะทำให้คนเกิดความระแวงสงสัยด้านพฤติกรรม ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอย่างยิ่งยวด
“เ้ารู้วิชาแพทย์?” คราวนี้ซ่งอี้เป็คนถามบ้าง เขาต้องมองแม่นางน้อยผู้นี้ใหม่แล้วจริงๆ
“เมื่อก่อนเคยร่ำเรียนจากอาจารย์มาบ้างเ้าค่ะ”
ิเป่าจูดึงชายเสื้อขาดๆ ของตนเอง ประสานนิ้วชี้ทั้งสองเข้าหากันอย่างว้าวุ่น เผยแววเก้อเขินอย่างเห็นได้ชัด แม้การกระทำจะดูคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่ก็พอที่จะทำให้คนที่สังเกตอยู่ทั้งสองคนมองเห็นได้
เป็ไปตามคาด ไม่มีใครถามอะไรอีก
โจวเหล่าคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มาจากหมู่บ้าน ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน พอถูกพวกเขาสองคนซักไซ้ไล่เลียงก็ตกประหม่า ประกอบกับมีความประทับใจที่ดีต่อนาง จึงไม่อยากจะสร้างความลำบากใจให้อีกต่อไป
แต่ซ่งอี้กลับมีรอยยิ้มวาบผ่านก้นบึ้งดวงตา เขาอ่านความคิดของิเป่าจูได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่กลับยังคงให้ความร่วมมือกับแม่นางน้อยที่ชอบเสแสร้งทำท่าทำทางอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ิเป่าจูก็บรรลุผล ท่าทางผ่อนคลายเป็ตัวของตัวเองมากขึ้น
“่ก่อนหน้านี้ตาเฒ่าหวังก็มาขายสมุนไพรต้นหนึ่ง ชื่อว่าต้นเกล็ดั เป็ของล้ำค่าหายาก เคาะราคาสุดท้ายสูงถึงร้อยตำลึง” โจวเหล่าเหมือนจะย้อนนึกถึงเื่นั้น ก่อนเงยหน้ามองซ่งอี้ปราดหนึ่งราวกับ้าคำยืนยัน
ิเป่าจูเห็นซ่งอี้พยักหน้ายอมรับ คนที่โจวเหล่าเอ่ยถึงน่าจะเป็เถ้าแก่หวัง แต่เรียกกันสนิทสนมเช่นนี้ดูท่าทั้งสองคนจะรู้จักกัน
ด้วยเหตุนี้ิเป่าจูจึงไม่ได้กล่าวว่าตนเองรู้จักเถ้าแก่หวัง เพียงแค่เงี่ยหูฟังต่อไป
“ส่วนต้นนี้ของเ้า...”
โจวเหล่ายกต้นตี้สือขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงให้คำประเมิน “ราคาประเมินอยู่ที่หกสิบตำลึง”
แม้จะไม่ล้ำค่าเท่ากับต้นเกล็ดั แต่ก็ยังเป็ของดีมีราคา ยากที่จะพบเห็นได้สักครั้ง
หากของชิ้นนี้ถูกนำออกมาประมูล น่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย
เคาะราคาที่หกสิบตำลึงน่าจะไม่ใช่ปัญหา
ตัวเลขดังกล่าวก็เป็ราคาที่สูงลิบลิ่วแล้วสำหรับิเป่าจูในเวลานี้ ถ้าขายในร้านขายยา ราคาสูงสุดได้สิบตำลึง นางก็พอใจมากแล้ว
“แม่นางิ โจวเหล่าประเมินราคาให้แล้ว เ้า้าให้หอหมื่นสมบัติจัดงานประมูลให้หรือไม่” ซ่งอี้ทำหน้าที่ของตนเองบ้าง เขาถามอย่างจริงจัง
“แน่นอนอยู่แล้ว” ิเป่าจูรับปากโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นไยนางต้องแบกสมุนไพรมาไกลถึงในเมืองด้วยเล่า
หากได้หกสิบตำลึงตามที่โจวเหล่าว่าไว้ ร้านในฝันของนางก็มีวี่แววแล้วสิ
เมื่อนึกถึงว่าตนเองกำลังจะหลุดพ้นจากผีดูดเืสองคนนั้นในเร็วๆ นี้ นางก็มีความสุขเปี่ยมล้น
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากิเป่าจูแล้ว ซ่งอี้ก็เริ่มแนะนำกฎการประมูลให้นางฟังอย่างละเอียด คำกล่าวของเขาเหมือนกับประกาศที่หน้าประตู เพียงแต่มีรายละเอียดมากกว่า
“หากเ้าไว้วางใจพวกเรา สามารถฝากสมุนไพรไว้ที่หอหมื่นสมบัติได้ แต่ถ้าไม่วางใจ จะนำกลับก็ย่อมได้ เพียงแค่นำมาเข้าร่วมการประมูลให้ตรงเวลาก็พอ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่า ถ้าหากถึงเวลาสินค้าได้รับความเสียหาย หรือไม่อาจนำมาประมูลตามเวลา ทำให้งานประมูลต้องล้มเลิก เ้าจะต้องเป็ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากการประมูลทั้งหมด แน่นอนว่าถ้าหอหมื่นสมบัติทำให้สินค้าที่เ้านำมาประมูลเสียหาย ทางเราจะชดใช้ให้ตามราคาประเมินของโจวเหล่า”
คำอธิบายที่จริงจังและละเอียดถี่ถ้วน ทำให้ิเป่าจูอยากปรบมือให้ซ่งอี้จนแทบอดใจไม่ไหว คิดว่าถ้าเขาสวมแว่นตากรอบทอง จะต้องกลายร่างเป็นักธุรกิจระดับแนวหน้าในโลกของธุรกิจอย่างแน่นอน
การดันกรอบแว่นบนดั้งจมูกเป็ครั้งคราว ดูเข้ากับท่วงทีสุขุมคัมภีรภาพของเขาอย่างลงตัว
มิใช่ว่านางปรามาสเขาอยู่ แต่เพราะภาพลักษณ์เขาเป็เช่นนี้จริงๆ
“ข้าย่อมเชื่อมั่นในชื่อเสียงของหอหมื่นสมบัติอยู่แล้วเ้าค่ะ”
ข้อดีข้อเสียจากเงื่อนไขชัดเจนเพียงนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็อย่างบุตรชายของิเถี่ยจู้ถึงจะเลือกอย่างหลัง ใครให้นางเป็เด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนเองเล่า
คำพูดเป็นัยว่าตกลงที่จะฝากต้นตี้สือไว้ที่หอหมื่นสมบัติ ซ่งอี้ยิ้มมุมปาก แม้แต่เหตุผลก็ยังพูดเสียสวยหรู
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ิเป่าจูก็จากไป รอเข้าร่วมการประมูลในอีกสองวันให้หลัง
สองวันต่อมา หอหมื่นสมบัติรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรที่มือชื่อเสียงมากมายทั่วเมือง ท่านหมอที่นั่งตรวจประจำโรงหมอรวมถึงพ่อค้าสมุนไพรต่างก็มาเฝ้าดูว่าต้นตี้สือต้นนี้จะล้ำค่าเพียงใด
“อ้าว เถ้าแก่ลู่!”
“เถ้าแก่จ้าว!”
แขกผู้ร่วมงานเดินทางมาถึงต่างก็ทักทายกันที่หน้าหอประมูลหมื่นสมบัติ
“นี่ ท่านบอกข้าที ่นี้เกิดอะไรขึ้น ของโบราณพวกอักษรภาพวาดไม่เห็นจะมีมาสักกี่ชิ้น แต่สมุนไพรล้ำค่ากลับมีมาไม่ขาดสาย”
“ก็นั่นน่ะสิ แต่นี่ก็ตรงใจข้าพอดี พวกเราเปิดร้านทำการค้าก็เพื่อช่วยรักษาคนเจ็บไข้ ยิ่งมีของเหล่านี้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น” คราก่อนเขาพลาดต้นเกล็ดัไปหนหนึ่งแล้ว ต้นตี้สือครานี้จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด
“เ้าว่า หรงฮุยถังจะมาหรือไม่” หากพวกเขามา ก็คงไม่มีทางเหลือมาถึงมือของพวกตน
“นี่... เฮ่อ เข้าไปกันก่อนเถอะ เชิญท่าน!”
นี่เป็เื่ที่บอกได้ยาก
ทั้งสองต่างแสดงความเกรงใจให้อีกฝ่ายเข้าไปก่อน ขณะเดียวกันก็เกิดความกังวลอยู่ว่าครั้งนี้จะแย่งชิงของดีกลับไปไม่ได้
