ผ่านเื่นี้ไป ทุกคนเริ่มมองเฉียวเยว่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เดิมทีนึกว่านางเป็สาวน้อยน่าเอ็นดู หัวไวฉลาดปราดเปรื่อง แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนจะไม่เป็เช่นนั้นเลย ยามนางแผลงฤทธิ์เดช พลังความแข็งแกร่งไม่เป็สองรองใคร ยามนี้มีบางคนเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เื่แปลกเลยที่นางจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอวี้อ๋อง
อวี้อ๋องไม่ปรกติ แต่ซูเฉียวเยว่ก็ไม่ใช่หนูน้อยน่ารักอย่างที่เห็น
แต่จะว่าไปแล้วเื่นี้คนส่วนใหญ่ต่างเข้าข้างเฉียวเยว่ วันนี้ฉินอิ๋งใช้ถ้อยคำหยามเหยียดซูเฉียวเยว่ แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงคราพวกนาง แต่เหตุผลของเฉียวเยว่ทุกคนล้วนกระจ่างใจ
เดิมทียังนึกอยู่ว่าฉินอิ๋งมักรู้ไปทุกเื่ การเป็คนรอบรู้หาได้มีสิ่งใดไม่ดี เพราะไม่ว่าเื่ไหนก็บอกเล่ากับทุกคน
แต่ดูจากตอนนี้ แม้ว่าเื่ซุบซิบนินทาจะน่าเล่าแค่ไหน แต่นางกลับไม่มีขอบเขตเหมือนหยางโม่หลัน พูดจาสิ้นคิดเกินไป ไม่แน่ถึงเวลานางอาจจะเอาพวกตนไปนินทาว่าร้ายยิ่งกว่านี้ก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะสามารถบอกได้แน่ชัดว่าตนเองจะไม่มีความสัมพันธ์ลับกับผู้อื่น แม้ไม่จำเป็ว่าต้องมีสิ่งใดเสมอไป อย่างเช่นญาติผู้พี่ญาติผู้น้องทำนองนี้ แต่สิ่งเหล่านี้เอาออกมาพูดได้เสียที่ไหน
ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่มีใครเข้าข้างฉินอิ๋งสักคน
พอได้ยินว่าบุตรสาวถูกคนรังแก ซูซานหลางก็โกรธมากจริงๆ "ข้าจะไปหาพวกเขาถึงบ้านสกุลฉิน ไปคุยให้รู้เื่ เอ่ยวาจาเยี่ยงนั้นใช้ได้ที่ไหน นึกว่าบ้านเราไม่มีใครแล้วหรือ?"
เด็กหญิงตัวน้อยไม่อยากพูดมากให้พวกเขาะเืใจทั้งที่ตนเองถูกผู้อื่นเหยียดหยาม แล้วยังทนมาได้ถึงหนึ่งวันเต็ม "เหนื่อยหรือไม่? อาจารย์ของพวกเ้าก็จริงๆ เลย เ้าเป็เหยื่อถูกทำร้ายชัดๆ กลับถูกลงโทษให้ยืนหลังห้อง ซ้ำยังถูกทำโทษให้กวาดลานสวนตั้งหนึ่งเดือน ถือสิทธิ์อันใด"
เฉียวเยว่พยักหน้า แต่ก็ยังพูดว่า "ข้าจะถือว่าเป็การออกกำลังกาย ไม่เป็อันใดหรอกเ้าค่ะ อย่างไรเสียข้าก็เป็คนลงมือก่อน"
นางมองในแง่ดี "ท่านพ่ออย่าโกรธอาจารย์เลยเ้าค่ะ ท่านเองรับตำแหน่งผู้สอนในกั๋วจื่อเจียน ก็น่าจะเข้าใจ หากเปลี่ยนเป็ท่าน ท่านก็คงจะไม่พอใจเหมือนกัน การลงโทษเช่นนี้แท้จริงแล้วเหมาะสมที่สุด"
เหมาะสมก็ส่วนเหมาะสม แต่เขาก็ยังเป็ห่วงบุตรสาวอยู่ดี
"จะให้พ่อ..."
เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกเฉียวเยว่ทัดทาน "ท่านพ่ออย่าทำอะไรทั้งนั้น ไม่เป็ไรเ้าค่ะ หากท่านไม่เข้าไปแทรกแซง เื่นี้จะเป็เพียงความบาดหมางของเด็กผู้หญิง แต่หากเท่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว อาจจะทำให้ดูแย่ลง"
ซูซานหลางนิ่งครุ่นคิด
เฉียวเยว่ยิ้มอย่างเริงร่า "แท้จริงแล้วฉินอิ๋งไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายหรอกเ้าค่ะ เพียงแต่คิดน้อยไป ประกอบกับอาจถูกผู้อื่นยุแยงมา ก็เลยเลอะเลือนไปชั่วขณะ"
คำพูดฟังดูมีความนัยซ่อนเร้น ซูซานหลางค่อยๆ ถาม "เ้าคิดว่านางตกเป็เครื่องมือของผู้อื่น? ใครเป็คนยืมมีดฆ่าคนอยู่เื้ั?"
เฉียวเยว่ยิ้ม "ไม่ว่าเป็ผู้ใด ก็ไม่ใช่เื่ของท่านพ่อเ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าไปใส่ใจมากนัก ยิ่งท่านไปแสดงออกมาก อาจารย์จะยิ่งลำบากใจ ไม่สู้ให้ข้าจัดการด้วยตนเองดีกว่า หากข้าจัดการได้ดี ก็จะได้ไม่ต้องถึงขั้นเป็ศัตรูกับสกุลฉิน แท้จริงแล้วข้าคิดว่านางถูกญาติผู้พี่ของนางเป่าหูมา ตอนนั้นนางไม่พูดอะไร แต่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตา ดังนั้นข้าเดาว่าหร่วนหลีคงจะพูดบางอย่าง ข้าไม่ชอบสตรีเช่นนาง... แต่ก็ไม่อาจบอกว่าผู้อื่นมีปัญหาตามอำเภอใจ เพื่อเป็การเลี่ยงการปรักปรำผิดตัว"
ซูซานหลางมองบุตรสาวพลางถอนหายใจ "เ้าโตแล้วจริงๆ เข้าใจเหตุผลกระจ่างแจ้ง"
เฉียวเยว่หัวเราคิกคัก "ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา นี่หาใช่เื่ใหญ่ และมันก็จบไปแล้ว อ้อ มีอีกอย่างที่ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง วันนี้ท่านหญิงฉางเล่อถึงจะเป็คนเคราะห์ร้ายตัวจริง..."
ซูซานหลางแค่นเสียงหึ "นั่นก็ไม่ใช่ตัวดีอันใด"
"โธ่ ท่านพ่อ อย่ากล่าวเช่นนี้สิ นางน่าสงสารมาก วันนี้ถูกพวกเราพาเดือดร้อนไปด้วยเลย"
เฉียวเยว่พูดให้ฟังดูติดตลก ในที่สุดก็สามารถเกลี้ยกล่อมซูซานหลางอยู่หมัด นางถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหัวเราะออกมา
สองสามวันมานี้เฉียวเยว่ต้องไปแต่เช้าเพื่อทำความสะอาด แต่ฉินอิ๋งกลับไม่ได้มา ได้ยินว่านางถูกที่บ้านลงโทษให้ปิดห้องสำนึกความผิดต่ออีกหลายวัน ตอนนี้ทุกคนต่างคาดคะเนว่าฉินอิ๋งจะต้องลาออกเพราะเื่นี้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงระมัดระวังตัวกันมากขึ้น ด้วยเกรงว่าหากทำให้อาจารย์ไม่พอใจ จะพลอยมีปัญหาไปด้วย
แท้จริงแล้วเฉียวเยว่ก็งุนงงอยู่บ้าง นางไม่ปรารถนาให้ฉินอิ๋งต้องลาออก ยิ่งไม่อยากให้นางเอาเื่นี้ไปพูดสุ่มสี่สุ่มห้าภายหลัง แต่หากเื่นี้บานปลายออกไปจนทำให้ฉินอิ๋งต้องลาออก เฉียวเยว่ก็ไม่ยินยอมเหมือนกัน
นางรู้สึกพะว้าพะวัง แต่ไม่เสียใจภายหลัง เพียงแค่รู้สึกว่าตอนนั้นตนเองรับมือได้ไม่ดี ซ้ำยังหุนหันพลันแล่นเกินไป
"นี่ ซูเฉียวเยว่"
ท่านหญิงฉางเล่อหิ้วถังน้ำเข้ามา สีหน้าเย็นะเืราวกับน้ำค้างแข็ง "ให้เ้า"
เฉียวเยว่ "ขอบใจนะ"
ท่านหญิงฉางเล่อกลอกตาใส่ แล้วเดินออกไป
นางแค่อยากหัวเราะเยาะซูเฉียวเยว่ แต่คนสกุลกู้สมควรตายผู้นั้นถึงกับลงโทษให้นางมาตักน้ำแต่เช้าทุกวัน
น่าโมโหจะตายอยู่แล้ว
ชายแก่ไม่ใช่ตัวดีอันใด
พอเห็นหรงฉางเกอกระทืบเท้าเดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เฉียวเยว่ก็อดหัวเราะขบขันไม่ได้ จะว่าไปอาจารย์กู้ก็จัดการพวกนางอย่างไม่ไว้หน้าจริงๆ ไม่ใคร่ครวญสักนิดว่าพวกนางล้วนเป็เด็กผู้หญิง ไม่คำนึงแม้แต่ชาติกำเนิดของพวกนาง ควรทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น
เหมือนอย่างท่านหญิงฉางเล่อ ่นี้นางถูกอาจารย์ทรมานไม่น้อยจริงๆ
พูดตามตรง นางนี่แหละซวยที่สุดแล้ว
ตอนนั้นนางสอบวิชาขี่ม้ายิ่งธนูได้เป็อันดับหนึ่ง แต่อีกสองรายการที่เหลือกลับได้คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้เส้นสายเข้ามา แต่คนที่อาศัยวิธีการเช่นนี้ย่อมไม่ได้รับความชมชอบจากอาจารย์ หรงฉางเกอก็เช่นเดียวกัน
นางตกเป็เป้าสายตา ถูกจับผิดแทบจะทุกวัน
"เฉียวเยว่" สองวันนี้โม่หลันก็มาแต่เช้า เป็ฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือเฉียวเยว่ อาจารย์กู้เห็นแล้วแต่ไม่ได้ว่าอะไร ดูเหมือนจะยอมรับอยู่กลายๆ
นางช่วยเฉียวเยว่กวาดลานสวน พลางคุยเสียงเบา "เ้าได้ยินแล้วหรือไม่ วันนี้ฉินอิ๋งกลับมาเรียนแล้ว"
เฉียวเยว่พยักหน้า "แบบนี้ก็ดีแล้ว"
โม่หลันกระซิบ "แต่อาจารย์มีข้อแม้ ข้อหนึ่งนางต้องขอขมาเ้า ข้อสองคือปีนี้นอกจากเ้าที่ทำความสะอาดเดือนนี้ วันที่เหลือทั้งหมดนางต้องมาทำความสะอาด ข้อสามโหดสุด ผลการเรียนรวมปลายปีทั้งหมดของนางต้องถึงระดับปิ่ง [1]
เฉียวเยว่เดาะลิ้น "ทั้งหมด?"
โม่หลันพยักหน้า "น่ากลัวมากใช่หรือไม่ พูดตามตรง การได้คะแนนทุกวิชาั้แ่ระดับปิ่งขึ้นไป คนที่ทำได้มีไม่ถึงหนึ่งในสามด้วยซ้ำ ตอนนางเข้าศึกษาคะแนนของนางก็เกินเกณฑ์ขั้นต่ำไม่มากเท่าไร ครานี้ได้จบเห่จริงๆ"
เฉียวเยว่นึกใคร่ครวญดูก็พูดว่า "ข้าคิดว่าอาจารย์มีเจตนาดี เขาอยากให้ฉินอิ๋งมีสมาธิกับการเรียน ไม่ใช่ใช้เวลาหมดไปกับการปล่อยข่าวลือเหลวไหลเ่าั้ เ้าไม่นึกดูบ้าง หากนางสอบได้ระดับปิ่งจริงๆ คนที่ได้ดีก็คือตัวนางเองหรืออาจารย์? แท้จริงแล้วคะแนนของพวกเราจะเป็อย่างไรอาจารย์ไม่สนใจเลย เขาหวังดีต่อฉินอิ๋งอย่างแท้จริง ข้าคะเนว่าต่อให้ฉินอิ๋งสอบได้ไม่ถึงระดับปิ่ง เขาก็ไม่ให้นางลาออกหรอก เพียงแต่ตอนนี้ต้องกระตุ้นฉินอิ๋งสักหน่อย อาจารย์ของพวกเราเป็เช่นไรพวกเ้าดูไม่ออกหรือ ปากมีดใจเต้าหู้ชัดๆ เขาเป็คนดีมาก เป็เพียงเสือกระดาษเท่านั้นแหละ"
"มีเหตุผล"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว ข้าเป็ใคร ข้าคือซูเฉียวเยว่ผู้ฉลาดปราดเปรื่องเชียวนะ"
"เ้านี่ขี้โม้อีกแล้ว เอ้อ แล้วเ้าไม่โกรธฉินอิ๋งบ้างเลยหรือ ที่นางพูดเหลวไหลพรรค์นั้น" เอ่ยถึงเื่นี้ โม่หลันรู้สึกไม่เข้าใจนัก
เฉียวเยว่พยักหน้า "ตอนนั้นก็โกรธอยู่ แต่พอผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ นางไม่ได้ตั้งใจ และไม่อาจวอนขอให้ทุกคนเฉลียวฉลาด จะได้เข้าใจไปเสียทุกเื่เหมือนอย่างข้า เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อาจทำผิดพลั้งไปได้บ้าง ผิดก็แก้ไข แก้ไขแล้วผิดอีก ก็ต้องแก้ไขอีก ถึงอย่างไรคนเราก็ต้องผ่านประสบการณ์เคี่ยวกรำนับร้อยนับพันครั้ง"
"พรืด จะพอได้หรือยัง ยายซื่อบื้อเอ๊ย..."
ทั้งสองคุยกันไปหัวเราะกันไป แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนมองพวกตนอยู่ เฉียวเยว่หันกลับไปมอง ก็ตะลึงงัน ดวงหน้าน้อยแดงซ่าน
คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็คืออาจารย์กู้กับฉินอิ๋ง เฉียวเยว่ขยำชายเสื้อ หลังจากนั้นก็ทำท่าสงบนิ่ง "คารวะอาจารย์เ้าค่ะ"
อาจารย์กู้มองเฉียวเยว่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากนั้นก็มองฉินอิ๋ง
ฉินอิ๋งเข้ามาขอขมา ผ่านไปสองวันนางดูซูบซีดไปมาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่เบา "ซู... ซูเฉียวเยว่ ข้าขอขมาต่อเ้า วันนั้นข้าเอ่ยวาจาเหลวไหลออกไป เ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่"
นางก้มหน้าไม่มองเฉียวเยว่
เฉียวเยว่ยิ้ม "ไม่เป็ไร ข้าแค่คิดว่าบางเื่เ้าควรใช้ใจมอง อย่าไปฟังคำยุแยงของผู้อื่นจะดีที่สุด"
หลังจากนั้นก็หันไปยิ้มกล่าวกับอาจารย์กู้ "อาจารย์ ข้าไปกวาดลานต่อนะเ้าคะ"
อาจารย์กู้พยักหน้า "ไปเถอะ"
แม้ว่าฉินอิ๋งจะกลับมา แต่ทุกคนก็ยังมีท่าทีแปลกๆ กับนาง
ฉินอิ๋งรู้สึกเสียใจ ไม่รู้ว่าเื่เล็กน้อยเหตุใดจึงกลายเป็เื่ใหญ่ ซ้ำร้ายเื่นี้ยังโยงไปถึงญาติผู้พี่ของนาง ญาติผู้พี่ไม่ยินดีจะแปดเปื้อนเพราะเื่เหล่านี้ แต่ผลสุดท้ายก็ยังถูกมารดาของนางตำหนิไปยกใหญ่
นับวันนางยิ่งรู้สึกทรมานใจ ถึงขั้นชิงชังสำนักศึกษาแห่งนี้
แต่นึกไม่ถึงว่าคำพูดของซูเฉียวเยว่เมื่อครู่... นางขบริมฝีปาก นี่คือความหวังดีของอาจารย์หรอกหรือ?
ไม่ว่านางจะคิดอย่างไร เฉียวเยว่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจนัก หลังจากเลิกเรียนนางเตรียมจะกลับ ก็เห็นรถม้างดงามมากคันหนึ่งจอดอยู่
นักเรียนหญิงที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างจดจ้องไปที่อักษร "อวี้" ตัวใหญ่บนนั้น
ตอนแรกเฉียวเยว่คิดจะเลี่ยงไปทางอื่น แต่เดาได้ว่าหากไม่เข้าไป เกรงว่าพี่จ้านอาจทำอะไรบางอย่าง ไม่สู้ทำตัวปรกติจะดีกว่า
ขณะนางกำลังจะเดินไปทางนั้น ก็ได้ยินคนเรียก
"เฉียวเยว่" คนที่จะเรียกชื่อนางโดยตรง แทบจะกางมือออกมานับจำนวนได้ เฉียวเยว่หันกลับไปมอง "พี่จื้อรุ่ย"
หากพูดถึงบุรุษอื่น นอกจากเสด็จพี่รัชทายาท ก็มีเพียงพี่จื้อรุ่ยกับพี่จ้านที่เรียกชื่อนางเช่นนี้
ิ่จื้อรุ่ยเดินมาถึงข้างกายนางก็มุ่นคิ้ว "ข้ามีข้อสงสัยจะขอคำชี้แนะจากอาจารย์ อาจารย์ให้ข้าไปรอที่จวนก่อน พวกเรากลับด้วยกันเถอะ"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ หลังจากนั้นก็กล่าวว่า "ท่านรอข้าสักครู่ ข้าจะไปทักทายพี่จ้านก่อน"
นางเดินไปหน้ารถม้า โบกมือน้อยๆ ไปมา "ท่านพี่จ้าน"
ม่านรถถูกเลิกขึ้น หรงจ้านทอยิ้มน้อยๆ "บังเอิญจริง ข้ากำลังจะไปเป็แขกจวนเ้าพอดี ไปด้วยกันหรือไม่?"
เฉียวเยว่เกาศีรษะ บังเอิญ? นี่เขาไม่ได้มารอนางที่หน้าประตูสำนักศึกษาสตรีโดยเฉพาะหรอกหรือ? ใครจะบังเอิญเดินทางขึ้นมาถึงกลางเขากันล่ะ
เฉียวเยว่ขมวดคิ้ว มองหรงจ้านพลางค่อนแคะเสียงเบา "ท่านคงมิได้จงใจมาดักรอข้าที่นี่กระมัง?"
หรงจ้านยิ้มเยาะ หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า "เ้าคิดมากไปแล้ว อย่าหลงตัวเองนักได้หรือไม่ ข้ามาพบอาจารย์กู้ เห็นว่าใกล้เวลาเลิกเรียนแล้วถึงมารอเ้า"
เฉียวเยว่มองเขาอย่างพินิจด้วยสายตาคลางแคลง
หรงจ้านร้องจิ๊จิ๊ "เ้าคงไม่นึกว่าข้าจะมารอกระต่ายน้อยไร้สมองอย่างเ้าหรอกกระมัง?"
"ฮึ! ท่านพอได้แล้ว จะถากถางผู้อื่นไปถึงไหน"
หรงจ้านชี้ไปที่อาภรณ์ของนาง มองดูนิ้วมือ ก่อนจะพูดอย่างรังเกียจ "เดิมทีว่าจะเชิญเ้าขึ้นรถไปด้วยกัน แต่สกปรกเช่นนี้ ไปเลย กลับไปนั่งรถของตนเองเถอะ"
เฉียวเยว่โกรธจนถลึงตาโตเท่าผลซิ่ง พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว "ข้าไม่สน ข้าจะนั่งรถม้าของท่าน"
หลังจากนั้นก็เบียดขึ้นไปทันที "ข้าจะนั่ง!"
...
[1] ปิ่ง เทียบกับ เกรดซี ระดับจะไล่จากสูงลงมา คือ จย่า เกรดเอ อี่ เกรดบี ปิ่ง เกรดซี ติ่ง เกรดดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้