อสูรร้ายตัวนี้มีสายเืของหยาจื้อ
หยาจื้อเป็อสูรร้ายที่ขึ้นชื่อเื่การแก้แค้น และแน่นอนว่าอสูรร้ายตัวนี้ย่อมได้รับการถ่ายทอดบุคลิกของหยาจื้อเอาไว้
อสูรร้ายตัวนี้ไม่ได้เกลียดถังอี้ิเป็ที่สุด แต่กลับเป็คนไม่รักษาคำพูดอย่างฉินอวี่
แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินอวี่จะสวมหน้ากากและชุดคลุมสีดำ แต่ด้วยพร์อันวิเศษของอสูรร้ายตัวนี้มันจึงจำได้ว่าเป็ฉินอวี่ ก่อนหน้านี้วายร้ายคนนี้ยังขอบคุณตนเองด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายกลับนำคนมาล้อมโจมตีตนเอง หากไม่ใช่เพราะฉินอวี่พาคนอื่นเข้ามาเพิ่ม อสูรร้ายตัวนี้คงสังหารพวกถังอีิไปเรียบร้อยแล้ว
และเป็เพราะฉินอวี่ ทำให้มันต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง หากไม่ให้เกลียดฉินอวี่จะเกลียดใครได้อีก?
ทุกคนต่างตกตะลึง แม้แต่พวกถังอีิที่เหลืออยู่ก็ใไม่ต่างกัน คนที่อสูรร้าย้าสังหารอยู่เมื่อครู่นี้คือพวกเขา แต่กลับนึกไม่ถึงว่ามันจะกระโจนเข้าหาฉินอวี่ พวกฉู่เยว่ฉานต่างสับสนเช่นกัน เพราะเหตุใดอสูรร้ายตัวนี้จึงพุ่งเป้าโจมตีไปยังศิษย์น้องหวังซิงเฉิน? มันควรจะจู่โจมใส่พวกถังอีิทั้งสามคนจึงจะถูกต้องมิใช่หรือ?
ฉินอวี่ก่นด่าอยู่ในใจไม่หยุดหย่อน แต่ก็ไม่กล้าปริปาก อสูรร้ายตัวนี้หากดูจากพลังปราณที่มีแล้วเป็อสูรร้ายระดับห้า ซึ่งเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งขั้นกุมารทิพย์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ฉินอวี่ในตอนนี้จะต้านทานได้เลย
“สร้างค่ายกล!” ฉู่สยงระงับความสงสัยในใจเอาไว้ ก่อนจะะโขึ้น
นอกจากฉู่เยว่ฉานแล้ว ศิษย์ทั้งเจ็ดได้เข้าห้อมล้อมอสูรร้ายอย่างพร้อมเพรียง และนำศิลาิญญาออกมาวางไว้ในแต่ละตำแหน่ง จากนั้น ทั้งเจ็ดคนก็ชูมือขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกัน และส่งเสียงขึ้น “กลชุมนุมเจ็ดดารา!”
ศิลาิญญาเปล่งแสงออกมาทันที มีแสงสีทองเปล่งออกมาทั่วร่างของฉู่สยงที่ยืนอยู่ท่ามกลางคนทั้งเจ็ด ร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แต่เดิมของเขาได้ขยายออกอย่างรวดเร็ว แขนทั้งสองของเขาหนาขึ้นราวกับลำต้นของต้นไม้ ร่างกายองอาจสง่างาม สามารถมองเห็นร่างทั้งเจ็ดได้อย่างเลือนรางท่ามกลางแสงสีทองที่สาดส่องไปทั่วบริเวณ ทั่วทั้งตัวของเขาดูดุร้ายและลึกลับ กระบี่ที่หนักอึ้งในมือของฉู่สยงเปล่งรัศมีกระบี่สีทองออกมาเช่นกัน จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องหวังร่วมมือกับข้า”
เมื่อฉินอวี่ที่กำลังถูกอสูรร้ายตามไล่ล่าได้ยินคำพูดของฉู่สยง เขาก็เข้าใจความหมายของฉู่สยงได้ทันที เขาส่งเสียงขึ้นเบาๆ “ร่างป้องกันอสุนีบาต!” พลังปราณในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้นทันที ก่อนจะรวมตัวกันสร้างเป็พลังเกราะป้องกันสีม่วงอ่อนปกคลุมไปทั่วร่างกาย และด้านในของเกราะป้องกันสีม่วงอ่อนนั้นก็เต็มไปด้วยลายของสายฟ้าที่เรียงตัวกันหนาแน่นราวกับใยแมงมุม
ถังอีิและพวกฉู่เยว่ฉานต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง แม้แต่ดวงตาของฉู่สยงก็ยังเผยความใออกมาอย่างชัดเจน
“ร่างอสุนีลึกลับ! เป็ร่างอสุนีลึกลับจริงๆ ด้วย!” พวกถังอีิทั้งสามคนต่างใเป็อย่างยิ่ง
“ร่างอสุนีลึกลับจริงหรือ?” ฉู่สยงและฉู่เยว่ฉานต่างรู้สึกประหลาดใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เพียงแต่คาดเดา แต่ยังไม่แน่ใจนัก และในตอนนี้เมื่อได้เห็นกับตาจริงๆ กลับรู้สึกใจนพูดไม่ออก
มีคนที่สามารถปิดบังตัวตนกับผู้แข็งแกร่งของสำนักได้จริงๆ ไม่มีใครในสำนักรู้มาเลยก่อนว่ามีศิษย์ที่ได้ร่างอสุนีลึกลับ!
“ตูม!” อสูรร้ายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเป็ที่สุด มีพลังที่รุนแรงและแข็งแกร่งกระแทกใส่ฉินอวี่ที่กำลังป้องกันตัวจนลอยกระเด็นออกไป ในขณะที่ฉินอวี่กำลังหมุนลอยอยู่กลางอากาศ ก็มีรูปกรงเล็บัอันเลือนรางของอสูรร้ายฟาดตรงไปทางฉินอวี่
จิตใจของฉินอวี่เริ่มสงบลง การปะทะกันกับอสูรร้ายครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้อง หากถูกฝ่าเท้าของอสูรร้ายครั้งนี้ เกรงว่าร่างกายคงแหลกสลาย แม้ว่าฉินอวี่จะภูมิใจว่าร่างกายตนเองมีความแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจสกัดกั้นการโจมตีของอสูรที่เทียบเท่าขั้นกุมารทิพย์ได้
แม้ว่าฉินอวี่จะไม่้าเปิดเผยพละกำลังของตนเองเร็วเกินไป แต่ด้วยสถานการณ์คับขันที่อยู่ตรงหน้า เขาจึงไม่สนใจอะไรมากนัก เรียกหอกศึกออกมาอยู่ในมือ พร้อมถ่ายเทอสุนีลึกลับจำนวนสามสายเข้าไปในหอกศึก ใน่เวลาที่ฝ่าเท้าของอสูริญญากำลังถูกตบเข้ามา ฉินอวี่ก็ขว้างหอกศึกตรงออกไปทางดวงตาของอสูรร้ายอย่างเกรี้ยวกราด
“ตูม!”
“ปัง!”
เสียงะเิดังขึ้นพร้อมแรงสั่นะเืไปทั่วบริเวณ หอกศึกที่แปลงจากสายฟ้าสีม่วงได้ทะลุหายเข้าไปในดวงตาที่โกรธจัดของอสูรร้าย และขณะที่อสูรร้ายกำลังกวาดฝ่าเท้าออกมาพร้อมกรงเล็บ ฉู่สยงที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ก็ฟันกระบี่ลงมาอย่างรวดเร็ว
“โฮก!
อสูรร้ายส่งเสียงกรีดร้อง กระบี่ของฉู่สยงฟันเข้าอุ้งเท้าหน้าด้านขวาของอสูรร้ายจนขาดออกทันที แต่ลำแสงกระบี่ที่แหลมคมได้ตัดผ่านเสื้อผ้าของฉินอวี่ไปด้วยเล็กน้อย และฝากรอยกระบี่ที่เต็มไปด้วยเืเอาไว้ตรงหน้าอกของเขา
“ศิษย์น้องหวัง รีบออกไปจากอาณาเขตของค่ายกล” ดูเหมือนว่าฉู่สยงจะฟันกระบี่ถูกฉินอวี่จนได้รับาเ็โดยไม่เจตนา ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
ฉินอวี่รู้สึกเจ็บตรงหน้าอกอย่างรุนแรง เขารีบลุกขึ้นวิ่งออกไปจากขอบเขตค่ายกลที่ทั้งเจ็ดคนวางเอาไว้ และนั่งขัดสมาธิลงที่ข้างหนึ่ง ก่อนหยิบโอสถเม็ดหนึ่งใส่เข้าปาก และเริ่มทำสมาธิรวบรวมลมปราณ
เมื่ออสูรร้ายถูกตัดอุ้งเท้าไปหนึ่งข้างและถูกหอกแทงเข้าที่ดวงตา ทำให้มันยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้น มันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังสั่นะเืไปทั่วทั้งฟ้า หางที่หนาและหนักราวกับท่อนไม้กวัดแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตัวมันมีสติปัญญาของตัวเอง จึงสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของฉู่สยง ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับมาจากคนทั้งเจ็ด หากเพียงรบกวนใครสักคนในเจ็ดคนนี้ได้ มันก็จะมีโอกาสรอดมากขึ้น ดังนั้นมันจึงเลิกโจมตีฉินอวี่ และสะบัดหางไปทางศิษย์คนหนึ่งในเจ็ดคนนั้นทันที
“เจ็ดดาราประสานรวม!” ฉู่สยงสังเกตเห็นเจตนาของอสูรร้าย ฉะนั้นเขาจึงไม่ยอมปล่อยให้เกิดการก่อกวนค่ายกล
ทั้งเจ็ดคนที่กำลังชูมือทั้งสองขึ้นไปบนฟ้า เมื่อได้ยินเสียงะโของฉู่สยง ร่างกายของพวกเขาก็มีแสงเปล่งประกายออกมาในเวลาเดียวกัน แสงสีทองส่องเจิดจ้าจากร่างกายของฉู่สยง เป็เหมือนดั่งแสงอาทิตย์สีทองที่สาดส่องไปทั่วฟ้าดิน กระบี่หนักในมือมีพลังราวกับจะผ่าแยกฟ้าดินจากกันได้ ตัดตรงไปยังหางขนาดั์ของอสูรร้ายอย่างโเี้
“พลังพิฆาตว่านจ้ง!” ฉู่สยงเหวี่ยงกระบี่ั์ออกไป และฟันลงมาอย่างรุนแรง
กระบี่หนักในมือของเขาเกิดเป็ลำแสงยาวกว่าสิบจ้าง ทำลายเกราะป้องกันของอสูรร้าย และตัดลงบนหางขนาดใหญ่ของมันทันที
“โฮก!” ขณะที่อสูรร้ายส่งเสียงกรีดร้อง เมื่อหางถูกตัดขาด อสูรร้ายก็ส่งเสียงร้องออกมาราวกับเป็เสียงเฮือกสุดท้าย หันศีรษะมาอย่างรวดเร็วพร้อมพ่นไฟออกมาจากปาก เปลวไฟกลายร่างเป็รูปหัวัพุ่งตรงไปทางฉู่สยง
ในฐานะของศิษย์อันดับเก้าในรายชื่อศิษย์อัจฉริยะ นับว่าฉู่สยงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทันทีที่เปลวไฟพุ่งตรงเข้ามา ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ เกิดแสงสว่างะเิออกมาจากทั่วทั้งร่าง สกัดกั้นเปลวไฟนั้นโดยทันที
“ตายซะเถอะ!” ฉู่สยงส่งเสียงะโทะลุเปลวเพลิงออกไป ก่อนจะะโขึ้นไปในอากาศ ใช้มือสองข้างจับกระบี่หนักเอาไว้แน่น ก่อนจะพุ่งตัวลงมาราวกับดาวตก ทะลวงอากาศตรงไปยังศีรษะของอสูรร้ายตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของอสูรร้ายพยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง แต่พลังอันแข็งแกร่งของกระบี่ที่ฟันลงมาได้ตัดศีรษะของมันจนขาดออกทันที หลังจากดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง มันก็สงบลงและล้มลงสู่พื้น
หลังจากแน่ใจว่าอสูรร้ายตายแล้ว ฉู่สยงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ใบหน้าของคนทั้งเจ็ดซีดเผือด ขณะเดียวกันก็หยิบโอสถขึ้นมาใส่เข้าปาก ฉู่สยงหรี่ตาลงมองหอกศึกที่ปักอยู่ในดวงตาของอสูรร้าย และมีสีหน้าที่แปลกไป จากนั้นเขาก็ะโลงมายืนอยู่ด้านข้างของฉินอวี่ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ศิษย์น้องหวัง ก่อนหน้านี้เป็่คับขัน ข้าจึงไม่ทันระวังพลั้งมือทำเ้าาเ็ เ้าเป็อะไรหรือไม่?”
ฉินอวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองไปทางฉู่สยง และพูดว่า “ขอบพระคุณศิษย์พี่ฉู่ แค่เล็กน้อยเท่านั้น” แต่ลึกเข้าไปในดวงตาของเขา กลับมีประกายของความเลวร้ายแฝงอยู่
ไม่ทันระวังจึงพลั้งมือ?
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฉินอวี่เริ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับพละกำลังของฉู่สยง เขาเป็อัจฉริยะในเื่ร่างกายและวิถีกระบี่ มีความเข้าใจในการควบคุมพลังที่ยิ่งยวด ไม่เช่นนั้น เขาก็อาจจะพลาดพลั้งทำลายคนทั้งเจ็ดที่กำลังรวมค่ายกลอยู่ก็เป็ได้ หากเป็คนอื่น บางทีอาจจะเชื่อว่าฉู่สยงพลั้งมือจริงๆ แต่สำหรับฉินอวี่แล้วเขาย่อมไม่คิดเช่นเดียวกับศิษย์ทั่วไป?
ทำไมฉู่สยงต้องรอให้อสูรร้ายเข้าโจมตีตนเองก่อนเขาจึงจะลงมือ? เป็เพราะเขาตั้งใจรอให้เกิดสถานการณ์ที่คับขันก่อนแล้วค่อยลงมือหรือไม่? เพียงแต่ ฉินอวี่ก็ไม่้าตำหนิเขา เพราะเขาเองก็รู้เจตนาของฉู่สยง ว่าเขากำลังแสดงอำนาจกับตนเองอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็เหมือนคำเตือน เป็การผสานความสง่างามและอำนาจเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยัง้าให้ตนเองเป็หนี้บุญคุณเขา ทุกอย่างนี้เป็แผนการที่ฉู่สยงคิดเอาไว้ดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากเื่นี้ ทำให้ฉินอวี่เริ่มมองฉู่สยงใหม่อีกครั้ง เมื่อเทียบกับคนที่แสดงออกต่อหน้าอย่างถังอีิแล้ว ฉู่สยงผู้นี้เป็คนที่ต้องระวังยิ่งกว่ามาก
ในตอนนี้ ถังอีิรู้สึกตัวจากความตื่นใ หลังจากมองไปทางอสูรร้ายที่ถูกฆ่าตาย เขาก็วิ่งลงมาทันที ถือกระบี่วิ่งตรงมาแทงอสูรร้าย และเตะไปสองสามครั้งเพื่อระบายความโกรธ พลางพูดขึ้น “ขอบพระคุณศิษย์พี่ฉู่ หากครั้งนี้ไม่ใช่ท่าน ข้าคงต้องตายอยู่ในเงื้อมมืออสูรเสียแล้ว” พูดจบ ถังอีิก็หยิบมีดสั้นออกมา และเริ่มผ่าอสูรร้าย ราวกับ้าตามหากระบี่ัที่อสูรร้ายกลืนเข้าไป
ฉินอวี่ลุกขึ้นอย่างช้าๆ เดินตรงไปทางอสูรร้าย ดึงหอกศึกออกมา เก็บไว้ในวงแหวนมิติ จากนั้นก็หยิบกระบี่ิญญาออกมา เฉือนไปที่คอของอสูรร้าย ก่อนจะหยิบน้ำเต้าหยกออกมา และเริ่มรวบรวมเือสูรร้าย
“เ้าทำอะไร?” ถังอีิมองไปทางฉินอวี่ที่กำลังเก็บเือสูร และพูดขึ้นทันที มองดูฉินอวี่ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ
“เก็บรวบรวมเือสูรร้าย” ฉินอวี่เหลือบมองถังอีิ และดูถูกถังอีิอยู่ในใจ กลุ่มแปดคนของพวกเขามีเหลืออยู่เพียงสามคน แต่ถังอีิผู้นี้ยังคงรักษาพละกำลังของตนเอาไว้โดยไม่ใช้โอสถเพลิงอัคคี นี่แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ร้ายกาจของเขา เพียงแต่ เขาประเมินกำลังความแข็งแกร่งของอสูรร้ายต่ำเกินไป หากพวกฉู่สยงไม่เข้ามาที่นี่ ทุกสิ่งที่ทำไว้คงเสียเปล่า
“อย่าขยับ!” ฉู่สยงพูดขึ้นมาอย่างทันทีทันใด และเดินไปตรงหน้าของอสูรร้าย พิจารณาดูอสูรร้ายอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งก้อนเล็กๆ สองก้อนที่อยู่บนศีรษะของอสูรร้าย หลังจากมองอยู่เป็เวลานาน เขาก็นึกถึงการเปลี่ยนแปลงของอสูรร้าย ฉู่สยงจึงพอคาดเดาบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ
“ศิษย์พี่ฉู่ อสูรร้ายกลืนกระบี่ของข้าเข้าไป ข้าจะต้องเอามันออกมา” ถังอีิพูดอย่างเคร่งขรึม แม้ว่าฉู่สยงจะช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เขาก็้ากระบี่ิญญาสีแดงเพลิงที่แปลกประหลาดนั่นมาเช่นกัน
ฉู่สยงขมวดคิ้ว และพูดว่า “รอสักหน่อยเถอะ ข้าว่าอสูรร้ายตัวนี้ไม่ธรรมดา รอให้ข้าแน่ใจก่อนว่าคืออสูรร้ายชนิดใด เ้าค่อยผ่ามันก็ยังไม่สาย”
“ก็เป็แค่อสูรร้ายทั่วไปมิใช่หรือ? ข้าขอเอากระบี่ของข้าออกมาก่อน...” ถังอีิพูดอย่างเร่งรีบ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ศิษย์คนหนึ่งที่นั่งทำสมาธิอยู่ได้ลืมตาขึ้น และพูดขัดจังหวะถังอีิ “รอสักหน่อยไม่ได้หรือ? หากไม่ใช่เพราะศิษย์พี่ฉู่ พวกเ้าคงตายกันหมดแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ถังอี้ิถึงกับหน้ากระตุก เหลือบมองไปทางศิษย์คนนั้น แต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะยอมวางมือ ฉินอวี่ยังคงเก็บเือสูรต่อไป พลางพูดขึ้นมา “ศิษย์พี่ฉู่ ท่านได้ตกลงกับข้าไว้แล้ว ดังนั้นเืของอสูรร้ายจะต้องเป็ของข้าทั้งหมด ใช่หรือไม่?”
ฉู่สยงไม่ได้กล่าวอะไร แต่ในตอนนี้ ฉู่เยว่ฉานก็เดินเข้ามาเช่นกัน “เืของอสูรร้ายขั้นสูงสุดในระดับสี่ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ แต่อย่าได้เอากระดูกของอสูรร้ายออกมา” ก่อนหน้านี้ได้รับปากฉินอวี่เอาไว้แล้ว และฉินอวี่ก็ยังได้รับาเ็ อีกทั้งยังช่วยแทงดวงตาของอสูรร้าย เขาจึงสมควรจะได้เือสูรไป
ฉู่สยงไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง และพยักหน้าเบาๆ “พยายามรักษาสภาพมันเอาไว้ก็พอ”
เมื่อฉินอวี่ได้ยินดังนั้น เขาก็แอบดีใจเล็กน้อย และเริ่มเก็บรวบรวมเือสูรร้ายต่อไป อสูรร้ายตัวนี้มีสายเืของหยาจื้อ และได้กลืนกินกระบี่ัเข้าไป จนพลังอันแข็งแกร่งได้ถ่ายเทเข้าสู่เื แม้ว่าสายเืของหยาจื้อจะสลายไปไม่น้อย แต่กลับยังคงเหลืออยู่ในเื หากสามารถรับเอาสายเืหยาจื้อมาได้ ก็ถึงเวลาใช้การเปลี่ยนแปลงขั้นที่สองของวิชาปีศาจคลั่ง
ในการเปลี่ยนแปลงลำดับที่สองของวิชาปีศาจคลั่ง เป็การเปลี่ยนแปลงสายเื!
ฉินอวี่มีความเข้าใจในพลังของการเปลี่ยนแปลงลำดับที่สองของวิชาปีศาจคลั่งเป็อย่างดี หากสามารถใช้การเปลี่ยนแปลงลำดับที่สองได้ พลังของเขาจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ครู่หนึ่ง หลังจากฉินอวี่เก็บเือสูรร้ายไปจนหมด เขาก็ลุกขึ้นยืน ฉู่สยงจึงก้าวไปข้างหน้าและพิจารณาดูอสูรร้ายโดยละเอียด
ถังอีิมองไปทางอสูรร้ายด้วยความกังวล กลัวว่าถังอีิจะ่ชิงกระบี่ิญญาสีแดงเพลิงไป จึงทำให้เขากระสับกระส่ายเล็กน้อย และหันมองทางฉินอวี่ที่กำลังเดินมาด้วยสายตาที่ประหลาดใจ “เ้าคือหวังฉี่หรือ?”
ฉินอวี่เหลือบมองถังอีิและส่ายศีรษะ ก่อนพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้าชื่อหวังซิงเฉิน ไม่ใช่หวังฉี่”
“หวังซิงเฉิน?” ถังอีิยิ่งสงสัยมากขึ้น และพูดอย่างเคร่งขรึม “อสูริญญาตัวนี้เกลียดเ้าเข้ากระดูก เ้าพอจะอธิบายเื่นี้ได้หรือไม่?” พูดจบ ถังอีิก็หรี่ตาลง จ้องไปทางฉินอวี่
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ว่าในขณะที่อสูรร้ายตายอย่างอนาถ ในส่วนลึกของเขตต้องห้ามทางเหนือมีเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้น...
