“พูดจริงนะ เสี่ยวเหนียงจื่อนางนี้…ให้ข้าไปฆ่าสามีนางให้หรือไม่?” หานซิงโอบไหล่ตู้ซิวจู๋พูด
ตู้ซิวจู๋ยกเท้าถีบ หานซิงดีดตัวหลบ “ข้าคุยด้วยดีๆ เหตุใดจึงลงไม้ลงมือ? ข้าอุตส่าห์หวังดี! ฆ่าสามีนาง พานางกลับมาดูแลที่คฤหาสน์ ดีจะตาย จะว่าไปแล้วฟู่เหรินน้อยนางนี้สวยก็จริง แต่ไม่ได้สวยเลิศล้ำที่สุด ถ้าเ้าอยากได้...”
ตู้ซิวจู๋คว้ากระบี่จากมือองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างมาฟันใส่หานซิงแบบไม่พูดกระไรสักคำ
หานซิงรีบตั้งท่ารับ คว้ากระบี่จากองครักษ์อีกคนมาสู้กับตู้ซิวจู๋
“ข้าขอเตือนนะ เ้าาเ็อยู่…”
“ข้ายอมอ่อนให้เ้าหรอกนะตู้ซิวจู๋ อย่าให้มันเกินเลยนัก!”
หานซิงตั้งท่ารับลำแสงกระบี่ที่หนาจนลมไปอาจลอดผ่านของตู้ซิวจู๋อย่างจนตรอก ไม่นาน เสื้อผ้าบนร่างก็ถูกเจาะไปหลายรู
หนึ่งเค่อต่อมา หานซิงโดนตู้ซิวจู๋ถีบล้มลงกับพื้นเต็มแรง กระบี่ในมือตู้ซิวจู๋ชี้มาที่คอ
“อยู่ให้ห่างจากนาง!” ตู้ซิวจู๋สั่งเสียงเย็น “ถงป่านไปสืบเื่เจียงหงหย่วนแล้วแต่ไม่เจอกระไร แต่ข้ารู้สึกว่าเขาหน้าคุ้นๆ หากข้ายังไม่รู้ว่าเคยเห็นจากที่ใด…เ้าห้ามทำกระไรโดยพลการ!”
“รู้แล้วน่า เ้ากลายเป็คนจู้จี้จุกจิกั้แ่เมื่อไร? ก็แค่นายพรานกลางป่ากลางเขาคนหนึ่ง มีกระไรให้คุ้นหน้ากัน เ้าต้องจำผิดเป็แน่” หานซิงลุกจากพื้น โยนกระบี่ในมือออกไป องครักษ์รีบมารับและถอยไปด้านข้าง
ตู้ซิวจู๋มองเขาเย็นๆ แววตาเย็นยะเยียบราวกับก้อนน้ำแข็ง หานซิงรีบหุบปาก
ทอดถอนใจกับตัวเอง เ้าหมอนี่คงหวั่นไหวเข้าแล้วจริงๆ
ไม่เช่นนั้น ก็แค่ฆ่าคนคนเดียว ประมุขแห่งหน่วยอินทรีดำถึงกับต้องใช้ข้ออ้างฟังไม่ขึ้นเช่นนี้ อ้างว่าคุ้นหน้า…เหอะๆ
คงไม่อยากเข้าไปพัวพันกับชีวิตฟู่เหรินน้อยมากกว่า
แต่แบบนี้ยังไม่เรียกว่าพัวพันอีกหรือ?
เอาตัวไปให้นางแทงก็เพราะอยากมีเวลาอยู่กับอีกฝ่ายมากขึ้น
“ต้าเกอ ข้าดูจากท่าเดินของฟู่เหรินน้อย น่าจะยังไม่ได้เข้าหอกับสามีของนาง เ้าดูแล้ว…”
“อยากตายใช่หรือไม่?” ตู้ซิวจู๋ถาม หานซิงรีบหนี “ข้าไปทำภารกิจล่ะ…”
“กลับมา! ถลกหนังคนพวกนั้นเป็ๆ แล้วเอาไปโยนให้หมา!” ตู้ซิวจู๋เรียกหานซิงกลับมาสั่ง
หานซิง “…”
ซวยแล้ว หวั่นไหวแล้วจริงๆ!
“ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
“ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าคนพวกนั้นยังมีผู้ใดอีก ตัดรากถอนโคน อย่าเหลือแม้แต่คนเดียว!”
“ขอรับ!” เมื่อใดที่ตู้ซิ่วจู๋มีคำสั่ง หานซิงจะตอบรับตามตำแหน่งของตัวเอง
ไล่หานซิงออกไป ตู้ซิวจู๋รู้สึกวุ่นวายใจแปลกๆ
ถ้าหานซิงมองออก ตู้ซิวจู๋ก็ย่อมมองออกเช่นกัน
เพียงแต่…
นึกถึงฐานะของตัวเอง ตู้ซิวจู้ต้องควบคุมตัวเองให้หนักแน่น
หากไม่สนใจ ต่อให้เขาจับนางมาอยู่ด้วยเขาก็คงไม่คิดมาก
แต่นี่เขาสนใจ กลัวจะไม่ได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มดุจบุปผาที่เบ่งบานในฤดูร้อนของนางอีก
ตู้ซิวจู๋กลับมาทางช่องทางลับหลังจากเสร็จงาน เขาเรียกบ่าวใช้ ทังหยวนเดินเข้ามา “คุณชาย เถ้าแก่หลินให้คนนำน้ำแกงไก่มาส่ง ตอนนี้อุ่นอยู่ที่ครัว ท่านจะทานหรือไม่ขอรับ?”
“ยกเข้ามาเถิด” ไอเย็นที่หว่างคิ้วตู้ซิวจู๋หายไปทันทีที่ได้ยินดังนั้น มีความอบอุ่นเข้าแทนที่
ทังหยวนรีบออกไปยก หลังจากยกน้ำแกงไก่เข้ามา ตู้ซิวจู๋ดื่มน้ำแกงจนหมดเกลี้ยง แม้แต่เนื้อไก่ก็ไม่เหลือ
ทำเอาทังหยวนแปลกใจ
คุณชายของพวกเขาเคยกินเนื้อไก่ที่ต้มน้ำแกงเมื่อไรกัน?
มีแต่กลิ่นฟืนและไร้รสชาติ คุณชายของพวกเขาไม่ชอบ!
หรือเป็เพราะคนทำน้ำแกง ดังนั้น…
ไอ๊หยา ทังหยวนเกอฉลาดมาก!
แบบนี้นี่เอง คนที่ชื่นชมผลงานชิ้นสำคัญของคุณชายพวกเขาได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา น้ำแกงไก่ที่ทำโดยฝีมือนางจะอร่อยก็ไม่แปลก
นี่มันเื่กระไรกัน เอามาปนกันเช่นนี้ก็ได้หรือ?
“เ้าไปบ้านเจียง บอกนางว่าไม่ต้องกังวล คนพวกนั้นถูกจับแล้ว หากนางถามที่มาของคนพวกนั้นก็บอกตามจริงไป”
หานซิงบอกข้อมูลที่ได้จากการไต่สวนให้ฟังตอนเดินในช่องทางลับก่อนหน้านี้
หานซิงลงมือสอบสวนด้วยตัวเอง คนพวกนั้นเคยโดนวิธีการสอบสวนแบบหานซิงที่ไหน เพิ่งเริ่มทรมานก็สารภาพเสียแล้ว
พวกเขาเป็สหายกับเฉียนซาน รู้ว่าพวกเฉียนซานเกิดเื่ขึ้นขณะปล้นร้านอันอี้จวี พี่น้องทั้งหมดล้มตาย
หรือหมายความว่า สี่คนนี้มาแก้แค้นหลินหวั่นชิว จะเอาเงินจากนางไปดูแลพรรคพวกที่เหลือ
“ขอรับ บ่าวจะไปประเดี๋ยวนี้”
“บอกนางว่าไม่ต้องกลัว ทางศาลาว่าการจับคนพวกนี้ได้หมดแล้ว” หานซิงลงมือด้วยตัวเอง คนพวกนี้ไม่มีทางรอด
“ขอรับ บ่าวจะรายงานถึงเื่นี้เป็แน่”
ทังหยวนถอยออกไป ตู้ซิวจู๋หยิบหนังสือภาพเล่มหนึ่งออกมาพลิกดู ดูได้สักพักก็ไปก้มเขียนที่โต๊ะ ไม่รู้เขียนกระไร
บ้านเจียง อาหารเย็นเพิ่งจัดขึ้นโต๊ะ ทังหยวนก็มา
โชคดีที่มีข้ออ้างเื่คุณชายเขาาเ็ เขาจึงสามารถมาบ้านเจียงได้อย่างเปิดเผย
“เถ้าแก่หลินอยู่หรือไม่?” ทังหยวนถามยายสวี
ยายสวีเอาตัวขวางประตู “ท่านคือ?”
“ข้าชื่อทังหยวน มาส่งข่าวให้เถ้าแก่หลิน รบกวนท่านยายช่วยแจ้งให้ที”
ทังหยวนมีมารยาท ยายสวีดูก็รู้ว่าเขาน่าจะเป็บ่าวจากตระกูลใหญ่ ไม่กล้าชักช้า รีบไปแจ้งหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิววางตะเกียบในมือ “ทังหยวนหรือ ให้เขาเข้ามาได้เลย”
“พี่สะใภ้ ทังหยวนคือผู้ใดหรือขอรับ?” เจียงหงหนิงถามด้วยความสงสัย
หลินหวั่นชิวตอบ “เป็บ่าวของเพื่อนพี่สะใภ้ เพื่อนพี่สะใภ้คนนี้ชื่อตู้ซิวจู๋” นางไม่คิดจะเล่าเื่ที่เกิดเมื่อตอนกลางวันให้เด็กน้อยฟัง แต่ไว้เจียงหงหย่วนกลับมาแล้วจะเล่าให้เขาฟังเป็แน่
ตู้ซิวจู๋…
“เป็บุรุษหรือ?” เจียงหงหนิงไม่สบายใจ
หลินหวั่นชิวยื่นมือไปดีดหน้าผากเขา “ใช่! พี่สะใภ้มีเพื่อนเป็บุรุษไม่ได้หรือ? จะบอกให้นะ พี่สะใภ้คัดหนังสือขายให้เขาหนึ่งชุด เขาให้เงินมาตั้งสองร้อยตำลึง!”
“อ้อ…ที่แท้ก็คนเสียเงินเปล่า!” เจียงหงหนิงรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจถูก เขาสบายใจขึ้น
ขอแค่ไม่ได้มาแย่งพี่สะใภ้จากต้าเกอเป็พอ!
ทังหยวนเดินเข้ามาได้ยินเจียงหงหนิงพูดประโยคนี้พอดี กระอักกระอ่วนจนไม่รู้ว่าควรพูดกระไร
คุณชาย…ท่านถูกมองเป็คนเสียเงินเปล่าเสียแล้ว!
