นางจ้องขนตาของหรงจ้านสักพัก แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน "ขนตาของท่านช่างยาวยิ่งนัก น่าอิจฉาจริงๆ"
หรงจ้านเช็ดมือให้นางสะอาดแล้ว ก็กำชับ "กินอะไรต้องค่อยๆ กิน มาสิ"
เขาส่งชามใบเล็กให้เฉียวเยว่ "กินเถอะ”
เฉียวเยว่ตอบอื้ม นั่งลงกินอย่างเชื่อฟัง "ท่านพี่จ้าน แล้วอีกสองสามกล่องนั่นเอาไว้ทำอันใด?"
ในตะกร้ายังมีของอยู่อีกนะ
หรงจ้านมุมปากกระตุก "เอาไว้ถึงยอดเขาแล้วค่อยให้เ้ากิน หากเอาออกมาจะเย็นหมด" หลังจากนั้นก็ยิ้มน้อยๆ "เ้ากินเก่งเช่นนี้ รอบเดียวคงไม่พอกระมัง?"
"ไม่ใช่เสียหน่อย เป็เพราะข้ากำลังเติบโตต่างหาก" เฉียวเยว่พยายามพูดให้ดูมีเหตุผล
เห็นนางเคี้ยวจนแก้มป่อง หรงจ้านลุกขึ้นเดินมาอีกด้าน ซื่อผิงกางโต๊ะเล็กออกมาอีกตัว หรงจ้านเอากระดาษวาดภาพมาวางหลังจากนั้นก็เริ่มลงมือ
"พี่จ้านเ้าคะ ข้าต้องอยู่นิ่งๆ ใช่หรือไม่" เฉียวเยว่ถาม
หรงจ้านส่ายหน้า "ไม่จำเป็ อยากทำอะไรก็ทำ ข้าห้ามไม่ให้เ้ากินได้หรือ?"
เฉียวเยว่หัวเราะร่วน มีความสุขเป็พิเศษ "ข้าชอบมาเที่ยวูเากับท่าน"
ดูเหมือนไม่เก็บสิ่งใดมาใส่ใจ แต่กลับสามารถจัดการทุกอย่างได้ดีเยี่ยม บุรุษเช่นนี้น่าชื่นชมที่สุด
"ท่านพี่จ้าน ต่อไปหากท่านแต่งงาน ชาติที่แล้วเ้าสาวของท่านต้องเคยกอบกู้โลกมาแล้วแน่ๆ หาไม่แล้วไหนเลยจะโชคดีเช่นนี้"
หรงจ้านเลิกคิ้ว ท่าทางงุนงง "โลก? คือสิ่งใด?"
"ก็ดินแดนที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต รวมต้าฉี แล้วก็รวมแคว้นเล็กแคว้นน้อยอีกมากมาย หมายถึงรวมทุกแคว้นที่พวกรู้จักทั้งหมดเลย" เฉียวเยว่เปรียบเทียบให้ฟัง
คำศัพท์ที่เด็กน้อยบัญญัติขึ้นมาเองมักทำให้คนงุนงงอยู่เสมอ
"เช่นนั้นข้าจะถือว่าคำพูดของเ้าประโยคนี้เป็คำชมของข้าก็แล้วกัน" หรงจ้านเอ่ยเสียงเบา
"ข้าชมท่านจากใจจริงนะ ข้ารู้สึกว่าสตรีที่ได้แต่งงานกับท่านโชคดีมากจริงๆ ท่านทั้งมีเงิน มีความรู้ความสามารถ ทั้งอ่อนโยนและเฉลียวฉลาด ยังทำอาหารเป็อีกด้วย หากตัดเื่รักสะอาดเกินไปหน่อย ก็นับได้ว่าสมบูรณ์แบบ ข้ายังเล็ก มิเช่นนั้นข้าก็จะแต่งให้ท่านเหมือนกัน"
หรงจ้าน "..."
พู่กันของเขาชะงัก ทำให้ภาพเสียไปเฉยๆ เขาเม้มปาก เปลี่ยนกระดาษอีกแผ่น "เ้าคิดเยอะจริงๆ"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าเป็ผู้ใหญ่พอและค่อนข้างมีเหตุผล"
นางหยิบขนมแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาหรงจ้าน "อ้าปาก"
หรงจ้านมีท่าทีอิดเอื้อน
"ไม่เป็ไรหรอก มาเถอะ กินสิ ท่านควรรู้ว่าฝีมือของตนเองอร่อยมากแค่ไหน เอาน่า... ข้าเช็ดมือแล้ว"
หรงจ้านเห็นเศษขนมติดอยู่บนมุมปากของเฉียวเยว่ ก็ถอนหายใจ ล้วงผ้าออกมาอีกผืน
เฉียวเยว่มุมปากกระตุก "ท่านมีทั้งหมดกี่ผืนกันแน่เนี่ย ไยถึงเยอะนัก"
หรงจ้านเช็ดปากของนางจนสะอาด แล้วกินขนมที่เฉียวเยว่ส่งมาให้ถึงปากลงไป
เฉียวเยว่วิ่งกลับไปอย่างพึงพอใจ แล้วนั่งกินต่อ
นางกินจนท้องป่อง ก็ล้มตัวนอนแผ่ด้านข้างพลางถอนใจ "อร่อยมากๆ"
หรงจ้านเห็นนางนอนบนพรมก็เอ่ยว่า "ห่มผ้าให้นาง อย่าให้ต้องไอเย็น"
แม้จะเป็ฤดูใบไม้ผลิแต่ยังคงหนาวเย็นอยู่บ้าง
เฉียวเยว่นอนกางแขนกางขาอย่างผ่อนคลายมาก วิหคบินผ่านมาฝูงหนึ่ง นางเอานิ้วมือวางไว้บนริมฝีปาก แล้วผิวปากออกมา
นางไม่เหมือนเด็กผู้หญิงจริงๆ ตรงข้ามกลับคล้ายเด็กผู้ชายซุกซนมากกว่า
"วาดเสร็จแล้ว อยากดูหรือไม่?" เขาเอ่ย
เฉียวเยว่ทำตาโต "เร็วถึงเพียงนี้?"
"เ้าตัวเล็กนิดเดียว ย่อมวาดเสร็จเร็ว" หรงจ้านหยอกล้อนาง
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "ข้าไม่ใช่คนโง่ ท่านอย่ามาหลอกล่อเสียให้ยาก"
หรงจ้านกวักมือ "มา"
เฉียวเยว่เข้ามายืนตรงหน้าหรงจ้าน ร้องเอ๋ แล้วเข้ามาพิงตัวหรงจ้าน นางสะกิดเขา "นี่ท่านวาดหรือ?"
หรงจ้านพยักหน้า "ใช่"
เฉียวเยว่เท้าสะเอว "เยี่ยมไปเลย ท่านดูภาพที่ท่านวาดให้ข้าสิ"
ต้องบอกว่า ถึงภาพเฉียวเยว่ที่หรงจ้านวาดจะเป็เพียงเส้นไม่กี่เส้นที่เรียบง่าย แต่กลับสามารถทำให้คนมองออกเพียงชั่วพริบตา
มือซ้ายของเฉียวเยว่ถือชามใบน้อย ในปากคาบขนมหนึ่งชิ้น อีกมือก็ลูบท้อง ดวงหน้าน้อยเป็ไปด้วยความพึงพอใจ
ขุนเขาเขียวขจีสายน้ำสีมรกต เด็กหญิงตัวน้อยกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยปรากฏอยู่บนกระดาษ
ภาพวาดของเขาไม่ซับซ้อน แต่กลับเหมือนจริง
เฉียวเยว่เอามือเท้าคางอยู่นาน ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง "ท่านพี่จ้าน ท่านทำเป็หมดทุกอย่างจริงๆ"
หรงจ้านเก็บของ "ไปนั่ง พักผ่อนอีกสักครู่ พวกเราจะขึ้นเขากันต่อ"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แล้วลุกขึ้นไปเก็บข้าวของ ซื่อผิงจะเดินเข้าไป แต่หรงจ้านส่ายหน้าให้เขา
เห็นนางเก็บของเสร็จเรียบร้อย หรงจ้านก็เข้ามาช่วยนางสวมรองเท้า แต่เฉียวเยว่กลับพูดว่า "ข้าใส่เองเป็"
หรงจ้านลุกขึ้น เห็นนางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จูงมือของนาง "ไปกันเถอะ พวกเราขึ้นเขากัน"
แม้ดูเหมือนไม่นาน แต่ตอนนี้ก็เลยเที่ยงวันมาแล้ว
"เพิ่งกินอิ่มไม่นาน เดินช้าหน่อย เช่นนี้จะได้ไม่เหนื่อยมาก" หรงจ้านกล่าว
เฉียวเยว่ตอบอื้อ แล้วถามว่า "ท่านพี่จ้านมีแผนการอย่างไรบ้าง ทุกวันล้วนเป็เช่นนี้หรือ แต่ท่านเป็ผู้ใหญ่แล้ว อยู่ไปวันๆ เช่นนี้ดีจริงหรือ?"
หรงจ้านอมยิ้ม "ข้าเป็คนกินอยู่ไปวันๆ รอความตายเช่นนี้เอง จะทำอะไรให้เหนื่อยทำไม เ้าว่าถูกต้องหรือไม่?"
คำกล่าวเช่นนี้ไม่น่าจะใช่สิ่งที่หรงจ้านจะพูดออกมา
เฉียวเยว่ไม่เชื่อ "ท่านพี่จ้านดูเป็คนลึกลับไม่เปิดเผย ข้าไม่เชื่อหรอก เมื่อท่านไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ แต่ท่านสามารถมาหาข้าที่บ้านได้ ข้าชอบมากๆ เวลาอยู่กับท่าน"
หรงจ้านแหงนหน้ามองฟ้า หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า "คนอย่างข้าอาจจะเข้ากับเด็กอย่างเ้าได้"
หรงจ้านไม่ค่อยจะเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ พูดอย่างแง่งอน "เด็กอย่างข้าแล้วอย่างไร ท่านพูดมาให้ชัดเจนเลยนะ เด็กอย่างข้าเป็เช่นไร ข้าทั้งแสนดี อ่อนโยน น่ารัก เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ สตรีที่หาได้ยากที่สุดในใต้หล้าก็ข้านี่แหละ"
หรงจ้านอมยิ้ม "ความหน้าหนาของเ้าไม่รู้ว่าเหมือนใคร"
เฉียวเยว่ยืดอกน้อยๆ "มันขึ้นอยู่ว่าใครเป็คนพูด หากเป็บิดาข้า ส่วนไหนดีเขาก็จะว่าเหมือนเขา ส่วนไม่ดีก็โยนให้ท่านลุง หากท่านลุงเป็ผู้พูด ส่วนดีเขาก็จะบอกว่าเหมือนคนสกุลฉี ส่วนที่แย่เหมือนบิดาข้า"
หรงจ้านหัวเราะพรืดออกมา แล้วถอนหายใจ "เ้านี่ปากไม่มีหูรูดจริงๆ เื่ภายในครอบครัวของพวกเ้า เอามาบอกผู้อื่นได้ด้วยหรือ?"
เฉียวเยว่ไม่ยอมรับคำต่อว่านี้
"ไม่ใช่ ไม่ใช่เสียหน่อย เพราะข้าเห็นว่าท่านพี่จ้านเป็คนดีถึงไม่ปิดบังต่างหาก"
เฉียวเยว่ถอนหายใจพลางบ่นพึมพำ "เหนื่อยจังเลย"
หรงจ้านอุ้มนางขึ้นมา "ข้าอุ้ม"
เฉียวเยว่เกาะไหล่ของเขา "ท่านพี่จ้านดีที่สุด"
เฉียวเยว่นอกจากจะเหนื่อย ยังง่วงนอนอีกด้วย นางพยายามเบิกตา พูดงึมงำ "ข้าไม่ง่วง ข้าไม่ง่วง ข้าไม่ง่วง"
หรงจ้านหัวเราะ เอ่ยเสียงเบา "สาวน้อยหลับเถอะ เดี๋ยวไปถึงยอดเขา พี่ชายจะปลุกเ้า"
"ไม่เอา ข้าจะคุยเป็เพื่อนท่าน ข้าจะพูด... พูด..."
หรงจ้านรู้สึกได้ว่าศีรษะเล็กๆ ซบอยู่บนลาดไหล่ของตนเอง ก็หัวเราะเบาๆ
ซื่อผิงก้าวเข้ามา "นายท่าน ให้ข้าน้อยอุ้มคุณหนูเจ็ดเถิด"
"ไม่ต้อง" หรงจ้านปฏิเสธ
เขามาถึงยอดเขา ลมโชยมาระลอกหนึ่ง ยามนี้เป็เวลาบ่ายคล้อยแล้ว เฉียวเยว่ยังหลับสนิท แต่... ใครช่วยบอกเขาทีเถอะ เหตุใดแม่หนูน้อยต้องนอนน้ำลายหกด้วย
"เอาผ้าห่มผืนบางมาให้ข้า" หรงจานเอ่ยเสียงเบา
เขาใช้ผ้าห่มห่อตัวเฉียวเยว่ มองลงไปจากูเา น้ำเสียงสงบนิ่งมาก "แท้จริงแล้วนางไม่เหมือนทั้งบิดาและท่านลุงของนาง ข้ากลับรู้สึกว่านางเหมือนอาจารย์ฉีท่านตาของนางมากกว่า"
ซื่อผิงจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย "นายท่าน เชิญนั่งสักครู่เถิด"
หลังจากนั้นก็กล่าวว่า "คุณหนูเจ็ดร่าเริงไร้เดียงสา เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ บางคราก็ดูทรงภูมิปัญญา บางคราก็ดูโง่งม คล้ายคลึงกับอาจารย์ฉีอยู่มากจริงๆ"
"หลังกลับไปถึง เ้าไปซื้อขนมจากหอเจ็ดสมบัติทั้งหมดมาหนึ่งชุด ส่งไปให้แม่หนูน้อยที่จวนซู่เฉิงโหว" หรงจ้านกำชับ
"พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่านายท่าน ข้าน้อยคิดว่าท่านเสนาบดีฉีน่าจะทราบว่าท่านรู้เื่ที่เขาเป็เ้านายผู้อยู่เื้ัโรงน้ำชาเจ็ดสมบัติแล้ว"
หรงจ้านสะกิดเฉียวเยว่ เห็นนางหลับสนิทมาก ก็เอ่ยเสียงเบา "วันเทศกาลซ่างหยวน เขาคงรู้ว่าข้าทราบแล้ว"
นึกมาถึงตรงนี้ ก็หัวเราะเสียงเบา "มาพินิจดีๆ สมองของคนเมืองหลวงดูท่าจะไม่ค่อยได้ใช้ เหตุผลง่ายๆแค่นี้ยังไม่เข้าใจ" เขาจิ้มไปบนดวงหน้าเล็กจ้อยนุ่มนิ่ม "ไม่นึกบ้างว่า คำถามของโรงน้ำชาเจ็ดสมบัติคนธรรมดาไหนเลยจะคิดออกมาได้ อีกอย่างหลายปีมานี้ ด้วยอุปนิสัยของผู้าุโฉีคงไม่ค่อยสนใจโรงน้ำชาเจ็ดสมบัติเท่าไร ทุกคนเพียงถูกใบไม้หนึ่งใบบังตาเท่านั้น"
สีหน้าของหรงจ้านเจือไปด้วยความเ็า แต่กลับพูดว่า "โรงน้ำชาเจ็ดสมบัติเปิดมาหลายทศวรรษ ขายข่าวสารทุกประเภท ย่อมต้องรู้เื่ราวในปีนั้น หากไม่รู้เื่ราวใดๆ เลย ตอนนั้นฉีจือโจวก็ไม่น่าจะเกลี้ยกล่อมตนเอง แม้จะไม่รู้ว่ามีปัจจัยภายในอันใดที่ทำให้พวกเขาไม่อาจบอกได้โดยตรง แต่อย่างไรเสียก็ยังมีโอกาสอยู่ โรงน้ำชาเจ็ดสมบัติสนใจเพียงการแลกเปลี่ยน พวกเรามีข้อมูลเพียงพอ ย่อมสามารถแลกข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยรีบร้อน ค่อยเป็ค่อยไป ไม่แน่ว่าแม่หนูน้อยน่ารักคนนี้อาจจะช่วยข้าได้
ซื่อผิดอึ้งงัน ไม่ค่อยเข้าใจนัก
"เอาล่ะ เ้าถอยไปเถอะ ข้าอยากอยู่กับนางเพียงลำพังสักครู่" หรงจ้านกล่าว
ซื่อผิงตอบรับไม่ช้าก็ถอยไปชมทิวทัศน์ไกลๆ แต่กลับยืนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเห็นความเคลื่อนไหวของอวี้อ๋องได้
"เ้าแตงน้อย เลิกแกล้งหลับได้แล้ว" หรงจ้านเอ่ยเสียงเบา รอยยิ้มของเขาประดุจสายลมยามวสันตฤดู ทำให้คนจิตใจสงบ
ขนตาของเฉียวเยว่ขยับ แต่กลับยังหลับตาปี๋
หรงจ้านพูดต่อ "หากเ้ายังไม่ตื่น ข้าจะจับเ้าโยนลงหน้าผาแล้วนะ เช่นนี้เ้าก็จะไม่ได้พบหน้าบิดามารดาของตนเองอีก แตงน้อยน่าสงสาร ไม่มีใครรู้เลย"
เฉียวเยว่รู้ว่าตนเองเสแสร้งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว นางกะพริบตาปริบๆ แล้วลืมตา แสร้งทำเป็ผ่อนคลาย "เฮ่อ ข้าตื่นแล้ว ท่านพี่จ้าน พวกเราปีนขึ้นมาถึงเมื่อใด ท่านวางข้าลงเถอะ"
หรงจ้านยิ่งยิ้มตระการตา เขาลูบดวงหน้าของเฉียวเยว่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "แต่ข้าไม่อยากวางเ้าลง อยากฆ่าคนปิดปากมากกว่า"
เฉียวเยว่ "หา"
เห็นนางเบิกตากว้าง รอยยิ้มของหรงจ้านก็ยิ่งกว้างขึ้น "ทำอย่างไรดีเล่า? เ้าแตงน้อยจะอ้อนวอนขอความเมตตาอย่างไร?"
เฉียวเยว่กล่าวขึ้นทันที "ท่านพี่จ้าน ข้ารักท่าน"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้