“บัวหิมะดำ!” ถูเชียนจวินหัวเราะแหะๆ แล้วพูดขึ้น
“ฮะ!” เสว่อู๋เหินเมื่อได้ฟังใบหน้าพลันปรากฏความปีติยินดีอย่างบ้าคลั่งออกมา ดวงตาดำเทาสองข้างเปล่งประกายแสงแหลมคมแสบตาออกมา บัวหิมะดำเป็ยาสมุนไพรวิเศษระดับสูงที่หายาก แน่นอนว่าสำหรับคนทั่วไปบัวหิมะดำมีพิษร้ายอันตรายถึงตาย แต่สำหรับตระกูลเสว่แล้วถือว่าเป็ยาวิเศษที่ถูกจัดไว้ในอันดับสาม อาศัยบัวหิมะดำนี้อานุภาพของแมลงปีกแข็งสีทองของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว ถึงตอนนั้นขอเพียงเขาบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิการเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพก็จะสบายขึ้นอีกมาก
เสว่อู๋เหินรีบคุกเข่าลงในทันทีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณชายดีต่ออู๋เหินเช่นนี้ อู๋เหินไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนอย่างไรดี...”
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรข้า!” ถูเชียนจวินยิ้มอย่างเ็าออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงขึ้น เปลี่ยนเป็เคียดแค้นดุร้ายน่ากลัว น้ำเสียงก็เย็นะเืขึ้น
“เ้าไม่ต้องตอบแทนอะไรข้า ขอเพียงตอนที่เ้าไปยังูเาสุสานทวยเทพ ถ้าหากเย่ชิงหานยังไม่ตายละก็ จงฉีกร่างของมันออกเป็ชิ้นๆ แทนข้า ถ้าหากมันตายไปแล้วก็จงสังหารคนของตระกูลเย่และตระกูลเยว่อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว...”
“แหะๆ!” เสว่อู๋เหินยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย หมุนตัวมองออกไปยังประตูใหญ่พร้อมกับพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เื่นี้แม้คุณชายไม่พูดข้าก็จะทำอย่างแน่นอน ขอแค่เพียงแมลงปีกแข็งสีทองของข้าวิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้นได้สำเร็จ การเดินทางไปยังูเาสุสานทวยเทพในครั้งนี้ข้าจะต้องทำให้คนของตระกูลเย่และตระกูลเยว่อยู่อย่างทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็ ไม่...ไม่ใช่แค่เพียงคนของตระกูลเย่และตระกูลเยว่ แต่รวมไปถึงคนของตระกูลเฟิง ตระกูลฮวา และคนของเมืองัข้าก็จะไม่ปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว ฮ่าๆ...”
“หึๆ!”
ภายในหอที่พักบังเกิดเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายเย็นะเืดังขึ้นมาสองสาย ทำเอาเหล่าสาวรับใช้ที่กำลังเตรียมที่จะเข้าไปภายในหอสะดุ้งใจนหน้าตาเปลี่ยนสีขึ้นในทันที
.................................
ลู่ซีรู้สึกขายหน้ามาก
แม้เขาจะปรับลดระดับพลังฝีมือและระดับพลังิญญาลงมาแล้วก็ตาม แต่เขาคิดว่าอาศัยความเข้าใจในพลังเกณฑ์แห่งพื้นที่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพอย่างเขา เย่ชิงหานจึงไม่ต่างจากมดปลวกที่เขาขังเอาไว้ต่อให้ะโโลดเต้นอย่างไรก็ไม่น่าที่จะหลุดรอดไปจากใจกลางฝ่ามือของเขาไปได้
เพียงแต่วันนี้เขาพบเห็นเื่ผิดปกติขึ้น กระบองเหล็กที่เคยโจมตีไม่พลาดเป้าของเขาเริ่มโจมตีพลาดขึ้น แม้จะเป็การโจมตีพลาดแค่เพียงครั้งเดียวแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าให้อภัย
เขาเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพ! เขาฝึกฝนมานานเท่าไร่แล้ว? ฝึกฝนมานับหมื่นปีแล้ว! เขาจะโจมตีพลาดได้อย่างไร? มันเป็สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้?
เพียงแต่เมื่อเขามองดูกระบองเหล็กที่ยังนอนอยู่บนพื้นของห้องโถง ส่วนเงาร่างของเย่ชิงหานยังคงะโโลดเต้นไปมาอย่างมีความสุขรอบๆ ห้องโถงใหญ่ ร่างกายของเขาเริ่มดูพลิ้วไหวเลือนรางไม่ชัดเจนขึ้นทุกที เขาจึงมั่นได้ใจว่าตนเองโจมตีพลาดแล้วจริงๆ
สำหรับเย่ชิงหานที่เริ่มค่อยๆ ััรับรู้ได้ถึงพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้นั้นเื่นี้เขาไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพียงแต่...ต่อให้เย่ชิงหานเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ต่อให้ฝึกฝนจนเข้าใจจนสามารถก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ของโลกพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้แล้วก็ตามเขาก็ไม่มองอยู่ในสายตา ถึงแม้ว่าพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่เขาจะไม่ได้ฝึกฝนจนถึงขั้นลึกซึ้งแต่อย่างใด แต่แค่ใช้รับมือกับผู้ที่เป็มือใหม่ที่ยังไม่ประสีประสาอะไรเลยสักนิดแบบเย่ชิงหานนั้นกลับง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ
เพียงแต่ว่าทำไมเขาถึงโจมตีผิดพลาดได้?
ปัญหานี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ครั้นแล้วเขาจึงคิดไปว่าอาจเป็เพราะประสาทสั่งการของตนเองอาจจะเหนื่อยล้าจนเกินไป เพียงแต่เหตุผลที่ว่ามานี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากที่จะเชื่อ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพพลังิญญาแข็งแกร่งเป็อย่างมาก แค่เพียงการควบคุมกระบองเหล็กโจมตีออกไปง่ายๆ เช่นนี้ ต่อให้เขาควบคุมอยู่เช่นนี้สักพันปีประสาทสั่งการของเขาก็ไม่มีทางที่จะบังเกิดความเหนื่อยล้าขึ้นมาได้
คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด เขาจึงตัดสินใจจะซ้อมเ้าลิงตัวนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซ้อมเพื่อให้เขารีบบรรลุถึงระดับชอบเขตาาจักรพรรดิในเร็ววัน รีบผ่านด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาแห่งนี้เพื่อไปเสี่ยงดวงดูในด่านที่สาม...
เพียงแต่เมื่อเขาส่งสายตามองไปยังเย่ชิงหานอีกครั้ง คิ้วของเขาพลันต้องขมวดขึ้นมาโดยทันที ดวงตาปรากฏแววยินดีออกมา มุมปากเผยรอยยิ้มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เงาร่างของเย่ชิงหานยังคงะโโลดเต้นไปมาภายในห้องโถงใหญ่เช่นเดิม
เพียงแต่ยิ่งะโนานเข้าเงาร่างของเขายิ่งดูเลือนรางขึ้นไปทุกทีจนสุดท้ายเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นมาปรากฏขึ้นยังอีกที่หนึ่งซึ่งห่างจากจุดตำแหน่งเดิมออกไปราวสิบกว่าเมตร เงาร่างของเขาดูไม่ต่างจากภูตผีิญญาที่เลือนหายไปมาแล้วโผล่ขึ้นยังอีกที่หนึ่งอยู่เนืองๆ...
“เปลี่ยนรูปย้ายเงา ฮ่าๆ เปลี่ยนรูปย้ายเงา! ในที่สุดข้าก็ฝึกฝนจนสำเร็จ! ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ ข้านายน้อยคนนี้ในที่สุดก็เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้สำเร็จแล้ว!”
เย่ชิงหานทำการหลบหลีกไปมาภายในห้องโถงใหญ่อย่างต่อเนื่องพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข หลังจากแสงสีรุ้งเจ็ดสีและอสุนีบาตสีม่วงที่ปรากฏลงมาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้สองเดือนแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถก้าวเท้าเข้าไปสู่ประตูใหญ่ซึ่งเป็โลกของพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้สำเร็จ อีกทั้งยังสามารถฝึกฝนท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ชั้นที่สองท่าเปลี่ยนรูปย้ายเงาได้สำเร็จ และแน่นอนว่าบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิอีกด้วย
ในตอนนี้เขารู้สึกทั่วทั้งสรรพางค์กายสุขสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รูขุมขนทั่วทั้งร่างผ่อนเปิดออก ทั่วทั้งสรรพางค์กายจากภายในออกมาสู่ภายนอกรวมทั้งดวงิญญาต่างเข้าสู่อารมณ์ดื่มด่ำแห่งความสุข เขาหยุดร่างกายลงพร้อมกับยืนหลับตานิ่งๆ เริ่มสงบจิตใจให้จมดิ่งเข้าไปภายในห้วงดินแดนแห่งความสุขที่แสนงดงามน่าอัศจรรย์ที่ยากจะอธิบายได้นั้น
พลังฟ้าดินที่อยู่โดยรอบร่างกายของเขาเริ่มรวมตัวกันขึ้นอย่างหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นพลังฟ้าดินเหล่านี้เริ่มมุดหายเข้าไปภายในร่างของเขาโดยอัตโนมัติ ต่อมาิัทั่วทั้งร่างพลันมีของเหลวสีดำถูกขับออกมาเป็ชั้นๆ ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวอยู่นี้เองมหาสมุทริญญาของเขาได้เติบโตขยายใหญ่ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ส่วนแก่นแท้พลังตันเถียนที่อยู่ภายในตันเถียนของเขานั้นเริ่มทำการเคลื่อนตัวหมุนวนไปมาด้วยความเร็ว เพียงแต่มันไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับเริ่มค่อยๆ หดตัวเล็กลงและสีเริ่มกลายเป็สีทองที่ส่องสว่างพร่างพราวขึ้นมา...
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่ชิงหานลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ทำการบิดี้เีขึ้นอย่างรู้สึกสุขสบาย แต่ไม่คาดคิดว่าบนแขนและบนใบหน้าของตนเองจะมีคราบแผ่นผงสีดำเป็ชั้นๆ มากมายร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง!
“หืม? เกิดอะไรขึ้น? ร่างกายของข้าทำไมถึงได้ดำปี๋ไปทั้งตัวเช่นนี้ สิ่งนี้มันคืออะไร?” เย่ชิงหานที่เพิ่งตื่นขึ้นมาจากห้วงดินแดนแห่งความสุขพลันต้องสะดุ้งใขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องทำแปลกใจ สิ่งนี้คือสิ่งปลอมปนไม่บริสุทธิ์ที่อยู่ภายในร่างของเ้า เ้าเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิพลังฟ้าดินจึงช่วยทำการชำระล้างกระดูก เส้นเอ็น และรูขุมขนทั่วทั้งร่างกายให้แก่เ้า เพื่อทำให้กายเนื้อของเ้าแข็งแกร่งมากขึ้นอีก”
คำพูดของลู่ซีดังขึ้นอย่างราบเรียบ ในขณะเดียวกันแขนของเขาก็สะบัดขึ้น เย่ชิงหานรู้สึกถึงลมอ่อนโยนสายหนึ่งพัดผ่าน แผ่นผงสีดำที่อยู่บนร่างพลันกลายเป็ฝุ่นผงละเอียดลอยปลิวออกไป แม้กระทั่งสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในกางเกงชั้นในก็หลุดหายไปตามสายลมจนสะอาดเช่นเดียวกัน วิธีการน่าอัศจรรย์เป็อย่างมาก
“ขอบคุณท่านผู้าุโที่ช่วยชี้แนะสั่งสอนมาโดยตลอด!” เย่ชิงหานขยับเขยื้อนร่างกายไปมาอยู่หลายครั้ง เมื่อรู้สึกว่าร่างกายสุขสบายดีทุกอย่าง จากนั้นจึงรีบทำการโค้งตัวไหว้ไปทางลู่ซีสามครั้ง ครึ่งปีที่ผ่านมาลู่ซีช่วยเป็คู่ฝึก “ซ้อม” ให้แก่เขา โดยไม่ได้บ่นหรือไม่พอใจแต่อย่างใด ในจุดนี้เขารู้สึกสำนึกบุญคุณอยู่ภายในใจมาโดยตลอด แม้เขาจะรู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมลู่ซีถึงได้ดีกับเขาถึงเพียงนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่ลู่ซีมีต่อเขานั้นน้อยลงไป
“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าไม่ได้ละเมิดกฎกติกาที่นายท่านกำหนดเอาไว้ ทุกอย่างล้วนเป็เพราะความมุมานะเพียรพยายามของเ้าเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่แน่ว่าถ้าหากเ้าออกไปได้อาจจะนึกตำหนิข้าทีหลังก็เป็ได้!” ลู่ซีโบกมือขึ้นเบาๆ สำหรับการฝึกฝนด้วยความขยันหมั่นเพียรอย่างยากลำบากของเ้าเด็กคนนี้ ลู่ซีเห็นอยู่กับตามาตลอดครึ่งปี เด็กหนุ่มทั่วไปที่ไหนจะอดทนการถูกทุบตีด้วยกระบองเหล็กได้ทุกๆ วันตลอดระยะเวลานานถึงครึ่งปี?
เย่ชิงหานเมื่อได้ฟังรีบส่ายหัวขึ้นอย่างสุดชีวิตพร้อมกับพูดขึ้น “จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร? แค่กล่าวขอบคุณผู้าุโยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ แล้วข้าจะไปตำหนิหรือโทษท่านทีหลังได้อย่างไรกัน?”
“เหอะๆ ข้าจะพูดอย่างนี้ให้เ้าฟังก็แล้วกัน ตอนนี้เ้าได้เข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่แล้ว ความจริงแล้วผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่เป็พลังกฎเกณฑ์ที่ไม่มีประโยชน์มากมายอันใดนัก ผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปเริ่มแรกแทบจะไม่มีใครเลือกที่จะทำการฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่เลยสักคน...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้