ตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวเดินออกจากประตูใหญ่ของบริษัทก็พบว่าจ้าวหยวนฟางกำลังรอเธออยู่แถมยังพิงประตูรถด้วยท่าทีสูงส่งมากเมื่อเห็นเธอออกมาก็โบกมือเรียกเหมือนกลัวคนอื่นไม่เห็น
“เซิงเสี่ยว นั่นแฟนเธอหรือ? หน้าตาหล่อมากเลยนะเนี่ยแถมรถนั่นก็เท่มากด้วย โชคดีจริงๆ เลย!”เพื่อนร่วมงานข้างตัวของเนี่ยเซิงเสี่ยวเริ่มที่จะพูดต่อกัน พอเสียงนี้ดังขึ้นก็ทำเอาสายตาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆต่างมองไปที่จ้าวหยวนฟางและเนี่ยเซิงเสี่ยวที่อยู่ด้านนอกประตูบริษัทตาเป็ประกาย
“ไม่ใช่นะ พวกเธออย่าคิดอะไรมั่วซั่วสิ”หลังจากเนี่ยเซิงเสี่ยวอธิบายกับเพื่อนร่วมงานเสร็จก็บอกลาแล้วเดินไปทางจ้าวหยวนฟาง“นายมาได้ไง?” แถมยังมาแบบดึงดูดสายตาคนแบบนี้อีก
จ้าวหยวนฟางมองใบหน้าที่แดงระเรื่อเพราะแสงอาทิตย์ตกระทบของเธออย่างอ่อนโยนตอนนี้เขารู้สึกพอใจมาก ก่อนจะเอ่ยเสียงชวนเธอด้วยเสียงแหบทุ้ม “เซิงเสี่ยวที่หูตงมีร้านอาหารทะเลเปิดใหม่ด้วย ไปทานด้วยกันไหม?”
คนที่เดินผ่านมาข้างๆ พูดแซว “น้องชาย ข้ออ้างนั่นใช้กันจนเกลื่อนแล้ว”
จ้าวหยวนฟางถูกแซวจนหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ แต่เนี่ยเซิงเสี่ยวกลับหัวเราะออกมา“หยวนฟาง ครั้งต่อไปไม่เอาแบบนี้นะ ถ้าคู่หมั้นนายรู้เข้าฉันจะตายไหม?”
ทันใดนั้นสีหน้าของจ้าวหยวนฟางก็พลันเปลี่ยนไป มีคำพูดที่จู่ๆวันนี้เขาจะต้องพูดกับเนี่ยเซิงเสี่ยวให้ได้ ไม่รู้ว่านี่คือความรู้สึกอะไรแต่เขาร้อนรนมาก กลัวว่าหากผ่านวันนี้ไปเนี่ยเซิงเสี่ยวจะหายไป
“ฉันไม่มีคู่หมั้นมาตั้งนานแล้ว เซิงเสี่ยวไปทานข้าวแล้วนั่งคุยกันไปด้วยดีกว่า”จ้าวหยวนฟางเปิดประตูให้กับเธอด้วยท่าทางเป็สุภาพบุรุษจนเรียกสายตาอิจฉาได้หลายคู่
เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าหลายวันมานี้มีเื่น่าใเยอะเกินไปแล้วระบบย่อยข้อมูลของเธอเหมือนจะตามไม่ทันจังหวะอย่างชัดเจนทั้งเื่ที่เหยียนจิ่งจื้อจะขอแต่งงาน จ้าวหยวนฟางเลิกกับคู่หมั้นเธอเข้าไปนั่งในรถด้วยความสับสน
ร้านอาหารซีฟู้ดอยู่ใกล้มาก เมื่อสั่งอาหารเสร็จจ้าวหยวนฟางถึงจะเริ่มพูด“เซิงเสี่ยว หลังจากคู่หมั้นของฉันรู้จักเธอได้ไม่นานก็เลิกกันไปแล้วนั่นเป็แค่การดูตัวง่ายๆ พวกเราไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อกันจะเลิกกันก็เป็เื่ปกติ”
“แต่นายเคยพูดว่าพวกนายใกล้จะแต่งงานกันแล้วนี่นา”
“ใช่ แต่ว่าตอนนี้มีเธอแล้ว”
เสียงตะเกียบของเนี่ยเซิงเสี่ยวตกลงไปที่พื้น นี่ไม่ใช่ลางสังหรณ์่นี้จ้าวหยวนฟางใกล้ชิดเธอมากเกินไป เธอเองก็เคยเว้นระยะห่างมาก่อนแต่ว่าอีกฝ่ายมักจะใช้สถานะเพื่อนเข้ามาแสดงความเป็มิตรที่ดีเสมอเธอเองก็ไม่อยากมั่นใจจนเกินไป แต่ว่าตอนนี้…ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว
“ฉันทำให้เธอใหรือ?” จ้าวหยวนฟางลูบหัวเื่ตามจีบสาวเขาก็ไม่ค่อยถนัดเท่าไรแต่ถ้าอีกฝ่ายเป็เนี่ยเซิงเสี่ยวเขาจะยอมลองดู “เซิงเสี่ยว ฉันแค่อยากจะพูดว่าฉันดูแลเธอได้นะ เธอจะยอมใช้ชีวิตร่วมกับฉันไหม?”
ตอนนี้จ้าวหยวนฟางก็อายุสามสิบสามแล้วตอนที่เจอกับเนี่ยเซิงเสี่ยวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเขาก็ถูกบุคลิกของเธอดึงดูด วันนั้นเป็ครั้งแรกในชีวิตที่เขาเจอนางฟ้าแน่นอนว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ค่อยใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าแต่อาจจะเพราะแบบนี้ ถึงได้จุดประกายให้เขามีความ้ามากขึ้นไปอีกความรู้สึกที่เขามีต่อเนี่ยเซิงเสี่ยวยิ่งหยั่งรากลึกขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งวันนี้ถึงอดไม่ไหวและสารภาพรักออกมา
การสารภาพรักในวัยนี้ไม่เหมือนกับตอนเด็กๆ จาก "มาเป็แฟนกันไหม?"จึงเปลี่ยนมาเป็“เธอยอมที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับฉันไหม?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวลุกขึ้นยืน “ฉัน…เหนี่ยวเหนี่ยวยังอยู่ที่บ้านฉันจะต้องรีบกลับแล้ว”
“เซิงเสี่ยว” จ้าวหยวนฟางไว้ “ฉันรู้อาจจะเกี่ยวกับเหนี่ยวเหนี่ยวที่ทำให้เธอปิดกั้นและดูถูกตัวเอง แต่ว่าฉันไม่สนใจไม่สนใจจริงๆ ตอนวัยรุ่นมีใครบ้างที่ไม่เคยทำผิดมาก่อนฉันยอมที่จะดูแลเขาไปพร้อมกับเธอ”
ทันใดนั้นเนี่ยเซิงเสี่ยวก็สะบัดมือของจ้าวหยวนฟางทิ้ง “นายคิดผิดแล้วล่ะเหนี่ยวเหนี่ยวคือความภาคภูมิใจของฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแย่และปิดกั้นตัวเองเพราะเขานายเป็ผู้ชายที่ดีนะหยวนฟาง ขอโทษด้วย” พอพูดจบเธอก็รีบเดินออกไปแม้แต่จ้าวหยวนฟางก็รั้งเอาไว้ไม่ได้
ในตอนที่กำลังจะตามไปพนักงานก็เรียกเขาเอาไว้ก่อน “คุณคะยังไม่ได้จ่ายเงินค่ะ”
จ้าวหยวนฟางจึงทำได้แค่เดินกลับไปจ่ายเงิน พร้อมทั้งถอนหายใจยาวออกมาเขายอมรับว่าวันนี้เขาพูดผิดไปแล้ว การสารภาพรักจึงล้มเหลวไม่เป็ท่า
เพื่อไม่ให้จ้าวหยวนฟางตามมาทันเนี่ยเซิงเสี่ยวจึงโบกรถแท็กซี่ที่หน้าร้านอาหารซีฟู้ดตอนที่หลบเข้ามาในรถลมหายใจของเธอยังไม่นิ่งมาก เธอไม่ได้โกหกจ้าวหยวนฟางเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวคือความภาคภูมิใจของเธอ แต่ว่าก็ยังมีอีกประโยคที่ฝังอยู่ในใจมาตลอดก็คือเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็เป็าแของเธอด้วย
าแนี้เป็แผลที่ยังมีเืไหลออกมาไม่หยุด ไม่มีทางรักษาได้
ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมา ทำให้น้ำตาของเธอหยุดไหลทำงานที่เฉินตงมาได้หลายวัน เธอก็ชินกับงานที่จะมาในตอนกลางคืนเพราะว่าอย่างไรตำแหน่งผู้ช่วยก็เป็ตำแหน่งพิเศษ
เมื่อเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็ประกาศ เพียงแต่ไม่ใช่เื่งานเป็ให้เธอเตรียมตัวดีๆ พรุ่งนี้จะต้องตามท่านประธานไปปีนเขา
ความจริงแล้วสำหรับหนึ่งแผนกให้เลือกออกมาสองคนทำไมจะต้องให้เนี่ยเซิงเสี่ยวไปด้วย เื่นี้จินเป้ยน่าก็ได้เอามาคิด หนึ่งเพราะเนี่ยเซิงเสี่ยวสามารถเข้าใจและรู้ถึงสิ่งที่ประธานชอบสองเพราะว่าเธอไม่เคยพูดกับใครมาก่อนว่า จริงๆ แล้วเธอไม่ค่อยจะชอบเจินเนี้ยนเท่าไร รู้สึกว่าหล่อนนั้นชอบเสแสร้ง ทั้งๆที่นิสัยร้อนแรงแต่กลับแสร้งทำเป็อ่อนหวานราวกับสายน้ำ ดูแล้วก็รู้สึกทรมานอึดอัดจริงๆ
เจินเนี้ยนในตอนนี้ก็อึดอัดใจมาก พูดให้ถูกก็คือน้อยใจโอกาสที่รอคอยว่าจะได้อยู่กับเหยียนจิ่งจื้อเพียงลำพังที่ได้มายากแสนยากนั้นสรุปด้านหลังกลับมีก้างขวางคอกองเบ้อเริ่มที่สำคัญที่สุดก็คือหนึ่งในนั้นยังมีเนี่ยเซิงเสี่ยว
เนี่ยเซิงเสี่ยวที่เดินขึ้นเขาอยู่ในฝูงชนก็เมินสายตาของเจินเนี้ยนโดยอัตโนมัติเธอไม่ได้ทำเื่อะไรผิดจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาหาเื่ การปีนเขาครั้งนี้ทางบริษัทจัดขึ้นเธอไม่ได้ทำเื่ผิดอะไรต่อเจินเนี้ยน
เหยียนจิ่งจื้อเองก็มองไปที่เนี่ยเซิงเสี่ยว ผู้หญิงคนนี้ก็แปลกเอามากๆเขาถึงขั้นมีความคิดไม่ดีที่จะทำให้เธอเผยตัวจริงของเธอออกมา
ไม่นานนัก เจินเนี้ยนที่อยู่ข้างกายก็ร้องเหนื่อยออกมากำลังของเธอไม่ไหวจริงๆ ฐานะคุณหนูของเธอนั้นไม่จำเป็ต้องออกกำลังกายเลยบนหน้าผากของเธอมีเม็ดเหงื่อผุดออกมามากมายพร้อมทั้งดึงเหยียนจิ่งจื้อเอาไว้ด้วยท่าทางน่าสงสาร “จิ่งจื้อฉันเดินไม่ไหวแล้ว”
เหยียนจิ่งจื้อเองก็ตามใจเธอมาก “ถ้าอย่างนั้นก็พักสักหน่อยเถอะ”
เจินเนี้ยนเข้าไปพิงเขาอย่างดีใจแล้วพักอยู่ใต้ต้นไม้ราวๆยี่สิบนาทีถึงจะเริ่มปีนใหม่อีกครั้งในตอนนั้นเองที่ในกลุ่มมีคนพูดว่าร่างกายของคุณหนูเป็พวกอ่อนแอแต่ว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ได้เข้าร่วมด้วย ซึ่งพอดีที่เธอสามารถคว้าโอกาสนี้มาออกกำลังเท้าได้ตอนที่เรียนอยู่เธอชอบออกกำลังกายมากโดยเฉพาะหลังจากที่คบกับเหยียนจิ่งจื้อก็ยิ่งชอบให้เหงื่อออกทั้งสองคนมักจะเอาหลังที่เปียกเหงื่อมาชนเข้าด้วยกันนั่นคือวันเวลาที่มีความสุขที่สุดของพวกเขา
เนี่ยเซิงเสี่ยวมองไปทางเหยียนจิ่งจื้ออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้แต่กลับถูกจินเป้ยน่าจับได้ “เสี่ยวเนี่ยยังไม่ตัดใจหรือ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวยิ้มขมผู้ช่วยพิเศษของเหยียนจิ่งจื้อคนนี้เหมือนจะชอบล้อเล่นกับเธอเป็พิเศษ
“ความจริงแล้วฉันรู้สึกว่าถ้าเธอปล่อยผมลงมาจะต้องสวยกว่าคุณหนูเจินแน่”จินเป้ยน่าพูดแซวอย่างซุกซนก่อนจะเดินตามเหยียนจิ่งจื้อไปทิ้งเนี่ยเซิงเสี่ยวที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกหล่อนกำลังเสนอความคิดให้เธอไปโปรยเสน่ห์ใส่เหยียนจิ่งจื้อ? ผู้ช่วยพิเศษคนนี้หน้าที่ได้…ดีจริงๆ
“อ๊ะ!” จู่ๆ ด้านหน้าก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ทุกคนจึงพากันไปดู
เพราะว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวตัวสูง แค่มองก็รู้ว่าเจินเนี้ยนเหยียบหินเข้าไปเหยียนจิ่งจื้อที่อยู่ข้างๆ ก็คุกเขาลงไปนวดเธอด้วยความกังวลทำเอาเด็กสาวที่อยู่แถวหน้าพากันกรี๊ดกร๊าดออกมา ที่แท้ท่านประธานก็มีมุมอ่อนโยนแบบนี้ด้วย
หน้าของเจินเนี้ยนตอนนี้แดงกว่าเท้าอีกเธอเอื้อมมือพาดอยู่ที่ไหล่ของเหยียนจิ่งจื้อการแสดงความรักต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ทำให้เธอมีความสุขมากเป็พิเศษผู้ชายคนนี้นี่เอาเื่จริงๆ
“ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ล่ะ” เหยียนจิ่งจื้อมองหน้าเธอแล้วถอนหายใจออกมาอุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเ้าหญิง ก่อนจะหาม้านั่งหินให้เธอได้พักแล้วพูดเสียงเบา“อากาศร้อนมากหรือ?”
ถึงแม้วันนี้จะไม่ค่อยมีแดด แต่อุณหภูมิก็ค่อนข้างสูงเหยียนจิ่งจื้อลูบหน้าผากของเจินเนี้ยน กังวลว่าเธอจะเป็ไข้แดด
เจินเนี้ยนยกมือขึ้นมาทับมือของเขาไว้ “ไม่เป็ไรหรอกพักแป๊บเดียวก็ดีขึ้นแล้ว”
เนี่ยเซิงเสี่ยวทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว วันนี้มาปีนเขาหรือว่าอวดความรักกันแน่? เธอจึงไปหาที่นั่งพักก็พบว่าพอนั่งลงก็ยิ่งร้อนจึงลุกขึ้นเดินไปเดินมาอีกครั้ง
รู้สึกไม่สบายตัวเอาซะเลย