“เวยเวยกลับโรงเรียนแล้วใช่ไหมฉันจัดเื่ทางนี้เรียบร้อยแล้วเลยโทรมารายงานให้เธอสบายใจน่ะ แหะๆ “เมื่อกัวไฮว่จัดการเื่ที่อยู่ตรงหน้าเสร็จก็รีบโทรหาเวยเวยทันที
“ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว ฉันถึงโรงเรียนแล้วล่ะพี่ไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับเถอะพรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนนะ ่นี้ฉันจะช่วยติวให้พี่เองไม่งั้นเดี๋ยวถึงการคัดเลือกแข่งวิชาการจะขายหน้าเอา” มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ
“พี่เวยเวย หมอนั่นโทรหาพี่เหรอ” หนานกงหลิงเฮยพูดด้วยเสียงเบา“ตาเ้าเล่ห์ นายระวังตัวไว้เถอะถึงก่อนหน้านั้นฉันจะไม่ชอบตาข่งเสวียนนั่นแต่ก็ยังไม่ชอบตาเ้าเล่ห์นี่มากกว่าพี่ดูสิพี่ดูสิ ฉันยังเช็ดผมบนหัวฉันไม่สะอาดเลยโมโหชะมัด”
“การคัดเลือกแข่งวิชาการคงมีหลายคนเตรียมจะหัวเราะเยาะข้า” กัวไฮว่พูดเสร็จก็เรียกรถกลับไปยังโรงเรียน
“เมื่อกี้มีพลังเวทสะท้านอยู่ตรงนี้นี่ เป็เทพแห่งจิตแน่หายไปไหนเสียแล้วเล่า” กัวไฮว่จากไปได้ไม่นานอวี้เอ๋อร์ก็พบสถานที่ที่มีร่องรอยกัวไฮว่ที่ถูกโจมตีเมื่อสักครู่ก็ขมวดคิ้วต่อมาจากนั้นก็มองวิดีโอเว็บแคมพร้อมพูดกับตนเองว่า “เทพแห่งจิตคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะหาเ้าเจอหรือไม่”
“ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย” กัวไฮว่จามติดต่อกันสองครั้ง“ไม่มีพลังเวท ไม่เช่นนั้นจะได้ดูเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นดูว่าผู้ใดคำนึงถึงข้าอยู่ตลอดกัน เกิดสิ่งใดขึ้นจะได้แก้ไขทัน”
“นักเรียนจ๊ะ วันนี้ห้องเรียนเรามีเพื่อนมาใหม่คนหนึ่งทุกคนต้อนรับเพื่อนหน่อย” เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้วหลินซวงรู้สึกสับสนในใจนิดหน่อยชั้นมอสี่มีทั้งหมดหกห้องทำไมนักเรียนใหม่มักจะมาอยู่ที่ห้องของตนด้วยอีกอย่างนักเรียนใหม่คนนี้ก็ค่อนข้างจะสูงทีเดียว
“สวัสดีครับ ผมชื่อเซวียนต้าจู้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ” ต้าจู้ยืนอยู่หน้าห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “พวกเธอน่าจะมีคนรู้จักผม เมื่อก่อนผมเป็พ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารคนบ้า”
“ถึงว่าทำไมคุ้นหน้าจัง ที่แท้ก็เป็พ่อครัวใหญ่ร้านอาหารคนบ้าจริงๆ ด้วย”นักเรียนด้านหลังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“โรงเรียนฟู่จงของเราไม่รับเด็กฝากไม่ใช่เหรอแค่ไม่กี่วันก็มีนักเรียนใหม่มาสองคนแล้ว อะไรกันเนี่ย” หลิวกังพูดขึ้นเบาๆ
“นี่เพื่อน ฉันไม่ได้เป็เด็กฝากนะ ไม่งั้นนายลองทดสอบฉันก็ได้ฉันไม่ชอบเดินประตูหลัง[1]” จู้จื่อพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
“ฮ่าๆ ใช่พี่จู้จื่อไม่ชอบเดินประตูหลัง” เฉียนตัวตัวพูดหัวเราะเสียงดังลั่น
“จู้จื่อจ๊ะเธอไปนั่งแถวด้านหลังดีกว่าเพราะเธอสูงไปแค่ไม่ไปบังคนอื่นเขาก็โอเคแล้ว” เมื่อหลินซวงได้ยินที่เฉียนตัวตัวพูดก็หน้าถอดสีเพื่อที่เด็กนี่จะได้ไม่พูดอะไรบ้าๆ อีกจึงรู้สึกว่าควรจัดการเื่ของเซวียนต้าจู้ให้เรียบร้อย
“คุณไฮว่ ต่อไปเราก็เป็เพื่อนร่วมห้องแล้วนะ” ตอนที่เซวียนต้าจู้เดินผ่านกัวไฮว่ไปก็พูดขึ้นยิ้มๆ
“ต่อไปเรียกพี่ไฮว่ก็พอแล้ว ที่นี่โรงเรียนระวังผลกระทบที่ตามมาหน่อย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“เข้าใจแล้วครับพี่ไฮว่” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่เวลาเรียนทำไมต้องจับมืออาซ้อด้วยล่ะ”
เมื่อเซวียนต้าจู้พูดเสร็จสายตาของคนทั้งห้องก็ตกลงมารวมอยู่ที่กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวยมู่หรงเวยเวยอยากจะดึงมือกลับจากมือของกัวไฮว่แต่ไม่ว่าออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่อาจดึงกลับได้ และเมื่อเห็นคนทั้งห้องจับจ้องอยู่ที่พวกเขาใบหน้าก็พลันแดงก่ำขึ้นมา
“พี่ไฮว่พี่ต้องเตรียมตัวให้ดีนะ ไม่งั้นตอนแข่งวิชาการพี่ได้อายแย่เลย”เมื่อเข้าไปในห้องเรียนมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นกับกัวไฮว่ยิ้มๆ
“วางใจเถอะ เธอไม่เชื่อใจฉันไม่เชื่อในสายตาของตัวเองเหรอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “จริงๆ คืนเมื่อวานฉันก็เริ่มศึกษาแล้วล่ะถ้าไม่เชื่อเธอก็ทดสอบฉันได้นะ”
“ถ้าพี่ตอบผิดแล้วฉันจะลงโทษไม่ให้พี่ไม่เจอหน้าพวกเสี่ยวซีหนึ่งวัน”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆ ใบหน้าพลันแดงระเรื่อขึ้นมา
“ถ้าฉันตอบถูกก่อนคาบแรกของวันนี้ ฉันจะจับมือเธอตลอดเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ยายหนูเ้าเป็คนคิดคำถามเถอะข้าไม่เชื่อหรอกว่าเ้าจะคิดคำถามที่ตนเองตอบไม่ได้
ไม่ถึงสามนาทีมู่หรงเวยเวยก็ถามคำถามของการแข่งวิชาการของปีที่แล้วมาสิบข้อไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบถูกทั้งหมดไม่พลาดแม้แต่นิดเดียวในขณะที่เธอคิดจะถามต่อนั่นเองคุณครูหลินก็เข้าห้องมาจากนั้นกัวไฮว่ก็กุมมือขวาของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มองอะไรกัน จะคอยดูว่าพวกเธอจะทำอะไรได้เวยเวยไม่สบายฉันช่วยเวยเวยจับชีพจรเพื่อรักษาไข้อยู่พวกเธอเข้าใจไหม” กัวไฮว่มองนักเรียนที่อยู่รอบด้านแล้วตวาดเสียงดังลั่น
“กัวไฮว่ถ้าเธอจับชีพจรเสร็จแล้วก็วางมือลงเดี๋ยวจะเข้าคาบแล้ว” หลินซวงมองท่าทีที่แสนจะกวนของกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเสียงดัง “เวยเวย กัวไฮว่พูดจริงไหม ถ้าเขารังแกเธอเธอบอกครูได้นะครูจะเข้าข้างเธอเอง”
“ครูหลินคะหนูไม่สบายจริงๆ ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“คุณพระเกิดอะไรขึ้นเนี่ยเด็กดีอย่างมู่หรงเวยเวยทำไมถึงมาพัวพันกับเด็กบ้านี่ได้ล่ะ ถังซี โหยวโยวโยวแล้วยังจะซูเยี่ยอีก หมอนี่มีแฟนตั้งสามคนแล้ว ยายเด็กนี่เป็อะไรไปน่ะ” หลินซวงคิดอย่างจนใจ
“พวกเธอได้ยินกันรึเปล่าหมอนั่นที่ชอบเสนอหน้าในในประมูลน่ะวันนี้สอยมู่หรงเวยเวยได้แล้วนะพวกเขาจับมือกันในคาบเรียนล่ะ” คนที่ผ่านมาคนแรกพูดขึ้น
“ให้ตายมองแค่แวบเดียวแกไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรจริงๆ คนคนนั้นน่ะชื่อกัวไฮว่เขาไม่ได้แค่จับมือแต่ว่าเขาจูบมู่หรงเวยเวยในคาบแล้วถูกหัวหน้าเซวียนเห็นเข้า”คนที่ผ่านมาคนที่สองพูดขึ้นเสียงดัง
“อะไรกันมู่หรงเวยเวยชื่นชอบพี่ไฮว่มานานแล้วเลยจูบพี่ไฮว่จองไว้ก่อนไง”คนที่ผ่านมาคนที่สามพูดขึ้นเสียงดัง
“พวกนายอนู่ในสถานการณ์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อยู่ก็หุบปากไปฉันจะบอกความจริงให้ดีไหม” เด็กหนุ่มทำเอาทุกคนมามุงอยู่ด้วยกัน“มู่หรงเวยเวยท้องลูกพี่ไฮว่ ตอนนี้สถานการณ์วังหลังโกลาหลถังซีโหยว โยวโยวแล้วก็ซูเยี่ยน่ะ เตรียมจะเอาใจมู่หรงเวยเวยก่อนเรียนกัวไฮว่ได้มอบพลังเซียนให้แก่มู่หรงเวยเวยเพื่อรักษาครรภ์น่ะ”
“ให้ตายความคิดนายเว่อร์วังขนาดนี้ทำไมนายไม่ไปเขียนนิยายล่ะถ้านายเขียนนิยายนะไอ้น้องแกได้ดังะเิระเบ้อแบบที่จิ่วจื่อต้าชู[2]ดัง่นี้แล้ว”กลุ่มผู้คนพูดขึ้นเสียงดัง
“โยวโยวได้ยินแล้วใช่ไหมสถานการณ์วังหลังพวกเธอเริ่มโกลาหลั้แ่เมื่อไหร่เหรอพวกเราอยากไปดูความวุ่นวายจัง” ขณะที่กลุ่มคนคุยกันอยู่นั่นเองโหยวโยวโยวก็เดินผ่านมาพอดีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็พูดขึ้นขำๆกับโหยวโยวโยว
“ตาบ้านี่น่าโมโหชะมัดเมื่อกี้ซูเยี่ยบอกว่าเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับสองคนนั้นถ่ายรูปมู่หรงเวยเวยกุมมือตาบ้านั่นอยู่พวกเขากล้าทำขนาดนี้กันเลยเหรอ” โหยวโยวโยวพูดด้วยความโมโห
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!” พูดเสร็จโทรศัพท์ของมู่หรงเวยเวยก็ดังขึ้นมากัวไฮว่พามู่หรงเวยเวยเดินตรงไปยังโรงอาหารแล้วก็เตรียมจะโทรเรียกสาวๆ คนอื่นแต่ไม่คาดคิดว่าโหยวโยวโยวกำลังโกรธขึ้นสมองอยู่
[1] เดินประตูหลัง(走后门) เป็สำนวนภาษาจีนแปลว่าติดสินบน
[2] นามปากกาของผู้แต่งนิยายเื่นี้