ปรมาจารย์ระดับสูงนั้น ควรที่จะมีลักษณะอย่างไร?
หากพูดกันตามความจริงแล้ว ความจริงก่อนหน้านี้ไอลี่ก็รู้สึกประหลาดใจกับปรมาจารย์ที่ช่วยชีวิตของคุณปู่ให้กลับมาจากสถานการณ์เกือบตายแบบนั้นได้แต่ว่ามันไม่สามารถถือเป็ความเคารพได้เลยแม้แต่น้อย ด้วยความคิดของคนตะวันตกในคราบคนตะวันออกแบบเธอไม่ได้มีความเชื่อถือในพวกเื่ยาจีนโบราณเลยแม้แต่น้อยดังนั้นอย่าได้พูดถึงเื่กลุ่มคนที่มี “จิตวิเศษ” เหล่านี้เลย
ในความคิดของไอลี่ “ปรมาจารย์” นั้น ก็เป็พวกคนที่ผ่านประสบการณ์มามากหน้าตารกรุงรังไปด้วยหนวดเครา เหมือนอย่างที่พบเห็นกันในเกม หรือไม่ก็เป็พวกนักปราชญ์ที่ดูราวกับเทพผู้ได้รับพลังศาสตร์ที่คนธรรมดาไม่อาจจะเข้าใจอะไรแบบนั้น
แต่ว่า คนที่มีทรวดทรงเผ็ดร้อนแบบนี้...ก็เป็ปรมาจารย์เหรอ?
ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ในห้องรับแขก ไม่ว่าเธอจะกวาดสายตาไปที่ไหนก็จะทำให้คุณรู้สึกราวกับมีมือเล็กๆ กำลังสะกิดหัวใจของคุณอยู่มันคือคำนิยามที่ไอลี่คิดอยู่นาน กว่าจะนึกขึ้นมาได้
เมื่อก่อนคุณปู่ของไอลี่นั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรกับพวกสาวสวยอันยั่วยวนพวกนี้ดังนั้นเขาจึงดูราวกับไม่เห็นเนินอกที่ขาวเนียนของเธอ เขาอธิบายสถานการณ์คร่าวๆให้เธอฟัง ก่อนที่ปรมาจารย์สาวนั้นจะยกมือขึ้นปิดปากขำ “เ้าของคฤหาสน์หมายเลข 18 นั่นฉันรู้จักนะ...จะว่าไปแล้ว ก็เป็ศัตรูของคุณหนูไอนี่นา!”
คุณปู่ส่งสายตามาทางไอลี่ คนที่สวมวิกผมสั้นนั้นกลับไม่ได้รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
ท่านปรมาจารย์สาวยกยิ้มขึ้น เนินอกขาวขยับสั่นไหวทำให้แม้แต่ไอลี่ที่เป็ผู้หญิงด้วยกัน ยังรู้สึกว่าคอแห้งไปหมดก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า “ได้ยินว่าเป็สาวสวยตระกูลหลินไม่ใช่คนรู้จักเก่าของคุณหนูไอเหรอ?”
สาวสวยตระกูลหลิน...สิ่งแรกที่เธอคิดถึงขึ้นมาก็คือเงินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน ที่ต้องเสียไปเปล่าที่รุยลี่ก่อนที่จะนึกถึงหลินลั่วหรานที่เพียงแค่มายืนอยู่ข้างหน้าก็สามารถทำให้เธอหน้าตาบ้านๆ ไปได้ ไม่ว่าจะเป็ความคิดแรกหรือความคิดที่สองต่างก็เป็คนที่ไอลี่โกรธแค้นมากทั้งนั้น!
เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าผมของตัวเธอ ก็เป็ฝีมือของหลินลั่วหราน?! ความใและความโมโหผสมปนเปกันขึ้นบนใบหน้าของไอลี่จนทำให้ชายชราต้องเอ่ยถามเื่ราวทั้งหมด
แน่นอนว่าเธอไม่กล้าที่จะบอกว่า เธอไปแย่งแฟนหนุ่มของคนอื่นมาอีกทั้งยังตัดโอกาสการทำงานของเธอด้วย จนทำให้หลังจากหลินลั่วหรานเปลี่ยนไปก็มาสร้างหลุมพรางหลอกลวงเธอ จนต้องสูญเงินกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้านของบริษัทไป
แต่ว่าชายชรานั้น แม้ว่าจะมีอายุมากแล้ว แต่สมองของเขาก็ยังคงใช้งานได้ดีเพียงแต่มองว่าสีหน้าของไอลี่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เธอพูดแฝงคำโกหกเอาไว้ เื่ของคฤหาสน์หมายเลข 18 เกี่ยวโยงไปถึงชีวิตของเขา แม้ว่าจะรักหลานสาวมากแค่ไหนแต่ชีวิตของตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญ?
ชายชราถามต่อจนไอลี่ต้องยอมเหล่าเื่ราวบาดหมางของเธอกับหลินลั่วหรานออกมาอย่างไม่ได้ยินดีนักทันทีที่พูดจบ ฝ่ามือของชายชราก็ตวัดลงที่ใบหน้าของเธอ “ขายขี้หน้าตระกูลไอที่สุด!”
ไอลี่ไม่คิดว่าปู่ของเธอจะลงมือตบเธอต่อหน้าคนอื่นในตอนนั้นจึงได้แต่มึนงงและสับสน
ชายชราหลับตาลงก่อนจะรู้สึกเสียใจขึ้นมานี่เป็ผู้สืบทอดที่เขาเลือกมาด้วยตัวเองแต่กลับถูกท่าทางฉลาดและคำพูดคำจาของหลานสาวหลอกเอาจนได้ หากเธอทำเื่แบบนี้แล้วจะสามารถเป็ผู้นำของฝูหม่านโหลวได้อย่างไร?
ชายชราโมโหเสียจนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง “ตระกูลของเรามีที่มาอย่างไรจำได้บ้างไหม?!”
ใบหน้าขาวใสของไอลี่ ปรากฏรอยมือแดงขึ้นอย่างชัดเจนบริเวณด้านขวาชายชรานั้นเป็คนที่ยึดติดกับความคิดมาก การตวัดมือตบลงในครั้งนี้ทำให้ใบหน้าของไอลี่บวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเธอแดงก่ำ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “พวกเราเป็เชื้อสายของกษัตริย์” ...ต้นตระกูลนั้นหรือลูกหลานสายเือ้ายซินเจว๋หลัว ถ้าหากว่าชิงกั๋วยังไม่ล่มสลายไอลี่ก็คือเ้าหญิงที่แท้จริงคนหนึ่ง เป็สายเืที่สูงศักดิ์มากตระกูลหนึ่งและนี่ก็ทำให้ไอลี่รู้สึกราวกับตัวเองเป็เด็กสาวในตระกูลสูงศักดิ์ของอังกฤษแต่เพราะว่าจักรพรรดิฮั่นเกาจู่ก่อตั้งประเทศขึ้นทำให้เชื้อสายกษัตริย์อย่างพวกเขาถูกทำให้สลายหายไปไอลี่จึงไม่ชอบประเทศจีนเสียเท่าไรและกลายเป็ชาวตะวันตกในคราบชาวตะวันออกอย่างที่เห็น
แต่ว่า เื่นี้มันเกี่ยวอะไรกัน?
ชายชรานั้นเกลียดเวลาที่ไม่ได้ดั่งความ้ามาก “ก็รู้นี่ว่าตัวเองมีสถานะสูงศักดิ์แค่ไหนควรที่จะเห็นแก่ส่วนใหญ่เอาไว้ก่อน แต่นี่กลับสร้างปัญหาเื่เงินให้กับบริษัทเพียงเพื่อความสุขของคนคนเดียวในชั่วระยะหนึ่ง! ฝูหม่านโหลวมีวันนี้ได้เพราะอะไรพ่อพูดไปกี่ครั้งแล้ว? แล้วย่าก็ยังจะพูดไปอีกกี่ครั้งแล้ว?”
ไอลี่ก้มหน้าลงเพราะคำพูดของชายชรา ความเป็มาของฝูหม่านโหลวนั้น ใครๆในตระกูลไอต่างก็รู้ดี
ตอนนี้ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พ่อของปู่ หรือก็คือทวดของเธอคือเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในราชวัง ในตอนที่ขจัดการปกครองโดยมีมหากษัตริย์เป็ประมุขไปความไม่พอใจกว่ากี่ร้อยปีของตระกูลสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์ชิงก็ถึงคราวต้องจบลงแต่พวกเขาก็ยังมีความคิดที่จะรักษาเอาไว้จึงนำเอาของมีค่าและสำคัญทั้งหลายฝังลงไปในบริเวณนอกเมืองก่อนที่จะปกป้องตัวของปู่ทวดลงใต้ไป สุดท้ายเหล่าทหารก็แตกกันที่เมืองชู่ทำให้แผนการที่จะออกทะเลไปของพวกเขาพังทลายลงและยอมอยู่ที่เมืองชู่อย่างช่วยไม่ได้...และในตอนนั้นฮั่นเกาจู่ก็ก่อตั้งประเทศขึ้นในตอนนั้นความรวมใจของประชาชนที่ต่างก็อยากจะฟื้นฟูประเทศขึ้นอีกครั้งก็กลายเป็เพียงความเพ้อฝันไปแล้ว
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ปู่ทวดของไอลี่ก็ยิ่งสิ้นหวัง ต่อสู้เท่าไรก็มีแต่เสียไปเท่านั้น สุดท้ายเขาจึงใช้เครื่องประดับและเครื่องหยกที่ซ่อนเอาไว้ทำให้ตัวเองกลายเป็ผู้มีอำนาจด้านอัญมณีในเมืองชู่แม้ว่าจะกลายมาเป็นักธุรกิจแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยลืมความเสื่อมโทรมในตอนนี้ของเหล่านกที่แตกจากรังดังนั้นจึงเป็ที่มาของชื่อบริษัท “ฝูหม่านโหลว”
เื่ราวนี้ คนในตระกูลไออย่างไอลี่นั้นรู้ดีอย่างเช่นที่ตระกูลของหลิ่วเจิงเองก็เกรงใจคุณปู่ตระกูลไอก็เป็เพราะรู้ว่าคนที่ตระกูลไอติดต่อด้วยใน่ระยะนั้น มีจำนวนไม่น้อยเลยเพียงแค่การควบคุมการอาวุธนั้นเข้มงวดเพียงใด การจะทำอาวุธขึ้นมาด้วยตนเองและถือมีดดาบออกมาต่อสู้กันนั้น มันได้ผ่านพ้นไปแล้วรัฐบาลจึงทำราวกับเื่ของตระกูลไอนั้นไม่เคยเกิดขึ้น และไม่ได้สนใจอะไรอีกทั้งยังมีความสุขดีที่ได้รับเงินจากตระกูลของเธอ และก็ทำเป็ไม่รู้เื่ไปเท่านั้น
เมื่อนึกย้อนกลับไปเรียบร้อยแล้วเธอก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ปู่้าจะสื่อกับเธออยู่ดี
จนแม้แต่ปรมาจารย์สาวยังอดที่จะยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะไม่ได้สาวน้อยตระกูลไอคนนี้ซื่อบื้อได้น่ารักจริงๆ การจะเอาอะไรมาจากเธอดูเหมือนว่าจะง่ายกว่านำมาจากปู่ของเธอร้อยเท่าเลยทีเดียวอย่างไรเขาก็จะตายอยู่แล้ว แล้วทำไมจะต้องสิ้นเปลือง“ยาวิเศษ” ที่เธอลำบากทำมาด้วยล่ะ?
ปู่หลานทั้งสองไม่มีใครรู้ว่า ความคิดในใจของ “ปรมาจารย์”คนนี้เปลี่ยนไปแล้ว แม้ว่าหลานสาวที่โง่เง่าจะทำให้คุณปู่ตระกูลไอเสียใจมากแต่เขาก็เลือกเดินมาบนทางเส้นนี้แล้ว หลายครั้งที่เขาคอยพูดต่อหน้าผู้คนว่าหลานสาวคนนี้เหมือนเขาในสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด หากจะมาเสียใจเอาตอนนี้เื่ที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเองแบบนั้น คนที่รักชื่อเสียงของตัวเองดั่งชีวิตแบบเขาไม่อาจจะทนรับความเ็ปได้ จึงได้แต่อธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียด
“ปู่ของหนู มีชื่อเสียงในด้านธุรกิจเป็อย่างไรบ้าง?”
ไอลี่ปวดหน้าขึ้นมาเสียจนน้ำตาต่างพากันคลออยู่ที่เบ้าตาทั้งสองแต่ก็ยังคงต้องแสดงความเคารพที่มีต่อตัวปู่ของเธออยู่
ชายชราส่งน้ำเสียงราบเรียบออกมา “หลายปีที่ผ่านมามีพวกร้านเก่าๆ ถูกฝูหม่านโหลวทำลายไปตั้งเท่าไร ไม่สิบก็แปดที่ทำไมถึงไม่มีใครแนะนำหนูเลย?”
ไอลี่อยากจะบอกว่าสิ่งเ่าั้ต่างเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจของพวกเขาทั้งนั้นแต่ก็นึกถึงตอนที่เธอเรียนอยู่มัธยมต้นขึ้นมาได้ หญิงสาวล้มละลายคนหนึ่งมาที่บ้านเธอโขกศีรษะเข้ากับประตูคฤหาสน์ตระกูลไอเสียจนเืโชกไปหมดตอนนั้นคุณปู่แสดงความเกรงใจออกมา ทั้งยังว่ากล่าวพวกคนในการดูแลพร้อมทั้งจับมือของหญิงสาวคนนั้นแล้วบอกว่าเื่นี้เขาจะต้องช่วยจัดการให้คลี่คลายได้แน่...ในฤดูใบไม้ร่วงหลังจากนั้นสองปี เธอก็ะโลงมาจากชั้นยี่สิบเจ็ดของตึกหนังสือพิมพ์ต่างรายงานข่าวว่า เธอเสพยาจนติดหนี้ดอกเบี้ยสูง และก็ไม่มีใครสงสัยอะไรมาถึงตระกูลไอแม้แต่น้อย
แต่เมื่อวันนี้มาคิดกลับไป มันก็มีอะไรแปลกๆ อยู่มากในตอนนั้นคุณปู่ทำอะไรลงไปกันแน่?
อยู่ๆ ไอลี่ก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดอันราบเรียบที่ออกมาจากปากปู่ของเธอเอง “แย่งแค่ผู้ชายคนเดียวจะเป็อะไร มีวันไหนบ้างที่ฝูหม่านโหลวไม่ไปแย่งที่จากใคร...แต่ว่าเมื่อจะแย่งแล้วก็ควรจะเหยียบย่ำเ้าของเก่าให้ลุกขึ้นมาไม่ได้อีก อย่าให้เขาพลิกตัวกลับมาได้!”
ดวงตาของไอลี่เบิกออกกว้างขึ้น เธอมองไปยังผู้เป็ปู่ของตัวเองราวกับเป็ครั้งแรกที่ได้รู้จักกับปู่แท้ๆ ของตัวเอง จนลืมความเ็ปบนใบหน้าไป
ปรมาจารย์สาวเห็นว่าปู่หลานคู่นี้น่าจะยังต้องคุยกันอีกยาวเธอจึงลุกขึ้นก่อนจะบอกว่า “ไม่รบกวนแล้ว” จากนั้นก็ออกมาจากตัวคฤหาสน์หมายเลข 7 และเดินไปตามทางเขาไปเรื่อยๆ
ชิงเฉิงนั้นเต็มไปด้วยูเาและลำน้ำเป็สถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณของตระกูลศาสตร์ ถ้าหากเป็เมื่อก่อนแล้วสถานะแบบนี้ของเธอ อย่าว่าแต่เดินเข้ามาใกล้วัดชิงเฉิงแบบนี้เลยแต่เพียงแค่เข้ามาในอาณาเขตของชิงเฉิงก็ยังต้องอ้อมไปไกล
แต่ในตอนนี้น่ะเหรอ...์นั้นได้ละทิ้งพวกนักปราชญ์แห่งความยุติธรรมไปแล้วแล้วเธอจะยังต้องกลัวอะไรล่ะ?
แม้ว่านักปราชญ์แก่อย่างฮุยจู๋จะััได้ถึงกลิ่นอายของเธอเธอเองก็สามารถััได้ถึง “ศาสตร์แห่งความถูกต้อง” ที่เธอแสนจะเกลียดได้อะไรคือธรรมะ? อะไรคืออธรรม? ตอนนี้เธออยากจะทำอะไรก็ทำ พวกนักปราชญ์รักความถูกต้องพวกนั้นแม้แต่จะควบคุมจัดการใช้พลังในกายของตัวเองก็ยังไม่กล้ายังเป็นักฝึกศาสตร์อยู่หรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าก็แค่คนที่ดิ้นรนรอความตายเท่านั้นเหรอมีใครจะััได้ถึงความสุขแห่งอิสระแบบเธอบ้าง?
เมื่อหญิงสาวมากเสน่ห์นึกไปถึงความภาคภูมิใจของตัวเองเธอก็อดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ยี่สิบปีก่อน เธอยังเป็เพียงคนไร้ค่าที่โลกแห่งการฝึกศาสตร์ละทิ้งใครจะคิดว่า วันหนึ่งเธอจะสามารถเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้ั้แ่ที่ชำระและเปลี่ยนตัวเองไปในครั้งนั้น...คนที่เหยียบย่ำเธอให้จมลงไปในดินสุดท้ายก็ยอมมาอยู่ในกำมือของเธอ
เมื่อในวันนี้มาคิดกลับไป เธอก็รู้สึกว่ามันน่าขันสิ้นดีมีระดับเพียงขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ก็ยังกล้าที่จะมาจำกัดนิยามชีวิตให้กับเธอ
ตอนนี้ จะให้ได้ดูว่าอะไรที่เรียกว่าชีวิตการฝึกศาสตร์ที่แตกต่าง!
หญิงสาวมากเสน่ห์ส่งเสียงหัวเราะแหลมออกมากระถางธูปในกระท่อมของนักปราชญ์ชราฮุยจู๋ อยู่ๆ ก็ปรากฏเปลวไฟแรงกล้าขึ้นมาก่อนที่กระถางธูปที่เ้าสำนักเสี่ยวอันทำขึ้นมาอันนี้จะพังทลายจนไม่อาจจะพังมากขึ้นไปได้อีก
หญิงสาวมากเสน่ห์หยุดเสียงหัวเราะลง ประตูบ้านของคฤหาสน์หมายเลข 18 อยู่ในระยะสายตาของเธอแล้ว เสี่ยวจินที่นอนอยู่ที่หลังบ้าน อยู่ๆก็รู้สึกไม่สงบขึ้นมา มันกางปีกออกขยับสั่นไหวก่อนจะส่งเรียกเร่งร้องอย่างรีบร้อนออกมาทำให้คนที่กำลังศึกษาสูตรยาอย่างหลินลั่วหรานได้สติขึ้น
เอ๋ อยู่ๆ ก็เป็อะไรขึ้นมา ฝนจะตกหรือเปล่า?
หลินลั่วหรานนึกไปถึงผู้เป็พ่อที่ยังตกปลาอยู่ที่ด้านนอกเธอมองออกไปทางหน้าต่าง แม่ของเธอกำลังถือร่มคันหนึ่งออกจากบ้านไป
หลินลั่วหรานเผยรอยยิ้มขึ้น เมื่อเธอกำลังจะศึกษาสูตรยาต่อปลายสายตาของเธอก็เผลอไปเห็นหญิงสาวสวมชุดดำที่กลางป่าคนหนึ่งเข้า เป็นักท่องเที่ยวจากคฤหาสน์หลังไหนกันนะ เดี๋ยวจะเปียกฝนเอานะนั่น!
หญิงสาวสวมชุดดำเงยหน้าขึ้นมาพอดี สายตาของหลินลั่วหรานนั้นดีมากเธอสามารถมองเห็นใบหน้าที่พอไปวัดไปวา และเรือนร่างที่เย้ายวนใจ และสามารถทำให้คนใจสั่นได้ง่ายๆ...
“ปัง” อยู่ๆ เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น ดูเหมือนว่าฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยหยาดฝน ใกล้จะมาถึงแล้ว
ต้นไม้ในกลางป่าเขา เริ่มขยับสั่นไหวไปตามแรงลมพายุไม่รู้ว่าเมฆดำรวมกลุ่มกันขึ้นบนท้องฟ้าั้แ่เมื่อไร มันค่อยๆ ดำขึ้นเรื่อยๆราวกับจะทำให้คนไม่อาจจะหายใจได้ทั่วท้อง
ผู้เป็พ่อเก็บเบ็ดตกปลาขึ้นมาตามเสียงเร่งของผู้เป็แม่ผู้เป็แม่บ่นออกมา ก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปหาลั่วตงที่ยังเล่นอยู่ที่หลังบ้านก่อนจะพบว่าหลีซีเอ๋อร์จูงมือเขามาพร้อมกับเสียงหัวเราะความรู้สึกเหนื่อยหน่ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอี้เหรินหลีซีเอ๋อร์ยังคงเล่นดินเล่นทรายกับเด็กอายุไม่กี่ปี เื่นี้ทำให้เขา “ยอมรับ”ไม่ไหวจริงๆ
มันคือภาพครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์แบบคนที่อยู่ในห้องอย่างหลินลั่วหรานนั้นไม่ได้รู้เลยว่าบางครั้งการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนคนหนึ่ง ก็เป็เพียงการโยนเม็ดหินก้อนเล็กลงไปยังแม่น้ำที่สวยงาม
“จ๋อม...” เสี่ยวลั่วตงโยนก้อนหินลงไปในแม่น้ำเพียงพริบตาคลื่นน้ำเล็กๆ ก็กระจายหายไป
สายฟ้าประกายขึ้นในท้องฟ้าที่มืดมัวก่อนที่หยาดฝนขนาดใหญ่เท่าเม็ดถั่วจะกระหน่ำลงมา
มันคือฝนฤดูร้อนห่าแรกของปี
เ้าสำนักเสี่ยวอันเดินอยู่ในเส้นทางเส้นเล็กบนเขาบนหัวของเขาถูกบังด้วยใบบัวที่มีขนาดใหญ่แปลกตาที่ไม่อาจจะช่วยบังตัวเขาจากลมฝนแรงกระหน่ำนี่ได้อีกแล้วเ้าสำนักเสี่ยวอันเงยหน้าขึ้นมองไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลินรองเท้าผ้าใบสีขาวของเขาไม่มีเศษโคลนติดอยู่แม้แต่น้อยเพราะเขากำลังวิ่งโดยที่เท้าไม่ติดพื้นอย่างแท้จริง
แต่ว่าจะไปได้ทันหรือไม่?
สิ่งที่ตอบเขากลับมา ก็คือเสียงฟ้าผ่าที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด!