นายท่านหนีสั่งให้คนนำมือสังหารที่ฆ่าอิ๋งเซียงออกไป เหลือไว้เพียงโจวชิงหวา หนีเจียเอ๋อร์ และสวีซื่อ
สวีซื่อรีบคุกเข่าลงไปคว้าชายเสื้อของสามี ด้วยความร้อนรน “นายท่าน บ่าวรับใช้ที่มีนามว่าอิ๋งเซียงนั้น จิตใจโเี้นัก นำภาพวาดมาเป็ชนวนสร้างความบาดหมางระหว่างหว่านเอ๋อร์และเจียเอ๋อร์
ภาพวาดรูปนั้น ถูกอิ๋งเซียงผู้นี้นำไปไว้ที่ห้องเจียเอ๋อร์ แต่กลับบอกคนทั้งจวนว่าไม่รู้ไม่เห็น ทว่าหลังจากเกิดเหตุ นางก็มาที่เรือนของเจียเอ๋อร์อีกครั้ง ทั้งยังสารภาพผิดแล้ว หากไม่เชื่อ ท่านก็ลองสอบถามบ่าวรับใช้ที่ชื่อจวี๋เซิงดู”
โจวชิงหวากับหนีเจียเอ๋อร์มองหน้ากัน พลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ว่าสตรีร้ายกาจผู้นี้จะมาไม้ไหนกันแน่...
นายท่านหนีเดินออกไปนอกประตู แล้วะโสั่ง “ไปตามจวี๋เซิงมา!”
ไม่ช้า จวี๋เซิงก็ถูกนำตัวเข้ามา ไม่รอให้นายท่านหนีเอ่ยปากถาม นางก็คุกเข่าลง แล้วพูดเสียงดัง “นายท่าน อิ๋งเซียงเคยแอบมาที่นี่จริงๆ เ้าค่ะ แต่ตอนนั้นคุณหนูรองไม่อยู่ บ่าวสงสัยเลยถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น จะได้ช่วยเหลือ อิ๋งเซียงจึงจำใจต้องสารภาพออกมา ว่าได้รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ ให้ขโมยภาพวาดออกจากห้องหนังสือ ไปไว้ที่ห้องของคุณหนูรอง
ทว่าพวกเราทุกคนก็รู้ ว่าภาพวาดนั้น เป็คุณชายโจวที่นำมันออกมา และเขาก็เป็ผู้ที่นายท่านไว้วางใจที่สุด ย่อมไม่โกหกแน่ ฉะนั้น บ่าวเลยคิดว่าอิ๋งเซียง น่าจะพยายามใส่ร้ายคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ”
นายท่านหนีถามว่า “แล้วเ้าได้บอกเื่นี้กับนายหญิงหรือไม่?”
จวี๋เซิงส่ายหน้า “เพราะนางก่อเหตุ ทำให้บ่าวถูกโบย ดังนั้นบ่าวจึงเอาคืนโดยการโกหกนายหญิง ว่าอิ๋งเซียงวางแผนจะวางยาพิษคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ”
นายท่านหนีลุกขึ้นยืน พลางออกคำสั่ง “ส่งตัวบ่าวที่อาจหาญผู้นี้ไปยังศาลาว่าการ ให้นางตายเช่นเดียวกับอิ๋งเซียง!”
หนีเจียเอ๋อร์ผุดลุกขึ้น “ท่านพ่อ จะเชื่อคำพูดของพวกนางมิได้นะเ้าคะ”
“ให้เื่จบลงแค่นี้เถอะ ห้ามแพร่งพรายไปที่อื่น กักบริเวณสวีซื่อหนึ่งเดือน แล้วข้าค่อยตัดสินความผิดต่อไป”
จากคำพูดเด็ดขาดไม่ผ่อนปรนของนายท่านหนี เป็ที่ประจักษ์แล้ว ว่าเขา้าจะปกป้องสวีซื่อ
ตอนนั้นเอง จู่ๆ จวี๋เซิงก็ดึงกริชออกมาจากแขนเสื้อ แล้วแทงเข้าไปที่หัวใจตัวเอง ไม่มีใครคาดคิดว่านางจะชิงฆ่าตัวตาย ฉะนั้น แม้แต่โจวชิงหวาก็ยังขัดขวางไม่ทัน
จวี๋เซิงทรุดตัวลงกับพื้น เืไหลรินจากมุมปาก “เป็ความผิดของบ่าวเอง อย่าถือโทษโกรธนายหญิง โปรดเห็นแก่ตระกูลสวีด้วย”
จากนั้นนางก็คอพับ ก่อนแน่นิ่งไป...
ความเงียบงัน พลันเข้ามาปกคลุมทั่วห้องโถงใหญ่
กลิ่นเืคละคลุ้ง บรรยากาศเคร่งเครียด จนทำให้ผู้คนไม่อาจอยู่ได้อย่างสบายใจ
หนีเจียเอ๋อร์ใจนพูดไม่ออก การตายของบ่าวผู้นี้ ทำให้ความพยายามที่ผ่านมาของตนและโจวชิงหวาไร้ค่า บิดาของนางเกรงขามตระกูลสวี ดังนั้นย่อมปกป้องสวีซื่อ ต่อให้จะหาหลักฐานอันใดมา ก็ไร้ประโยชน์
โจวชิงหวายกมือขึ้นปิดตาหญิงสาว พลางเอ่ยเสียงทุ้ม “อย่ามอง”
เขาหันไปสบตากับนายท่านหนี แล้วพูดว่า “นายท่าน ข้าขอตัวไปส่งเจียเอ๋อร์ที่เรือนก่อนขอรับ”
“ฝากดูแลนางด้วย” นายท่านหนีกล่าวเบาๆ ความรู้สึกผิดต่อบุตรสาว แสดงให้เห็นผ่านสีหน้า
โจวชิงหวาผงกศีรษะ “ขอรับ”
หนีเจียเอ๋อร์ซึ่งถูกประคองออกมา เหยียดยิ้มที่มุมปาก ด้วยไม่คิดว่าบิดาที่ตนชื่นชม จะกลายเป็คนขี้ขลาดเกรงกลัวต่ออำนาจเช่นนี้
ระหว่างทางที่ไปส่งหญิงสาว โจวชิงหวาพลันเอ่ยขึ้นว่า “นายท่านเป็หัวหน้าครอบครัว ซึ่งกุมชะตาชีวิตผู้คนหลายร้อยในจวนแห่งนี้ ก่อนลงมือทำสิ่งใด ย่อมต้องคำนึงถึงส่วนรวมเป็ธรรมดา นายท่านสกุลสวีเป็ถึงราชครู ส่วนสวีเพ่ยหรานเองก็เป็เสนาบดีกรมราชทัณฑ์ ดังนั้นจึงไม่อาจลงโทษสวีซื่ออย่างบุ่มบ่ามได้” เขากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หนีเจียเอ๋อร์ถามเสียงเย็น “ในเมื่อเ้ารู้ชัดเช่นนี้ แล้วเหตุใดต้องช่วยข้าด้วย?”
โจวชิงหวาปัดกิ่งดอกท้อ ซึ่งย้อยลงมาเหนือจมูกออก “หากข้าไม่ช่วยเ้า เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?”
หากไม่มีเื่ราววุ่นวายในวันนี้ หญิงสาวคงไม่รู้ตัว ว่าแท้จริงแล้ว ตระกูลสวีได้เอื้อมมือมาถึงจมูกตน บางทีอาจจะมีคนอีกไม่น้อยที่แฝงตัวอยู่ในจวน และพร้อมพลีชีพเพื่อสวีซื่อตลอดเวลา เช่นเดียวกับจวี๋เซิง
แม้จะมิได้รับความเป็ธรรม แต่หนีเจียเอ๋อร์ก็ฉวยโอกาส ไล่สาวใช้ทุกคนออกจากเรือน ยกเว้นเสี่ยวเสวียน ซึ่งผู้เป็บิดาก็มิได้ห้ามปราม ทั้งยังให้นางเลือกสาวใช้ที่ซื่อสัตย์มาใหม่อีกสองสามคนด้วย
ทว่า ถึงนายท่านหนีจะกำชับเอาไว้ แต่เื่นี้ก็ยังคงแพร่สะพัดออกไปจนได้
ทันทีที่รู้ข่าว สวีเพ่ยหรานก็พาคนรับใช้ นำของกำนัลมาให้มอบนายท่านหนีแทนการขอโทษ
ทั้งสองพูดคุยสัพเพเหระอยู่ในศาลา จากนั้น สวีเพ่ยหรานก็เปลี่ยนเื่ “ท่านอา พอเยี่ยมอาหญิงแล้ว ข้าขอพบเสี่ยวเอ๋อร์ได้หรือไม่ขอรับ?”
นายท่านสกุลหนีที่ยังรู้สึกผิดต่อเจียเอ๋อร์ จึงพยักหน้าอนุญาต
สวีเพ่ยหรานกล่าวขอบคุณ
หลังจากเยี่ยมเยียนสวีซื่อแล้ว เขาก็สาวเท้า ก้าวไปถึงหน้าเรือนของหนีเจียเอ๋อร์
เมื่อเห็นเสี่ยวเสวียนกำลังยืนดูต้นไห่ถังที่ออกดอกบานสะพรั่ง ชายหนุ่มก็ก้าวเข้าไปทักทาย “เสี่ยวเสวียน คุณหนูของเ้าอยู่ที่เรือนหรือไม่?”
สาวใช้เบิกตากว้างด้วยความใ จากนั้นจึงตอบอย่างนอบน้อม “คุณชายสวี รอสักครู่นะเ้าคะ บ่าวจะเข้าไปแจ้งคุณหนูก่อน”
ไม่นาน หนีเจียเอ๋อร์ก็ออกมา พบว่าสวีเพ่ยหรานยืนอยู่ใต้ต้นท้อ ในชุดสีน้ำเงินปักลายใบไผ่ที่ชายเสื้อ ซึ่งเป็สัญลักษณ์แสดงความมั่งคั่งของบุรุษผู้สูงศักดิ์
หญิงสาวจึงยกยิ้มเล็กน้อย “ท่านพี่หราน มาหาข้าถึงนี่ มีเื่อันใดหรือเ้าคะ?”
ท่าทางของนางเฉยเมย ราวกับมองคนแปลกหน้า
รอยยิ้มของสวีเพ่ยหรานชะงักค้าง “เมื่อวานนี้ ตอนที่ข้ากำลังเลือกของขวัญให้หลิงหลงเซียน ก็บังเอิญเห็นปิ่นปักผมอันหนึ่ง ดูสวยงามนัก น่าจะเหมาะกับเ้า จึงซื้อมาฝาก”
เขาเปิดกล่องผ้าออก เผยให้เห็นปิ่นปักผมดอกโบตั๋น ซึ่งร้อยด้วยไข่มุกและลูกปัดหยดน้ำสีทอง มีพู่ห้อย ดูพลิ้วไหวเป็ประกายงดงาม
แม้แต่หนีเจียเอ๋อร์ ที่ไม่สนใจเครื่องประดับมากนัก ยังอดที่จะประทับใจั้แ่แรกเห็นมิได้
เมื่อมองไปที่ดวงตาสดใสเปล่งประกายของอีกฝ่าย สวีเพ่ยหรานก็หัวใจพองโต ขณะที่กำลังจะหยิบมันออกมาให้นางชม ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกเรือน
หนีจวิ้นหว่านโบกมือส่งสัญญาณ ให้ขบวนสาวใช้ที่ติดตามมาหยุดลง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ท่านพี่หราน เมื่อครู่ ท่านแม่ลืมบอกเื่สำคัญไป จึงขอเชิญท่านมาพบอีกครั้งเ้าค่ะ”
หนีเจียเอ๋อร์ลอบมองพี่สาว ซึ่งกำลังจับจ้องไปยังปิ่นดอกไม้สีทองที่สวีเพ่ยหรานนำมาด้วยสายตาริษยา จึงเอ่ยว่า “ในเมื่อท่านแม่เชิญแล้ว ท่านก็ไปเถอะเ้าค่ะ”
“หว่านเอ๋อร์ กลับไปบอกอาหญิงว่าหลังจากเสร็จธุระแล้ว ข้าจะแวะไปหา” สวีเพ่ยหรานยังคงดื้อดึง ถึงจะถูกหนีเจียเอ๋อร์ไล่อ้อมๆ แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบของขวัญ และเข้าไปในเรือนของนางให้ได้
หนีจวิ้นหว่านจึงก้าวเข้ามาขวางเอาไว้ “ท่านแม่รออยู่นะเ้าคะ”
พอมองไปที่หญิงสาวซึ่งกำลังจับจ้องมา ดวงตาของชายหนุ่มก็ฉายแววมืดครึ้ม แต่หนีจวิ้นหว่านเพียงส่งยิ้มไร้เดียงสามาให้เสมือนไม่เข้าใจ
สวีเพ่ยหรานจึงไม่มีทางเลือก จำต้องระงับความไม่พอใจเอาไว้ แล้วหันกลับมาส่งกล่องไม้ให้หนีเจียเอ๋อร์ “รับไว้สิ แล้วข้าจะไป”
“มันเหมาะกับพี่สาวผู้งดงามของข้ายิ่งนัก หากนางปักปิ่นเล่มนี้แล้ว ย่อมดูดีกว่าข้าเป็แน่ ดังนั้น ท่านพี่หรานมอบให้พี่หญิงเถอะเ้าค่ะ”
ไม่รอให้เขาโต้แย้งใดๆ หนีเจียเอ๋อร์ก็ทำความเคารพ แล้วหันหลังเดินกลับเข้าเรือนไป ทิ้งให้สวีเพ่ยหรานยืนถือกล่องผ้า พลางมองตามด้วยความน้อยใจ
หลิวอวี้เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หลังลังเลอยู่พักหนึ่ง ก็เดินเข้าไปหมายจะปลอบโยนเ้านาย แต่เมื่อเห็นคุณหนูใหญ่ตาลุกเป็ไฟ นางก็รีบก้มหน้าลงดุจนกน้อยกลัวนักล่า ไม่กล้าสอดปากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เมื่อกลับมาถึงหอเยวี่ยหว่าน หนีจวิ้นหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น นางหยิบกรรไกรขึ้นมา ตัดผ้าปักเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วมองไปที่เรือนของน้องสาวด้วยสายตาอาฆาต “หนีเจียเอ๋อร์ ท่านพี่หรานเป็ของข้า... ของข้าคนเดียวเท่านั้น!”
หลิวอวี้เบิกตากว้าง ตื่นตระหนกกับสายตาของผู้เป็นาย ซึ่งมองเศษผ้าปักที่แหลกสลายบนพื้น ประหนึ่งมองศพคนตาย
จากนั้น นางก็ตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง “คุณหนู คุณหนูจะฆ่า... คุณหนูรอง หรือเ้าคะ?”
ได้ยินคำพูดของสาวใช้ หนีจวิ้นหว่านก็รู้สึกตัว นางกำหมัดแน่น แล้วลุกขึ้นยืน “ให้ตายเถอะ ไปเอาเงิน แล้วตามข้ามา”
หลิวอวี้ยังเสียขวัญไม่หาย “ท่านจะไปไหนเ้าคะ?”
“ข้าได้ยินจากท่านแม่ ว่าในเมืองหลวงมีตลาดมืด ซึ่งเป็ที่นิยมในหมู่สตรีชาววัง หากไปที่นั่น ไม่ว่าจะเป็สิ่งใด พวกเขาก็สามารถหามาให้ได้” หนีจวิ้นหว่านตอบเสียงเยียบเย็น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้