บนลานประลองนั้น หยางเทียนชั่วและเฟิงอวิ๋นกำลังยืนประจันหน้ากัน
เฟิงอวิ๋นมีสีหน้าสบายๆ ไร้กังวล ทว่าหยางเทียนชั่วกลับมีสีหน้าเคร่งเครียด เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับการประลองครั้งนี้มาก อีกทั้งยังรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของเฟิงอวิ๋นด้วย
ทันใดนั้น เงาร่างในชุดขาวของหยางเทียนชั่วก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ผู้ชมรอบด้านยังไม่ทันได้ตั้งตัว เงาร่างสีขาวสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเฟิงอวิ๋นแล้ว
“วิทยายุทธ์สายท่าร่างขั้นพิเศษ ก้าวประชิดขอบฟ้า!”
“ความเร็วนี้สูงเกินไปแล้ว ในสายตาของหยางเทียนชั่วตอนนี้ ต่อให้อยู่ไกลสุดขอบฟ้า เพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าประชิดตัวได้!”
“ไม่ หยางเทียนชั่วยังไปไม่ถึงขั้นนั้น ดูเหมือนว่าเพิ่งจะสำเร็จวิชาก้าวประชิดขอบฟ้าถึงขั้นสูง แต่แค่นั้นก็มากพอให้เขาภูมิใจในตัวเองได้แล้ว”
รอบข้างเกิดเสียงพูดคุยดังขึ้น แต่เฟิงอวิ๋นที่อยู่บนลานประลองยังคงสงบนิ่งไม่หวั่นไหว
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น รวบรวมลมปราณสายหนึ่งกลายเป็คลื่นแสงสีขาวรอบกายก่อนจะยิงไปทางหยางเทียนชั่ว
วิทยายุทธ์ขั้นพิเศษ คลื่น์ทะลวง!
ที่แท้คลื่น์ทะลวงไม่ใช่วิชาที่โจมตีเพียงครั้งเดียวจบ แต่เป็วิชาที่สามารถควบคุมลมปราณให้กลายเป็คลื่นแสงได้ หากฝึกสำเร็จถึงขั้นสูง จะสามารถใช้ได้ทั้งรุกและรับ อานุภาพร้ายกาจสุดประมาณ
ตอนนี้เฟิงอวิ๋นได้รวบรวมลมปราณอัดแน่นเป็ระลอกคลื่น โจมตีหยางเทียนชั่วที่เคลื่อนตัวมาอยู่ด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว
คลื่นลมปราณสีขาวอ้อมมาโจมตีหยางเทียนชั่ว แต่เขาเพียงขยับเท้าฉีกหลบไปอีกทางโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า มาปรากฏตัวอีกทางหนึ่งราวกับภาพมายาก็ไม่ปาน
ก้าวประชิดขอบฟ้า ในฐานะที่เป็วิชาท่าร่างระดับพิเศษแล้ว ความสามารถในการเร่งความเร็วนั้นทรงพลังยิ่งกว่าวิชาวายุก้าวพริบตาที่เป็ระดับกลางไม่น้อย
วายุก้าวพริบตา แม้จะเร่งความเร็วในการวิ่งของผู้ฝึกยุทธ์ได้ถึงสี่ห้าเท่า และหากบรรลุถึงขั้นสูงก็จะสามารถเคลื่อนตัวออกไปได้สามจ้างในก้าวเดียว แต่เมื่อเทียบกับก้าวประชิดขอบฟ้าแล้วยังด้อยกว่าอยู่มาก
หากฝึกวิชาก้าวประชิดขอบฟ้าจนสำเร็จขั้นสูง จะสามารถย้ายตำแหน่งในระยะสั้นๆ ได้ตาม้า และตอนที่จะหนีเอาชีวิตรอดในระยะไกล ก็ยังสามารถย่นระยะทางให้สั้นลงได้ ไม่ว่าจะเป็การไล่ฆ่าหรือถอยหนีก็ล้วนเป็ประโยชน์ทั้งสิ้น!
‘ก้าวประชิดขอบฟ้า วิชาท่าร่างนี้ไม่เลวเลย ดูท่าหลังจากเลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษแล้ว สิ่งแรกที่ต้องฝึกคือวิทยายุทธ์วิชานี้แหละ’
หลงอวี้ที่เห็นเช่นนั้นก็คิดในใจ
หลงอวี้ในตอนนี้ มีวิชาโจมตีอย่างหมัดัปรภพ วิชาป้องกันอย่างกายาพิชิตมาร และวิชาท่าร่างอย่างวายุก้าวพริบตา ที่ยังเป็วิทยายุทธ์ขั้นกลางเท่านั้น
แม้วิชาวายุก้าวพริบตาจะใช้งานสะดวก แต่บางครั้งก็ให้ความรู้สึกว่ายังดีไม่พอ
หากฝึกวิชาก้าวประชิดขอบฟ้าได้ละก็ คงจะทำให้หลายอย่างยิ่งง่ายดายขึ้นไม่น้อย
บนลานประลองนั้น เฟิงอวิ๋นรวบรวมลมปราณเป็คลื่นพลังอย่างต่อเนื่อง มันอ้อมไปโจมตีหยางเทียนชั่วไม่หยุดหย่อน แต่หยางเทียนชั่วก็ได้ใช้วิชาท่าร่างขั้นพิเศษอย่างก้าวประชิดขอบฟ้าหลบหลีกการโจมตีได้ทั้งหมด!
ทั้งสองต่างมีวรยุทธ์ขั้นเก้าแล้วทั้งสิ้น ทุกการปะทะราวกับมีม้าพยศสองร้อยตัววิ่งผ่านไปอย่างดุดันก็ไม่ปาน ะเืฟ้า ะเืดิน บนลานประลองเกิดฝุ่นลอยคละคลุ้ง เป็การต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรง
เพียงแต่หลงอวี้ที่ชมอยู่สังเกตเห็นว่าทั้งเฟิงอวิ๋นและหยางเทียนชั่วต่างฝึกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษไว้คนละหนึ่งวิชาเท่านั้น วิชาอื่นที่ใช้ล้วนเป็วิทยายุทธ์ขั้นสูงหรือเป็วิทยายุทธ์ขั้นกลางที่บรรลุขั้นสมบูรณ์แล้วทั้งสิ้น
‘ดูท่า ความยากเย็นในการฝึกฝนวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษจะสูงไม่เบา มีน้อยคนมากที่จะฝึกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษสองวิชาพร้อมกันได้สำเร็จ’
หลงอวี้คิดไปพลาง ก็นึกถึงหมัดัปรภพของตัวเองไปพลาง
ยังดีที่ตอนฝึกวิชาหมัดัปรภพนั้นเขามีประสบการณ์เฉียดตายจากชาติก่อนมา และด้วยความช่วยเหลือของสัญลักษณ์ัปรภพ ทำให้เขาฝึกสำเร็จขั้นสูงได้ในเวลาสั้นๆ หากเป็ยามปกติคงเป็ไปไม่ได้
“วิทยายุทธ์หนึ่งวิชา หากคิดจะแสดงอานุภาพทั้งหมดออกมา ก็จำเป็ต้องฝึกฝนให้บรรลุขั้นสมบูรณ์ หมัดสู่ปรภพนี้หากคิดจะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ก็ไม่แน่ว่าต้องฝึกหนักขนาดไหน...”
หลงอวี้ส่ายหน้าเล็กน้อย วิทยายุทธ์ขั้นสุดยอดที่สำเร็จขั้นสูงนั้น อานุภาพจะทรงพลังกว่าวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษทั่วไปหลายเท่า ดังนั้นตอนนี้เขายังไม่จำเป็ต้องฝึกหมัดสู่ปรภพให้สำเร็จถึงขั้นสูงสุดหรือถึงขั้นสมบูรณ์ก็ได้
เทียบกันแล้ว หากเอาเวลานั้นไปฝึกวิทยายุทธ์สายท่าร่างขั้นพิเศษอย่างก้าวประชิดขอบฟ้าให้สำเร็จขั้นสูงดูจะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้เขาได้มากกว่า
แค่ชมการต่อสู้ของยอดฝีมือก็ทำให้หลงอวี้ได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรหลายอย่างแล้ว และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ทำให้การประลองระหว่างเฟิงอวิ๋นและหยางเทียนชั่วจึงดึงดูดผู้คนให้มาชมมากขนาดนี้
เพียงไม่นาน เฟิงอวิ๋นและหยางเทียนชั่วก็ได้ปล่อยจินตภาพที่ตัวเองบรรลุได้ออกมา จินตภาพแห่งการกดทับอันทรงพลังแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ จินตภาพสองสายเข้าปะทะกัน แต่จินตภาพที่เฟิงอวิ๋นบรรลุได้นั้นทรงพลังกว่าอย่างเห็นได้ชัด!
ในที่สุด หยางเทียนชั่วก็ถูกจินตภาพสยบฟ้าสะกดไว้ และถูกคลื่น์ทะลวงของเฟิงอวิ๋นยิงหนึ่งที ร่างกายกระเด็นกระแทกพื้นอย่างรุนแรง แรงกระแทกอันน่าสะพรึงกลัวนั้นะเืไปทั่วทั้งลานประลองราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้นก็ไม่ปาน!
“เฟิงอวิ๋น ชนะแล้ว”
หลงอวี้หรี่ตามองเฟิงอวิ๋นบนลานประลอง หลังจากชมการประลองครั้งนี้แล้ว เขาก็เข้าใจพลังต่อสู้ของเฟิงอวิ๋นระดับหนึ่ง
ด้วยความสามารถของหลงอวี้ตอนนี้ การจะเอาชนะเฟิงอวิ๋นน่าจะไม่มีปัญหา ถึงอย่างไรเฟิงอวิ๋นตอนนี้ก็เพิ่งจะขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นเก้าได้หมาดๆ ยังไม่สามารถควบคุมพลังของวรยุทธ์ขั้นเก้าได้ดั่งใจ
“การกลับเมืองอวี้กวนครั้งนี้ นอกจากร่วมงานชุมนุมตระกูลเฟิง ช่วยพ่อบุญธรรมรักษาตำแหน่งแล้ว ยังต้องระวังยอดฝีมือตระกูลถานกับตระกูลฉิน... ดังนั้น ต้องฝึกวิชาก้าวประชิดขอบฟ้าไว้!”
หลงอวี้เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดี จึงมีความกระหายในพลังสูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
บนลานประลอง หยางเทียนชั่วในชุดขาวฝืนยืนขึ้น สีหน้าดื้อดึงไม่ยอมแพ้
“ครั้งนี้ข้าเป็ฝ่ายแพ้แล้ว แต่ว่า ข้าจะมาท้าประลองกับเ้าอีกแน่!”
“ข้าว่าเ้าอย่าทำอะไรเปลืองแรงเลย คนที่พ่ายแพ้ไปแล้ว ก็เป็ได้แค่ไอ้ขี้แพ้ไปตลอดกาลนั่นแหละ”
เฟิงอวิ๋นกล่าวขึ้นอย่างเฉยชา น้ำเสียงแฝงความดูถูกเล็กน้อย ความต่างระหว่างเขากับหยางเทียนชั่วนั้นมากเกินไป เขาใช้พลังออกมาไม่ถึงครึ่งจากทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ
“มันก็ไม่แน่หรอก!”
หยางเทียนชั่วกระแทกเสียงเ็าแล้วเดินจากไปทันที!
จากนั้น เฟิงอวิ๋นกลับไปนั่งบนอัฒจันทร์และกวาดตามองไปทั่วบริเวณ
“ข้าได้ยินว่าวันนี้มีไอ้สวะตัวหนึ่งจะท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษด้วย ทำไมไม่เห็นมันเลย? ไม่ใช่เห็นข้าแล้วใจนหนีไปซ่อนตัวแล้วนะ?”
พอพูดจบ ผู้คนทั้งหลายก็พากันหัวเราะครืน
จุดที่เฟิงอวิ๋นอยู่นั้น ผู้คนทั้งหมดได้หลีกทางให้เขาสายหนึ่ง เชิญให้เขานั่งบนที่นั่งอย่างนอบน้อม
นี่คือข้อดีจากการที่มีพลังแข็งแกร่ง ไม่ว่าใครที่มีพลังก็จะชนะใจของคนอื่นๆ ได้ ในแผ่นดินเทียนอวี้นั้น ผู้คนล้วนเคารพบูชายอดฝีมือ!
หลังเฟิงอวิ๋นพูดจบ หลงอวี้ก็ไม่ได้เคลื่อนไหว เขาเพียงมองไปยังใจกลางลานประลองเท่านั้น
หลังจากเฟิงอวิ๋นเดินออกไป ตรงนั้นได้มีชายหนุ่มชุดดำ ไหล่ห่อคนหนึ่งเดินเข้ามาแทนที่ ใบหน้าประดับรอยยิ้มชั่วร้าย
“คนที่จะประลองกับข้าอยู่ไหนล่ะ?”
ชายหนุ่มชุดดำมองไปรอบๆ อย่างไม่ยี่หระ พูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“ไอ้คนที่ชื่อหลงอวี้ รีบไสหัวออกมาซะ อย่าทำให้ข้าเสียเวลา!”
ชายหนุ่มชุดดำผู้นี้คือคนที่หลงอวี้ท้าประลองด้วย ‘เฮ่อเหยินอี้’!
“ศิษย์น้อง เ้าต้องระวังเ้าเฮ่อเหยินยี่ให้ดี”
หลงอวี้กำลังจะขึ้นประลอง หลิงหานที่อยู่ข้างๆ เขาได้ตบไหล่ทีหนึ่งก่อนเตือนด้วยเสียงเบา
“แม้ว่ามันจะชื่อเฮ่อเหยินอี้1 แต่ความเป็จริงมันกลับไร้ซึ่งความเมตตา ไร้ซึ่งความยุติธรรม! วิชาที่มันฝึกล้วนเป็วิชาที่ค่อนข้างชั่วร้าย ตอนท้าประลองเลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษก่อนหน้านี้ มันใช้วิธีลอบโจมตีจนชนะคู่ต่อสู้ได้ ตอนนี้ มันน่าจะฝึกวิชาขั้นพิเศษที่ชั่วร้ายบางอย่างเพิ่มไปอีกวิชาแล้ว ยิ่งทำให้มันน่ากลัวมากกว่าเดิม!”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”
หลงอวี้พยักหน้า
เฮ่อเหยินอี้ วรยุทธ์ขั้นแปด ระดับพลังเท่ากับหลงอวี้ ถึงแม้จะขั้นแปดเท่ากัน แต่ระดับความเชี่ยวชาญในพลังนั้นแตกต่างกันมาก
หากเฟิงอวิ๋นใช้พลังเพียงครึ่งเดียวในการจัดการกับหยางเทียนชั่ว เช่นนั้น หลงอวี้ใช้เพียงส่วนเดียวก็น่าจะมากพอจะจัดการกับเฮ่อเหยินอี้ได้!
หลงอวี้ก้าวเท้าขึ้นไปบนลานประลอง
ระหว่างทาง มีสายตามากมายจับจ้องเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย มีทั้งสงสัย ดูถูก และเยาะเย้ย แต่ไม่ว่าจะเป็สายตาแบบไหนก็ไม่ส่งผลกระทบกับเขาแม้แต่เสี้ยวเดียว
“หลงอวี้ ออกมาสักทีนะ!”
เฮ่อเหยินอี้นั้นพอเห็นรองเท้าเหมันต์คลั่งที่หลงอวี้สวมอยู่ ดวงตาก็พลันเป็ประกาย
“บนลานประลอง ความเป็ความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เ้าอย่ามาโกรธแค้นข้าทีหลังล่ะ!”
“ข้าขอมอบคำพูดนั่นให้เ้าด้วยเช่นกัน”
หลงอวี้กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
พอเเห็นสายตาของเฮ่อเหยินอี้ ก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายตารองเท้าเหมันต์คลั่งของเขา
หากเขาตายในการประลอง รองเท้าเหมันต์คลั่งคู่นี้ก็จะตกเป็ของเฮ่อเหยินอี้ทันทีตามกฎ
จิตสังหารสายหนึ่งปรากฏในดวงตาของเฮ่อเหยินอี้ หลงอวี้เองก็เช่นกัน
“นี่แค่การประลองเลื่อนขั้นเอง แต่เ้ากลับคิดฆ่าลูกศิษย์ร่วมสำนักเพื่อแย่งสมบัติ ช่างไร้ซึ่งความเมตตาและความยุติธรรมจริงๆ ในเมื่อเป็เช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็ต้องเกรงใจแล้ว!”
หลงอวี้ขึ้นมาบนลานประลองแล้วชี้เฮ่อเหยินอี้พร้อมพูดอย่างเฉยชา
“เ้า เข้ามาเลย!”
“ในฐานะที่เป็ศิษย์พี่ ข้าจะออมมือให้เ้าก่อนสามกระบวนท่า”
เฮ่อเหยินอี้หัวเราะอย่างดูแคลน ไม่เห็นหลงอวี้ในสายตาอย่างสิ้นเชิง
“จริงหรือ อย่างนั้นข้าไม่เกรงใจล่ะนะ”
หลงอวี้พูดเสียงเรียบ
เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์หน้าหอวิทยายุทธ์ก่อนหน้านี้ ฟางคางเองก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน สุดท้ายก็ถูกเขาโค่นล้มจนสาหัสในสามกระบวนท่า!
เฮ่อเหยินอี้ตอนนี้ไม่มีทางไม่รู้เื่เหตุการณ์นั้นแน่ เพราะมันกล้าพูดว่าจะออมมือให้เขาสามกระบวนท่า หรือที่มันมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ เป็เพราะมันคิดจะเล่นลูกไม้บางอย่างแน่!
จากลักษณะนิสัยของเฮ่อเหยินอี้ที่หลงอวี้ได้ยินมา มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะใช้อุบายบางอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ ตอนลงมือหลงอวี้จึงเตรียมรับมือป้องกันไปพร้อมกันด้วย
“วายุก้าวพริบตา ก้าวพริบตาเดียวไกลสามจ้าง!”
หลงอวี้เคลื่อนตัว ครู่เดียวก็ประชิดตัวเฮ่อเหยินอี้แล้ว จากนั้นก็ชกหมัดข้างขวาที่สวมถุงมือิญญาล่องลอยอย่างรุนแรงทันที!
เมื่อรวมกับการเสริมพลังจากวิชากายาพิชิตมาร เขาจะมีพละกำลังมากถึงหนึ่งแสนหกหมื่นชั่ง หมัดนั้นชกใส่หัวของเฮ่อเหยินอี้!
“พลังไม่เลวเลย!”
เฮ่อเหยินอี้หัวเราะเสียงแหบแห้ง จากนั้นดวงตาก็เปล่งประกายชั่วร้าย
“แต่ได้เวลาตายของเ้าแล้ว!”
ไม่ทันสิ้นเสียง หลงอวี้ก็ััได้ว่าสิ่งที่หมัดของตัวเองชกใส่เป็แค่ภาพลวงตาสายหนึ่งเท่านั้น
เฮ่อเหยินอี้เองก็ฝึกวิชาวายุก้าวพริบตาสำเร็จถึงขั้นสูงสุดแล้ว สามารถสร้างภาพลวงตาได้เช่นกัน!
หลังจากนั้น ด้านหลังของหลงอวี้ก็มีสายลมทรงพลังหลายสายพุ่งเข้ามา มันคือวิทยายุทธ์ขั้นสูง วายุปราณทะลวง!
เฮ่อเหยินอี้ปากบอกจะออมมือให้สามกระบวนท่า แต่ตอนนี้กลับผิดคำพูดตัวเอง เปิดฉากลอบโจมตีอย่างที่หลงอวี้คาดการณ์!
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างเบิกตาโต
พวกเขาไม่ได้ติเตียนอะไรเฮ่อเหยินอี้ เพียงแต่อยากดูว่า หลงอวี้จะสามารถหลบการลอบโจมตีครั้งนี้ได้หรือเปล่า!
“ม่านเหล็กพิชิตมาร!”
หลงอวี้แผดเสียงะโดุดัน ทั่วร่างพลันเปล่งแสงสีทองเบาบาง พริบตานั้นตัวเขาพลันแข็งแกร่งขึ้นราวกับเหล็กกล้า!
คมมีดวายุหลายสายที่พุ่งมาจากทางด้านหลัง พอซัดโดนแผ่นหลังของหลงอวี้แล้วก็เกิดเสียงเหล็กกระทบกัน
หลังจากนั้น หลงอวี้ได้หันหลังกลับไปจ้องเขม็งเฮ่อเหยินอี้ ดวงตาพลันปรากฏจิตสังหารขึ้นอย่างน่าสะพรึง!
......
[1] เหยินอี้ แปลว่า ความเมตตาและความยุติธรรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้