“ชอบซูฉางอัน? ” ชิงหลุนชะงักไป นางไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ว่าชอบเป็ความรู้สึกแบบไหนกันแน่หากพูดอีกแบบก็คือ นางไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นมานานแล้ว ดังนั้น ชิงหลุนจึงมองไปยังฝานหรูเยว่ด้วยความสงสัย“ต้องเป็แบบไหน ถึงจะเรียกว่าชอบ?”
ฝานหรูเยว่คาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้กลับมา นางคิดอย่างจริงจังอยู่นานแต่สุดท้ายก็หาคำตอบให้คำถามนั้นไม่ได้อยู่ดี
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” นางตอบไป
“อ้อ” ชิงหลุนขานรับ ไม่มีท่าทีจะซักไซ้ต่อไปแม้แต่น้อย
แต่ดูเหมือนฝานหรูเยว่จะไม่ปล่อยให้คำถามนี้หลุดลอยไปง่ายๆ นางกล่าวขึ้นอีกครั้ง“แต่ข้าช่วยท่านคิดได้ ว่าท่านชอบคุณชายซูหรือเปล่า”
“เ้าจะช่วยข้าคิดอย่างนั้นรึ? ต้องคิดเช่นไร?” ชิงหลุนถาม
“เออ...” ฝานหรูเยว่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “อ้อ...สำหรับท่านแล้ว ท่านเห็นว่าคุณชายซูแตกต่างไปจากคนอื่นหรือเปล่า? ”
แตกต่าง? ชิงหลุนครุ่นคิดอยู่นาน ซูฉางอันเป็คนเดียวในโลกที่มีบ่วงแห่งเหตุและผลพ่วงอยู่กับนางแน่นอนว่าเขาต่างไปจากคนอื่นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อคิดได้ดังนั้นชิงหลุนก็พยักหน้า แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “แตกต่างสิ”
“แล้วหากไม่ได้เจอเขา ท่านจะอยากเจอเขามากๆ หรือเปล่า?”
ชิงหลุนเริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง นางต้องสอนวิชากระบี่และสิ้นสุดบ่วงแห่งเหตุและผลกับเขาโดยเร็วที่สุดย่อมอยากให้ซูฉางอันฝึกกระบี่ด้วยทั้งวันอยู่แล้ว ในตอนที่ไม่เจอซูฉางอันก็ต้องอยากเจอเพื่อสอนกระบี่แก่เขาเป็ธรรมดา ดังนั้นชิงหลุนจึงพยักหน้าอีกครั้ง“อยาก”
“แล้วตอนที่เขารู้สึกไม่ดี ท่านอยากทำให้เขามีความสุขใช่ไหม?”
“แน่นอน” ครั้งนี้ชิงหลุนตอบออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นเป็สาเหตุที่ทำให้นางมาหาฝานหรูเยว่ในครั้งนี้
“เช่นนั้น ท่านคงชอบคุณชายซูเข้าแล้ว” ฝานหรูเยว่บอกอย่างมั่นใจขณะที่ในใจกลับรู้สึกผิดหวังและโศกเศร้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น นางเองก็ชอบซูฉางอันทั้งเคยส่งสัญญาณถึงซูฉางอันด้วย แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองจากอีกฝ่ายแต่กับชิงหลุน เขาเป็ทายาทของไคหยาง นอกจากพลังที่แข็งแกร่งจนยากจะประมาณยังมีรูปโฉมที่งดงามไม่น้อยไปกว่าตนอีก
ถ้านางเป็คุณชายซู ก็คงเลือกหญิงในชุดเขียวตรงหน้าเป็คู่เช่นกัน... นางบอกกับตัวเองในใจ
“ข้าชอบเขาอย่างนั้นรึ? ” ชิงหลุนอึ้งไปทันทีนางไม่รู้หรอก ว่าบทสรุปนี้มีความหมายอย่างไรกับตน
นางััได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฝานหรูเยว่ นางรับรู้ว่าหลังได้ข้อสรุปหญิงตรงหน้าก็แลดูหมองเศร้าลง จึงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “การชอบใครคนหนึ่งเป็เื่ไม่ดีรึ? ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฝานหรูเยว่จึงเก็บความเศร้าหมองของตนไว้ ดึงสติกลับมาในที่สุดนางฝืนยิ้มแล้วตอบคำถามออกไป “เปล่าหรอก การชอบใครสักคนเป็เื่ที่ดีมาก”
“เป็เช่นนั้นรึ? ” ชิงหลุนพยักหน้าน้อยๆดูเหมือนหญิงตรงหน้าจะรู้อะไรมากมายนัก อย่างน้อยนางก็รู้เื่ด้านนี้มากกว่าตนอยู่โข
“เช่นนั้น ต่อไปข้าจะชอบเขาก็แล้วกัน” ชิงหลุนบอกแบบนั้น แต่จู่ๆ นางก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมากะทันหันจึงมองไปยังฝานหรูเยว่แล้วถามขึ้นอีกครั้ง“แต่เ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ด้วยวิธีใด?”
ฝานหรูเยว่นึกขึ้นได้อีกครั้งว่าชิงหลุนมาหาเพราะเื่ใด นางแลบลิ้นออกมาด้วยท่าทางเขินอายจากนั้นจึงพูดขึ้น “เื่นั้น... ต้องดูว่าเขารู้สึกไม่ดีเพราะเื่ใดกันแน่”
“หืม? ” ชิงหลุนมีท่าทางจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง นางมองไปยังฝานหรูเยว่พลางกะพริบดวงตากลมโตปริบๆทำท่าทางราวตั้งใจและคาดหวังกับคำตอบเป็อย่างมาก
“อะแฮ่ม” ฝานหรูเยว่กระแอม แล้วเลียนเสียงพูดนักเล่านิทานในโรงเตี๊ยม “ต้องดูว่าคุณชายซูรู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกไม่ดีเพราะเื่ใดกันแน่”
“ยกตัวอย่างเช่น หากเด็กคนหนึ่งถูกแย่งลูกกวาดไป เขาจะรู้สึกไม่ดีและในเวลาเช่นนี้ หากเราซื้อลูกกวาดให้เขา เขาจะรู้สึกดีขึ้น”
“และยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกศิษย์ถูกอาจารย์ทำโทษโดยการตีที่มือ เช่นนั้นเขาจะรู้สึกไม่ดีแต่หากทำให้อาจารย์คนนั้นพูดชมเขาได้ เขาก็จะรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นทันที”
เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ จู่ๆ ฝานหรูเยว่ก็ชะงักไปจากนั้นจึงหันไปมองชิงหลุนที่กำลังตั้งใจฟังอย่างจริงจังครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างพอใจออกมา “เอาเป็ว่า หากอยากให้คุณชายซูรู้สึกดีขึ้น เราต้องรู้ให้ได้ว่าคุณชายซูไม่สบายใจเพราะเื่ใดจะได้หาทางช่วยได้ถูกอย่างไรละ”
“อ้อ เป็เช่นนั้นรึ” ชิงหลุนจดจำคำพูดของฝานหรูเยว่เอาไว้อย่างเงียบๆจากนั้นวิเคราะห์คำพูดเ่าั้ในสมองอีกครั้ง ทำให้นางรู้สึกว่าฝานหรูเยว่พูดมีเหตุผลเหลือเกิน
“ขอบคุณนะ” ชิงหลุนกล่าว
“แหะๆ” ฝานหรูเยว่โบกมือในอากาศอย่างเขินอาย และในตอนที่นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาชิงหลุนก็พูดขึ้นเสียก่อน
“ถือว่าครั้งนี้เ้าช่วยข้าเอาไว้ เ้าอยากให้ข้าทำอะไรตอบแทนรึ?” ชิงหลุนแลดูจริงจังเป็อย่างมาก
“เื่เล็กน้อยเท่านั้น ช่างมันเถอะ...” ยังไม่ทันพูดจบประโยคฝานหรูเยว่ก็ต้องชะงักลงกลางคันเพราะสีหน้าแสนจริงจังของชิงหลุน นางฝืนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่งประกายรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมา
“หากต้องรับอะไรตอบแทน โปรดทำให้คุณชายซูรู้สึกดีขึ้นเร็วๆ เถอะเ้าค่ะ”
เวลาล่วงผ่านไปรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาโหย่วแล้ว
หลังกินอาหารค่ำ ซูฉางอันก็นั่งเหม่อที่ลานฝึกอีกครั้ง
เมื่อคืน ในโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
เพราะฤทธ์สุราทำให้เขาสลัดความกลัดกลุ้มออกไปจนสำเร็จทว่าพอกูเชียนฝานพูดถึงนิยายเื่บทเพลงแห่งหนานเยวียน เขาก็นึกถึงเื่ราวในตำหนักไท่เหออีกครั้งอย่างอดไม่ได้
การทรยศต่อคนรักของเป่ยทงเสวียน กระบี่ของกู่เซี่ยนจวินที่พุ่งเข้าหา และการโกหกของเซี่ยโหวฟ่งอวี้
เื่ราวเ่าั้เป็ดั่งดาบแหลมทิ่มแทงลงกลางใจมันทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรเลย
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว
“เ้ากำลังทำอะไรอยู่รึ? ” เสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นะเืดังขึ้นที่ด้านหลัง
ซูฉางอันหันกลับไปมอง ได้พบกับชิงหลุนที่ยืนตระหง่านอยู่
“อาจารย์อา” ซูฉางอันเรียกผู้มาเยือน “ท่านมาได้อย่างไรกัน? ”
“เมื่อคืนนี้เ้าบอกว่าจะเรียกข้าว่าชิงหลุนเฉยๆ ไม่ใช่รึ? ” ชิงหลุนขมวดคิ้วมุ่นสำหรับนาง หากพูดอะไรออกมาต้องทำให้ได้ นี่เป็กฎที่ทุกคนควรปฏิบัติตาม
ซูฉางอันชะงักไป เพราะฤทธิ์สุรา เมื่อคืนเขาจึงพูดจาเหลวไหลไปมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองเหลวไหลและไร้มารยาทมากเพียงไหนจึงคิดจะปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ คิดไม่ถึงเลยว่าชิงหลุนจะจำใส่ใจเช่นนี้
เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงอยากปล่อยให้เื่นี้ผ่านเลยไปแต่ชิงหลุนกลับมองมาที่เขาด้วยท่าทางจริงจังเหลือเกิน ดังนั้น หลังลังเลอยู่สักพักในที่สุดเขาก็จำต้องเรียกชื่อนั้นออกมาอย่างฝืนใจ “ชิงหลุน”
“อืม” ชิงหลุนขานรับเบาๆ นางทัดเส้นผมที่ถูกลมโชยพัดเอาไว้หลังหูจากนั้นเดินมานั่งลงข้างซูฉางอัน
นางกับซูฉางอันอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนร่างแทบจะแนบเข้าด้วยกันซูฉางอันรับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างของนางได้ชัดเจน และนั่นทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้งซูฉางอันยันมือลงบนพื้นดินเพื่อขยับร่างกายออกไป แต่เพราะไม่ระวัง ฝ่ามือจึงไปทาบอยู่บนมือของชิงหลุนอย่างจัง
ความรู้สึกราวถูกสายฟ้าแล่นกระจายไปทั่วมือ ซูฉางอันรีบชักมือกลับทันที
แต่ความรู้สึกอันน่าลุ่มหลงที่ถูกส่งผ่านมาทางนิ้วมือยังทำให้เขาหน้าแดงและหัวใจเต้นระรัวจนได้ร่างของเขาชะงักอยู่กับที่ เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวร่างกายอีกเลย
“เ้ามาทำอะไรตรงนี้? ” ชิงหลุนหันไปถามซูฉางอันที่นั่งข้างๆ
อาจเพราะอยู่ใกล้กันมากลมหายใจของชิงหลุนจึงพัดมาััที่บริเวณหลังหูของซูฉางอันให้ความรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูกแต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
ซูฉางอันเชิดตัวขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะเว้นระยะห่างออกจากชิงหลุนได้บ้าง
“ข้ามา...” ซูฉางอันชะงักไป เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนมาที่นี่ทำไม เขาเพียงแต่อึดอัดใจเลยอยากมานั่งสงบสติอารมณ์เท่านั้น แต่ด้วยนิสัยของชิงหลุน มีหรือที่นางจะเข้าใจอารมณ์เช่นนี้เหตุนี้ซูฉางอันจึงชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วพูดขึ้น “ข้ามาดูดาวน่ะ”
“หืม?” ชิงหลุนมองขึ้นไปบนท้องนภาด้วยความสงสัย ก่อนจะพูดอย่างไม่เข้าใจ“คืนนี้ไม่มีดาวนี่”
ซูฉางอันชะงักไป ในเวลานี้เขาถึงพบว่าท้องนภาเต็มไปด้วยความมืดมนหมู่ดาวถูกความมืดกลืนกินเสียสิ้น เห็นเพียงปลายแหลมของจันทร์เสี้ยวได้อย่างเลือนรางเท่านั้น
ซูฉางอันปั้นหน้าไม่ถูก เขาอยากอธิบายออกมาแต่เสียงเย็นะเืของชิงหลุนดังขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่หากเ้าอยากดูละก็...” นางกล่าวเช่นนั้นก่อนจะยื่นมือออกไปปัดที่กลางอากาศชายเสื้อสีเขียววาดเส้นโค้งผ่านหน้าซูฉางอันไปอย่างรวดเร็วและสวยงาม
“ข้าจะขับไล่ความมืดที่บดบังออกไปเอง”
ทันใดนั้น เมฆครึ้มที่ลอยอยู่บนท้องนภามลายไปสิ้น ราวได้รับคำสั่งเช่นนั้นก่อนดวงดาวนับหมื่นพัน พลันปรากฏอยู่กลางนภาที่มืดมนพวกมันส่องแสงเชื่อมโยงไปถึงกันและกัน ส่องให้โลกใบเล็กๆ เช่นสำนักเทียนหลานสว่างไสวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ซูฉางอันจมเข้าสู่ความตื่นตะลึงไปในพริบตาเขาเงยหน้ามองหมู่ดาวบนท้องนภาอย่างทึ่ง ก่อนจะถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เ้า...ทำได้อย่างไรกัน? ”
“ก็ไม่เห็นยากนี่” ชิงหลุนตอบกลับมา
“ไม่ยาก? ” ซูฉางอันหันไปมองชิงหลุนอีกครั้งแต่กลับต้องอึ้งไป
ฟันขาวๆ ริมฝีปากสีแดง จมูกโด่งเป็สัน ผิวขาวเนียนเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงดารา ภาพตรงหน้าจึงน่าหลงใหลมากเหลือเกิน
ทว่าสิ่งที่ทำให้ซูฉางอันรู้สึกใจสั่นกลับเป็ดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นมันสว่างไสวราวมีดวงดาวนับล้านทอประกายอยู่ข้างใน
เขาหัวใจเต้นระรัวอย่างลืมตัวพลันใบหน้าก็ประกายสีแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เหมือนชิงหลุนจะไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของซูฉางอันเลย นางเอาแต่พูดคนเดียวอยู่อย่างนั้น“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ยากหรอก เพราะเหล่าดวงดาวอยู่ตรงนั้นั้แ่แรกแล้ว”
คำพูดของชิงหลุนทำให้ซูฉางอันหันกลับมาอย่างรวดเร็วเขาตระหนักได้ว่าการจ้องผู้หญิงนานๆ แบบนี้ดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่โดยเฉพาะเมื่อหญิงผู้นั้นเป็อาจารย์อาของตน
เขารีบหันหน้ากลับมา ก้มหน้าลงต่ำ ไม่ได้สนใจสักนิดว่าสิ่งที่ชิงหลุนพูดออกมาเมื่อครู่มีความหมายเช่นไร
“ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง” ชิงหลุนถามขึ้นอีกครั้ง
“อืม” ซูฉางอันพยักหน้าที่ก้มลงต่ำพลางครางตอบเขาไม่กล้าแม้แต่จะปรายตามองชิงหลุนเลยด้วยซ้ำ หัวใจของเขาเต้นแรงมาก ราวกับว่ามันจะพุ่งออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว
“บอกข้าได้ไหมว่าเ้ารู้สึกไม่ดีเพราะเื่อะไร? ” ชิงหลุนถาม
ซูฉางหันเงยหน้าขึ้นมองหญิงตรงหน้าอย่างประหลาดใจ และพบว่านางกำลังมองมาทางตนด้วยดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์เช่นกัน
วินาทีที่ดวงตาทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน ซูฉางอันก็ไม่อาจละสายตาได้อีกเลยราวกับว่าสายตาของเขาถูกบางอย่างตรึงเอาไว้แล้วเช่นนั้น
“ทำไมท่านถึงอยากรู้เื่นี้ละ?”เขาถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“เพราะข้าอยากให้เ้ารู้สึกดีขึ้นอย่างไรเล่า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้