คืนที่ไร้แสงดาวในสถานที่ลึกลับ ค่ำคืนนั้นช่างดูอ่อนโยน
เหวินกวนจิ่งเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นวิ่งมากี่วันแล้วเพียงแต่จำได้คร่าวๆ ว่า หลายวันที่ผ่านมาที่เขาไม่ได้หยุดพักฝีเท้าเลยหลายคืนที่ผ่านมานั้น เขาเพิ่งจะได้กินข้าวไปเพียงสองมื้อแต่ก็ยังคงทนมาได้จนถึงตอนนี้
นี่เป็ครั้งที่สามที่เขาหยุดพัก และทานอาหาร
เหวินกวนจิ่งนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อและเพราะว่าเขาวิ่งอยู่ตลอด จึงทำให้มันไม่มีโอกาสได้แห้งเลยสักนิด
ในตอนนั้นเขาอยู่ใจกลางทะเลทรายอันเหือดแห้ง หลบซ่อนตัวมากกว่าหลายวันหัวใจนั้นถูกหล่อหลอมให้แข็งแกร่งไร้การสั่นไหวราวกับเหล็กกล้า ถึงแม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเหน็ดเหนื่อยและลำบากไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้เกินกว่าข้อจำกัดของเขา
เมื่อเข้ามาในป่าลึกแล้วก็มักจะมีเสียงร้องแปลกประหลาดของนกเค้าแมวดังขึ้นมาเพื่อคอยย้ำเตือนกับเหวินกวนจิ่งว่า นี่เป็โลกที่แท้จริง เขาหนีออกมาได้แล้ว
เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นราวกับคนขี้ขลาด ที่ยอมฟังอย่างที่หลินลั่วหรานพูดแล้วหนีออกมาจริงๆ
แต่ว่าสารหยกที่จดทฤษฎีดาบเอาไว้ในถุงจักรวาลนั้นสำหรับเขาแล้วมันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก เขารู้ดีว่าเขาชู่ชาน้า “ทฤษฎี” นี้มากแค่ไหน แม้ว่าเขาจะตายไปแต่ก็ต้องนำเอาสิ่งนี้ส่งออกไปให้ได้!
เหวินกวนจิ่งหยิบน้ำขวดหนึ่งออกมาจากถุงจักรวาลในถุงของเขานั้นเต็มไปด้วยกล่องหยกมากมายหลายแบบมันคือพวกสมุนไพรวิเศษที่เขาและพวกรุ่นน้องเก็บมา และใช้กล่องหยกเก็บเอาไว้เพื่อรักษาไม่ให้พลังสูญหายไป นอกจากน้ำสะอาดที่เติมเอาไว้ในยามวิกฤตแล้วเพื่อที่จะบรรจุสมุนไพรเหล่านี้ เหวินกวนจิ่งจึงนำเอาอาหารทิ้งไปหมดั้แ่แรก
เขานั้นมากด้วยประสบการณ์ในการใช้ชีวิตนอกเมือง เพียงแค่มองดูรอบๆเขาก็สามารถรู้ได้ว่าพืชชนิดไหนที่มีรากหัวสามารถกินได้ ก่อนจะใช้พลังเวทง่ายๆในการทำให้มันสุก เหวินกวนจิ่งกินมันเข้าไปชิ้นหนึ่งก่อนจะเอาชิ้นที่เหลือเก็บใส่กระเป๋า หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาได้แต่คาดหวังเอาไว้ว่าหลินลั่วหรานจะตามมา จึงมาในทางที่ลัดที่สุดเท่าที่ในสารหยกจะระบุเอาไว้แต่ว่าในความจริงแล้ว มันก็เป็เพียงสิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้มากจนเกินไป
เมื่อดื่มน้ำสะอาด และกินหัวพืชเข้าไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็ปาดหยาดเหงื่อออกก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
เขาหันไปมองทางที่ผ่านมาครั้งสุดท้ายเหวินกวนจิ่งจัดการนำเอาความคาดหวังที่ดูเหมือนว่าจะมากเกินไปของตัวเองทิ้งไปแม้ว่าจะลดความเร็วการเดินทางลงเพื่อรอมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครตามมาดาบบินของเขาได้รับความเสียหาย เขานั้นทำได้เพียงเดินเท้าไปเรื่อยๆจึงไม่อาจจะยืดเวลาการเดินทางออกไปได้อีกแล้วไม่อย่างนั้นตัวเขาเองก็คงจะไปที่ทางออกไม่ทันเช่นกัน
ดังนั้น เขาจึงหันกลับไปมองเป็ครั้งสุดท้าย
สองวันต่อมา การเดินทางที่แสนยากลำบากของเหวินกวนจิ่งก็ทำให้เขางัดศักยภาพทุกอย่างออกมาจนถึงขีดสุดพยายามที่จะพรางตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และไม่ปะทะกับเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหลายเพื่อออกมายังทางออกให้เร็วที่สุด
ในตอนที่เหนื่อยจนเกือบจะหมดแรงนั้น ในที่สุดเขาก็สามารถมองเห็นร่างของหลีซีเอ๋อร์และคนอื่นๆได้จากที่ไกลๆ
ใบหน้าของหลีซีเอ๋อร์ประดับไปด้วยรอยแผลแขนของซูอี้เหรินก็พันผ้าพันแผลเอาไว้ ทุกคนรวมทั้งเหยี่ยวของหลินลั่วหรานต่างก็มีรอยาแประดับอยู่บนตัว เหวินกวนจิ่งนับจำนวนคนอยู่ในใจ ทั้งแปดคนอยู่ครบไม่มีใครหายไป
ถ้าหากว่าในใจของเขาไม่ได้นึกถึงหลินลั่วหรานอยู่ เขาก็คงจะยิ้มออกมา
พวกหลีซีเอ๋อร์นั้น ไปเจออะไรมากัน เขาไม่คิดอยากจะรู้เลยแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่รู้ว่า ไม่มีใครขาดหายไปสักคนนั่นก็เพียงพอแล้ว!
เหวินกวนจิ่งถอนหายใจออกมา ตัวเขานั้นไม่ได้ทำให้เหล่ารุ่นน้องต้องลำบากนอกจากเธอ นักปราชญ์ชาวจีนที่มาในครั้งนี้ ต่างก็ไม่ได้รับาเ็อะไร...หากหัวหน้าหน่วยรู้ก็คงจะดีใจใช่ไหม?
พวกอาจารย์ของรุ่นน้องเหล่านี้ ก็น่าจะดีใจเหมือนกันใช่ไหม?
การที่มีชีวิตรอดออกมาจากสถานที่ลึกลับก็เป็ประสบการณ์ที่น่าภูมิใจที่สุดใน่ชีวิตของนักปราชญ์วัยรุ่นชาวจีนแล้วทุกคนต่างก็ต้องดีใจเพราะพวกเขา ภูมิใจในตัวของพวกเขา...
หลายวันที่ผ่านมานี้ หลีซีเอ๋อร์ก็เติบโตขึ้นมากเธอใช้ความสามารถของตัวเองทำให้พวกรุ่นพี่นั้นไม่มองว่าเธอเป็เพียงรุ่นน้องที่สามารถหยอกล้อแกล้งได้อีกต่อไปในวันที่เธอแยกตัวออกมาจากหลินลั่วหราน หลีซีเอ๋อร์ก็เรียนรู้เื่มากมายด้วยตัวของเธอเองรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้น ก็พบเห็นได้น้อยลงไปแล้ว
มีเพียงตอนที่เห็นร่างของเหวินกวนจิ่งเท่านั้นที่ใบหน้าอันเหน็ดเหนื่อยของเธอ ประดับไปด้วยความอ่อนโยนน่าทะนุถนอม “รุ่นพี่ พวกเราเจอยาระดับพื้นฐานด้วยล่ะ!”
ยาระดับพื้นฐาน?
เหวินกวนจิ่งมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่ามีเพียงร่างของนักปราชญ์จีนก็ถอนหายใจออกมา และก็แสดงท่าทางให้หลีซีเอ๋อร์รู้ว่ากลับไปแล้วค่อยคุยเื่นี้กันอีกครั้ง
หลีซีเอ๋อร์ยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนที่จะลดความตื่นเต้นลง แล้วเงยหน้าขึ้นถาม “รุ่นพี่เหวิน รุ่นพี่หลินล่ะคะ?”
หลินลั่วหรานเหรอ? จะตายอยู่ในท้องงูแล้วหรือเปล่า? ความจริงเหวินกวนจิ่งก็คิดถึงความเป็ไปได้นี้ขึ้นมาและไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับมัน แต่ว่าเมื่อหลีซีเอ๋อร์ถามออกมาตรงๆเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับคำถามนี้ เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดีจึงได้เพียงแต่ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเรารอเธออยู่ที่นี่สักพักเถอะ”
“อ้อ รุ่นพี่หลิน ตามมาทีหลังเหรอคะ?” หลีซีเอ๋อร์ลูบลงที่ปีกของเสี่ยวจินที่อยู่ข้างๆเพื่อที่จะพยายามมองข้ามคำตอบที่ไร้ความมั่นใจของเหวินกวนจิ่งไป
รอสักพักเหรอ...ต้องรอไปจนถึงเมื่อไรนะคืนนี้เป็คืนสุดท้ายที่จะสามารถออกไปได้แล้ว
หลีซีเอ๋อร์มองไปยังหุบเขาที่สลับทับซ้อนกันในสถานที่ลึกลับหวังว่าหลินลั่วหรานจะยืนอยู่บนดาบบินแล้วพุ่งออกมานั่นคือความเชื่อที่เธอมีต่อตัว “รุ่นพี่หลิน”
เหวินกวนจิ่งเองก็มองไปยังสถานที่ห่างไกลแน่นอนว่าหากหลินลั่วหรานปรากฏตัวขึ้นมานั้นถือเป็เื่ดี แม้ว่าจะไม่ได้ออกมาตามเวลาเขาก็ไม่เชื่อว่าเธอจะเป็อะไรไปแบบนี้
เขาได้เอาแผ่นหยกที่สามารถเคลื่อนย้ายออกไปได้ทุกที่ให้เธอไปแล้วขอเพียงแค่มีที่หลบสักพัก ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ส่วนไหนของที่นี่ ก็สามารถออกไปได้โดยไม่ต้องรีบมาที่ทางออกนี้!
เขามองไปยังท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงเหวินกวนจิ่งเลือกที่จะทิ้งความหวังไปที่การคาดเดาอย่างที่สองของเขาหวังว่าหลินลั่วหรานจะเลือกใช้แผ่นหยกนั่น
นักปราชญ์จากประเทศต่างๆ พากันออกไปจากทางออก ก้าวข้ามผ่านม่านแสงและเดินกลับสู่เส้นทางกลับบ้านของตัวเอง
เหวินกวนจิ่งนับจำนวนคนในใจ ทุกๆ ประเทศต่างก็สูญเสียกันไปมากโดยเฉพาะพวกผีดูดเื คนญี่ปุ่น และพวกคนรัสเซีย
ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาไปเจอกับอะไรกันมา...เมื่อนึกไปถึงคนญี่ปุ่นสองคนที่ถูกหลินลั่วหรานฆ่าอย่างไร้ปรานีเขาก็รู้สึกว่าความรู้สึกในใจได้ถูกระบายออกมา
การเดินทางในสถานที่ลึกลับครั้งนี้ การสูญเสียของอังกฤษ ญี่ปุ่นและรัสเซีย แสดงให้เห็นว่าหลังจากออกไปนี้ปัญหาการดึงดันที่จีนมีกับพวกเขาคงจะถูกทำลาย การตกลงต่างๆอาจจะมาในทิศทางที่ทางจีนได้ประโยชน์มากขึ้น และนี่ก็เป็อีกหนึ่งความหมายของสถานที่ลึกลับ
แต่ว่าหลินลั่วหรานที่เป็ดั่งนักรบสาวผู้แกร่งกล้านั่นล่ะ?
เหวินกวนจิ่งหลับตาลง และนึกไปถึงตอนที่เขาดึงดันจะยกโลงนั่นขึ้นกลุ่มงูก็เข้ามา ก่อนที่เสียงหัวเราะของผีสาวจะดังขึ้นมาจากในโลงใสอีกครั้งเธอยังไม่ตาย!
โลงคริสตัลใสลอยขึ้นกลางอากาศทั้งสองคนต่างพากันหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากที่นั่นเสียงของผีสาวกลับดังขึ้นมาชัดเจน
“ข้าจะจำเ้าไว้ ร่างกายของเ้า มันจะต้องเป็ของข้า!”
กลุ่มงูไล่ตามออกมา เมื่อได้ยินคำพูดดังนั้นหลินลั่วหรานก็ใกลัวขึ้นและพยายามบอกให้เขาไปก่อน แน่นอนว่าเขาไม่ทำแบบนั้นแน่แต่สุดท้ายแล้วกลุ่มงูก็ไล่ต้อนพวกเขามาจนถึงหน้าผา อีกทั้งยังมีเข้ามาเรื่อยๆจากทั่วทุกสารทิศ
งูประหลาดที่มีปีก ทำให้แม้แต่ดาบบินก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้หลินลั่วหรานข่มฟันดึงดันให้เขาออกไป เหวินกวนจิ่งส่งแผ่นหยกที่สามารถเคลื่อนย้ายกลับจากที่ไหนก็ได้ให้เธอก่อนที่จะพุ่งเข้าฟันไปยังกลุ่มงูมากมายและพยายามดึงดูดความรู้สึกโกรธแค้นให้พวกงูตัวน้อยตามไปที่อีกทาง
เสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดของผีสาวดังขึ้นในหูของเขาอีกครั้งเขาพยายามอดกลั้นที่จะไม่หันหลังกลับไป
เมื่อไม่หันกลับไป ก็จะยังคงมีความหวังอยู่...
ท้องฟ้ามืดลงทุกที เวลาหนึ่งเดือนเหลือเพียงแค่สองชั่วโมงสัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่ในสถานที่ลึกลับต่างพากันค่อยๆ ตื่นขึ้นพวกเหวินกวนจิ่งที่พยายามรออยู่ที่ทางออก ต้องจัดการกับเหล่าพวกสัตว์ประหลาดตัวน้อยที่ไม่รู้จักตายไปมากมาย
นี่เป็เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเหวินกวนจิ่งต้องรีบให้คนอื่นๆ ออกไปก่อน
หลีซีเอ๋อร์ถูกดันออกไปยังม่านแสง รวมทั้งเสี่ยวจินพวกซูอี้เหรินนั้นไม่เข้าใจอะไร แต่เหวินกวนจิ่งก็ไม่มีเวลาจะมาอธิบาย
อุโมงค์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ไร้ซึ่งเงาของผู้คนเหลือเพียงนักปราชญ์จีนเท่านั้นที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เมื่อข้ามม่านแสงไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะกลับไปยังสถานที่ลึกลับได้อีก
ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่รอ รอรุ่นพี่หลินที่สยบนักรบจากทั่วทุกประเทศได้เพียงประกายแสงดาบรอให้เธอออกมาทันเวลา
แต่ว่ารอมาจนถึงนาทีสุดท้าย หากยังไม่ไป อุโมงค์ใต้ทะเลนี้ก็จะหายไปแล้วหลินลั่วหรานก็ยังคงไม่ข้ามม่านแสงนั้นออกมา
แม้ว่าเหวินกวนจิ่งจะบอกว่า หลินลั่วหรานอาจจะเลือกใช้แผ่นหยกก็ได้ แต่ในใจของทุกคนกลับเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีนักขึ้น
หลีซีเอ๋อร์กอดเสี่ยวจินที่อยู่ในอาการไม่สงบเอาไว้ก่อนจะวิ่งไปยังทิศทางของ “เครื่องขึ้นลง” แรงกระพือปีกของเสี่ยวจิน ทำลายกลีบดอกไม้ไปมากมายหยาดน้ำตาเม็ดโตรินไหลลงมาจากตาคู่สวยของหลีซีเอ๋อร์
รุ่นพี่หลิน พี่จะต้องกลับมาแน่ ใช่ไหมคะ?
คนที่เลือกที่จะเคลื่อนย้ายกลับมานั้น ไม่ใช่คนที่คุ้นตาอย่างหลินลั่วหรานแต่เป็คริสตัล
ในผืนป่าอันกว้างใหญ่คริสตัลสั่งให้ค้างคาวที่เกาะอยู่ที่บ่าของเธอออกไปดูดเืของจระเข้เขาเดียวมาจนเหือดแห้ง
ความรู้สึกสบายเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยนั้นทำให้คริสตัลรู้สึกราวกับยืนอยู่บนก้อนเมฆใหญ่ ราวกับคนที่เพิ่งจะเสพติดยา
เธอไม่เคยรู้เลยว่า ตัวเองนั้นชอบการฆ่ามากถึงขนาดนี้ั้แ่ที่ค้างคาวดูดเืที่ท่านหมอกดำส่งมาถูกเธอจับเอาไว้ อีกทั้งยังใช้พันธสัญญามัดมันเข้าคริสตัลก็ยิ่งลุกโชนขึ้นมา ทุกๆ ครั้งที่ค้างคาวดูดเืเป็อาหารมันก็จะกลั่นเป็พลังกว่าครึ่งส่งมาให้เธอ
ในทุกๆ วัน พลังความสามารถของมันมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายแล้ว ก็มีเพียงเืสดเท่านั้น ที่เป็เป้าหมายของผีดูดเื!
คริสตัลนั้นไม่อยากจะจากออกมา แต่ว่าเวลาหนึ่งเดือนนั้นมาถึงแล้วแม้ว่าเธอจะก้าวร้าวดึงดัน แต่ก็รู้ดีว่าความสามารถของเธอในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะต่อสู้รับมือกับพวกสัตว์ประหลาดเ่าั้ได้จึงได้แต่กุมแผ่นหยกเอาไว้ ก่อนจะเลือกเคลื่อนย้ายตัวเองออกมา
ในระหว่างที่ดวงตาถูกแสงเจิดจ้าทำให้พร่าเลือนคริสตัลไม่ทันได้เห็นว่าสายตาที่เหม่อลอยของค้างคาวที่เธอเลี้ยงเอาไว้ขยับวับวาวขึ้นมา ก่อนจะถูกแสงสว่างปกคลุมไป
ความทรมานจากการเคลื่อนย้ายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ทุกๆ คนจะสามารถทนได้เมื่อคริสตัลปรากฏตัวขึ้นบนแท่นกลางทะเลอีกครั้ง เธอก็มึนหัวจนเกือบจะอ้วกออกมา
หญิงสาวสวมกิโมโนคนหนึ่งยืนอยู่บนแท่นเธอเองก็เลือกที่จะเคลื่อนย้ายมาเช่นกัน
แต่ใบหน้าของเธอกลับไม่ได้ดูสะอาดเรียบร้อยเหมือนอย่างคริสตัลไม่รู้เหมือนกันว่าเคลื่อนย้ายออกมาจากสถานการณ์อันตรายแบบไหน
คริสตัลอดกลั้นความเ็ปเอาไว้ก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่บนเรือเดินสมุทรเมื่อเห็นว่าพวกดาน่ายืนสง่าอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ เธอก็เหยียดยิ้มออกมา
เมื่อโยกย้ายสายตาไปยังกลุ่มนักปราชญ์จีน พวกเขาโชคดีจริงๆสุดท้ายก็ยังกลับมาตั้งเก้าคน! แต่ว่า ที่ขาดไปคนหนึ่งก็คือเธออย่างนั้นเหรอ?
คริสตัลเองก็ไม่รู้ว่าในใจลึกๆ ของเธอรู้สึกแบบไหนเมื่อมองไปยังสายตาผิดหวังของเหล่านักปราชญ์จีนแล้วพวกเขาคงจะรอให้ใครคนนั้นเคลื่อนย้ายกลับมาสินะ?
เธอมองไปยังแท่นกลางทะเลที่กำลังค่อยๆ เลือนรางหายไป คริสตัลเม้มปากแน่นน่าเสียดายที่นี่เป็โอกาสเคลื่อนย้ายครั้งสุดท้ายแล้ว เมื่อแท่นกลางทะเลหายไปก็จะไม่มีใครสามารถออกมาจากที่นั่นได้อีก
คนสวยคนนั้น...ตายแล้วอย่างนั้นเหรอ?
ช่างน่าเสียดาย คริสตัลถอนหายใจออกมา ก่อนจะกางปีกออกแล้วบินออกมาจากแท่นกลางทะเลที่กำลังหายไป ค้างคาวตัวนั้นลืมตาขึ้นก่อนจะมองพิจารณาไปยังท้องทะเลภายใต้แสงจันทร์อันไร้ขอบเขตด้วยความกระหาย