“โรคแพร่ระบาดในเมืองหนานฮั่น... เท่าที่ข้าจำได้ เมืองหนานฮั่นเป็เขตปกครองของอ๋องฉางอัน”
เหยียนชิงขมวดคิ้วแน่น อ๋องฉางอันเฟิงหนิงรุ่ย เป็พระเชษฐาของตี้จวิน พระโอรสลำดับที่ห้าของเซียนตี้ หลังจากเซียนตี้ทรงประกาศแต่งตั้งให้เป็อ๋องอย่างเป็ทางการแล้วก็ได้มีราชโองการยกเขตแดนศักดินาให้ไปปกครอง ไม่มีเหตุการณ์หรือการได้รับเสียงสรรเสริญใดเป็พิเศษ ในชาติที่แล้วจนถึงวันที่เขาตายไป อ๋องฉางอันยังคงอยู่อย่างเงียบสงบ
เมื่อคิดย้อนกลับไปยังชาติที่แล้ว ในเวลานี้เมื่อชาติก่อนเขายังไม่เข้าใจอะไร... ชาติก่อนมีเหตุการณ์นี้ด้วยหรือ?
พี่ชายคนโตในชาติก่อนติดต่อครอบครัวด้วยวิธีนี้ด้วยหรือไม่? บุคคลที่ติดต่อได้ก็คือเหยียนิฮ่วนใช่หรือไม่ ต่อมาจัดการอย่างไร?
สุดท้ายแล้วอาการป่วยของท่านพี่หายดีหรือไม่? หรือว่า..
โรคระบาดเกิดขึ้นในเขตปกครองของตัวเอง เป็ไปไม่ได้ที่อ๋องฉางอันจะไม่แยแส เขา้าที่จะจัดการกับเหตุการณ์นี้เองเงียบๆ โดยไม่ทำให้ฮ่องเต้ใหรือไม่? แม้ว่าโรคระบาดจะน่ากลัว แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ ด้วยอำนาจของอ๋องฉางอัน หากควบคุมอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถรับมือกับมันได้ดี
อีกอย่าง ตามที่ว่ามานี้ก็มีเย่หลานอยู่ข้างกายพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ไม่ควรติดเชื้อง่ายขนาดนี้ ตอนนี้เย่หลานเขียนจดหมายมา อาการของพี่ใหญ่คงหนักเอาการ เย่หลานเป็ผู้ใหญ่จัดการอะไรก็รู้ลำดับความสำคัญ ถ้าไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน พวกเขาคงไม่ส่งจดหมายให้เขาแบบนี้ แสดงว่ามีอย่างอื่นซ่อนอยู่ในนั้น
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน เหยียนชิงก็คิดอะไรไม่ออก ดังนั้นเขาจึงหันไปหาจิงโม่และถาม "ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองหนานฮั่นบ้างหรือไม่"
จิงโม่ไตร่ตรองสักครู่ก่อนจะตอบ
“เมืองหนานฮั่นตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นเทียนชู ร่ำรวยและเจริญรุ่งเรือง อาจกล่าวได้ว่าเป็สถานที่ที่ดีสำหรับการจะอยู่อาศัยและทำธุรกิจ แต่เพราะมันเป็เมืองชายแดน พ่อค้าและคนสัญจรล้วนพลุกพล่าน และมีโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมากที่สุด แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยได้ไปนัก แต่ก็หาคนสอบถามแล้ว ข้อมูลกลับไม่รั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นั้แ่ตอนไหน โรคระบาดครั้งนี้ต้องมีเงื่อนงำ”
“อืม...” เหยียนชิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเองก็รู้สึกว่ามีเงื่อนงำ...”
จิงโม่ “คุณชายคิดว่าอย่างไร? อยากจะส่งจดหมายหาฮ่องเต้เลยหรือไม่?”
ดวงตาของเหยียนชิงมืดลง
“เื่ส่งจดหมายให้ฮ่องเต้นั้นย่อมต้องทำ แต่พวกเราต้องไปถึงที่นั่นก่อนที่ฮ่องเต้จะสั่งให้คนไป”
จิงโม่ “คุณชายจะไปเองหรือ?”
“ไม่” เหยียนชิงส่ายหัวเยาะเย้ยตัวเอง
“ข้ารู้ว่าข้าช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งยังทำให้คนอื่นเป็ห่วง ข้าจะเขียนจดหมายสองฉบับ เ้าช่วยส่งไปให้ฮูหยินของข้า ที่เมืองหลวง ส่วนอีกหนึ่งฉบับก็ส่งไปให้คนในวังเพื่อนำไปมอบให้ฮ่องเต้ ได้หรือไม่?”
จิงโม่ “คำสั่งของคุณชาย ข้าจะพยายามทำให้สุดความสามารถ”
เหยียนชิงเดินไปที่หนังสือและนั่งลง “ดี ข้าจะไปเขียนเดี๋ยวนี้”
จิงโม่นั่งนิ่งๆ “เช่นนั้นข้าจะรออยู่ตรงนี้”
ทั้งสองยังวิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็ไปได้มากมายเกี่ยวกับการแพร่ระบาด จนกระทั่งถึงดึก เหยียนชิงถึงได้มอบจดหมายทั้งสองฉบับให้จิงโม่เพื่อให้เขานำไปที่เมืองหลวง
เมื่อจิงโม่จากไป เหยียนชิงเรียกหลินชวนกับเฉินเซียงเข้ามาอีกครั้ง นำจดหมายที่เย่หลานเขียนเองกับมือให้พวกเขา จากนั้นก็เหยียนชิงก็ยกพู่กันขึ้นมาเขียน ให้เฉินเซียงและหลินชวนไปหาหมอที่มีชื่อเสียงที่สุด และเตรียมยาจำนวนหนึ่งให้หลินชวนนำไปมอบให้เว่ยซูหานระหว่างทางและไปที่เมืองหนานฮั่นพร้อมกัน
เพราะเจ็บป่วยมาตลอด เหยียนชิงจึงติดต่อกับหมอมาั้แ่เด็ก อีกทั้งในชาติที่แล้วเขาก็มักจะติดต่อกับหมอหลวงในวัง ตรวจสอบหนังสือทางการแพทย์ แม้ว่าเขาจะจ่ายยาไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ยังพอจะเตรียมยาบางชนิดที่สามารถใช้ได้
รีบร้อนไปก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่างก็เป็ไปไม่ได้ที่อ๋องฉางอันจะนิ่งดูดายเขตการปกครองของตนถูกโรคระบาดกลืนกิน ให้เว่ยซูหานไปที่เมืองหนานฮั่น เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ก่อน หากมีเงื่อนงำจริงๆ ก็สะดวกที่จะฉวยโอกาสนั้นจัดการก่อน
ไม่ว่าอย่างไรพี่ชายของเขาก็อยู่ที่นั่น ให้เว่ยซูหานไปสมทบกับพวกเขาก่อน แม้ฮ่องเต้จะรู้ก็อาจจะไม่ตำหนิ
และเื่ราวก็ถูกจัดการเช่นนี้ เหยียนชิงกลับไปนอนที่เตียง ร่างกายอ่อนล้าและง่วงนอนมาก แต่กลับพบว่าในผ้าห่มนี้มันหนาวเกินไป เว่ยซูหานออกจากเมืองเทียนซูและตรงไปที่เมืองหนานฮั่น พวกเขาห่างกัน่เวลาหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไป แต่ที่จวนก็ต้องมีคนดูแล
ฮูหยินถังเลือกวันที่จะไปเจรจาสู่ขอกับตระกูลม่อแล้ว หลังจากเจรจาสำเร็จเกรงว่าคงใช้เวลาไม่นานก็ได้แต่งแล้ว แม้ว่าบุรุษและสตรีควรจะออกเรือน แต่ม่อเสียวเสี่ยวและเหยียนชิงก็เป็บุรุษมากความสามารถและสตรีงดงาม แต่หลังจากที่แม่ของเขายอมรับว่าอิ้งหลีเป็ลูกชายที่ชอบธรรม เหยียนิฮ่วนก็แต่งงานกับตระกูลม่อ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าในนี้มีใครมีแผนการชั่วร้ายในใจหรือไม่
การแต่งงานคือการรวมกันเป็หนึ่งผูกสายสัมพันธ์เป็พันธมิตร และั้แ่นั้นมา ผลประโยชน์ เกียรติยศและความล้มเหลวก็ผูกเข้าด้วยกัน ถ้าเถ้าแก่้าให้ลูกสาวของเขามีชีวิตที่ดีขึ้น เขาจะช่วยเหยียนิฮ่วนอย่างแน่นอน ในใจของเหยียนิฮ่วนเกรงว่าจะมีแผนชั่วแล้ว
แม้ว่าเหยียนิฮ่วนจะไม่ทำอะไรเลวร้ายต่อตระกูล เหยียนในตอนนี้ เขาก็ไม่อาจปล่อยปละละเลยได้ ทำได้เพียงต้องแยกจากภรรยาของเขาเพียงชั่วขณะ
หลังจากเหตุการณ์นี้ต้องให้พี่ใหญ่กลับมาด้วย จะปล่อยให้ไปเถลไถลข้างนอกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเขาไม่กลับมาปกป้องกิจการของตระกูล เขากับเว่ยซูหานจะจัดการกิจการของตระกูลเว่ยเต็มที่ได้อย่างไร
เหยียนชิงครุ่นคิดไปเรื่อยๆ และนอนไม่หลับในตอนกลางคืน ในเวลาเดียวกัน ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งบนถนนเมืองเทียนซูที่อยู่ห่างออกไป เว่ยซูหานสวมเสื้อคลุมยืนอยู่ข้างหน้าต่างที่เปิดอยู่และปล่อยนกพิราบตัวหนึ่งออกไป ทอดสายตามองค่ำคืนที่เต็มไปละอองฝนโปรยปราย ผ่านไปนานก็ปิดหน้าต่างลง
เป่าลมดับเทียนเบาๆ แล้วกลับไปนอนที่เตียง เอามือรองท้ายทอย หลับตาลงฟังเสียงฝนนอกหน้าต่าง คิดถึงใครบางคนในอ้อมแขน คืนนี้จึงนอนไม่หลับ สงสัยจะมีใครบางคนเป็เหมือนเขาหรือไม่?
ที่นี่ฝนตกแล้ว ไม่รู้ว่าที่จวนจะตกด้วยหรือไม่ ชิงเอ๋อร์จะพักผ่อนหรือยัง จะคิดถึงเขาหรือไม่... แต่อย่าอ่านหนังสือจนถึงดึกก็พอ ทั้งๆ ที่เขาเป็คนที่ชอบกังวลเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขากลับไม่ดูแลตัวเอง
เพราะสภาพอากาศ เมื่อมาถึงเมืองเทียนซูอากาศไม่แจ่มใส ต้องใช้เวลามากกว่าห้าวันเกือบหกวันกว่าขบวนเดินทางจะมาถึงเมืองเทียนซู นอกจากใช้เวลานานแล้ว ทุกอย่างก็ราบรื่นดี
รถม้าหยุดอยู่ข้างถนน เว่ยซูหานเริ่มสวมเสื้อกันฝนบนรถม้า และทำตามคำแนะนำของอิ้งหลี
“พี่รอง ข้าส่งพวกเ้าที่ตรงนี้นะ หลังจากเข้าเมืองแล้วจะมีคนมารับ ต่อจากนี้จะเป็อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพี่รองแล้ว”
อิ้งหลีพยักหน้า “ข้ารู้ เดินทางลำบากมาตลอดทาง เื่ในจวนต่อไปยังต้องรบกวนซูหานและชิงเอ๋อร์”
“ครอบครัวเดียวกัน เ้าไม่ต้องเกรงใจ เช่นนั้นข้าลงจากรถแล้ว”
หลังจากพูดจบ เว่ยซูหานก็ลงจากรถ ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนและดูพวกเขาเข้าไปในเมืองก่อนที่จะสวมเสื้อกันฝนสีดำแฝงตัวเข้าไปในฝูงชน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขายังเข้าไปในเมืองในตอนนี้ไม่ได้ อันดับแรกเขาควรหาที่ตั้งหลักนอกเมืองก่อน นอกเมืองยังมีโรงเตี๊ยมเล็กๆ หลายแห่ง เป็ที่นอนของผู้ที่ไม่สะดวกจะเข้าเมืองในตอนกลางคืน
อันที่จริงแล้วถ้าไม่ใช่เพราะมีเื่ต้องจัดการ เขาคงอยากจะขี่ม้ากลับเมืองฝูซังเสียตอนนี้ แต่เมื่อเขาเข้าไปในห้องของโรงเตี๊ยมก็เห็นจิงโม่มาส่งจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของชิงเอ๋อร์ที่ จึงต้องเปลี่ยนแผนการเดินทาง
