ทั้งสองกอดรัดคลอเคลียอยู่ด้วยกันครึ่งวัน หลิ่วเทียนฉีถึงอุ้มอีกฝ่ายเข้าไปในถังอาบน้ำ อาบน้ำ นวดเฟ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แล้วพาไปโถงด้านหน้าเพื่อรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันกับบิดา
“นายน้อยเจ็ด นายน้อยเฉียว!” เห็นทั้งสองคนจูงมือเดินเข้ามาที่โถงด้านหน้า หลิ่วถงก็รีบก้าวเข้าไปทักทาย
“ลุงถง...” ทั้งสองคนเอ่ยปากและยิ้มทัก
“ท่านพ่อ!”
“ท่านอาหลิ่ว!” เดินมาถึงหน้าโต๊ะอาหารก็คำนับหลิ่วเหอ
“อืม มาพอดี รีบนั่งลงกินข้าวกันเถอะ!” หลิ่วเหอมองเด็กทั้งสองคนทีหนึ่งก่อนส่งสัญญาณให้นั่งลง
“ขอรับ ท่านพ่อ!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้า จูงมือเฉียวรุ่ยนั่งลงด้วยกัน
“หลิ่วถง ให้ห้องครัวต้มข้าวต้มเม็ดบัวมาด้วย!” หลิ่วเหอมองรอยจูบบนคอเฉียวรุ่ยก่อนหันไปสั่ง
“ขอรับ!” หลิ่วถงขานรับ หัวเราะพลางมองเฉียวรุ่ยกับหลิ่วเทียนฉีทีหนึ่งแล้วหมุนตัวออกไป
ได้ยินคำสั่งของหลิ่วเหอ ไหนจะโดนลุงถงมองด้วยสายตาเช่นนั้น เฉียวรุ่ยก็หน้าแดงทันที
“ท้องหิวแล้วสินะ? กินอะไรหน่อยเถิด!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางคีบอาหารให้เฉียวรุ่ยด้วยตนเอง
“อื้อ!” เฉียวรุ่ยก้มศีรษะกินเงียบๆ เขินอายจนไม่กล้าเงยหน้า
“ฉีเอ๋อร์ เสี่ยวรุ่ย พ่อมีบางเื่อยากหารือกับพวกเ้าสองคนสักหน่อย!” หลิ่วเหอเอ่ยปาก มองไปทางเด็กทั้งสองอย่างเคร่งขรึม
“ท่านพ่อ โปรดเอ่ยมาเถิด!” เห็นหลิ่วเหอท่าทางจริงจัง หลิ่วเทียนฉีก็ตั้งใจฟังทันที
เฉียวรุ่ยที่กินอยู่ก็รีบวางตะเกียบลง มองไปทางหลิ่วเหอเช่นกัน
“เื่เป็เช่นนี้ อีกสี่เดือนจะเป็วันเปิดรับสมัครที่สิบปีมีครั้งหนึ่งของวิทยาลัยเซิ่งตูแล้ว ดังนั้นพ่อจึงอยากถามพวกเ้าสองคนว่าคิดจะเข้าวิทยาลัยเซิ่งตูหรือไม่?”
“เื่นี้หรือ?” เฉียวรุ่ยกะพริบตาปริบๆ มองไปทางหลิ่วเทียนฉี
“สิบปีก่อน พี่ใหญ่กับพี่รองสอบเข้าวิทยาลัยเซิ่งตูไปแล้ว ครั้งนี้วิทยาลัยเซิ่งตูเปิดรับสมัครศิษย์ คิดว่าพี่สาม พี่สี่ พี่ห้าและพี่หกก็คงไปสมัครด้วย ในฐานะลูกหลานตระกูลหลิ่ว ฉีเอ๋อร์ย่อมไม่ยินดีล้าหลังผู้อื่น ลูกยินดีพาเสี่ยวรุ่ยไปสอบเข้าวิทยาลัยเซิ่งตูด้วยกันขอรับ” หลิ่วเทียนฉีเอ่ยจริงจัง แสดงจุดยืนของตน
วิทยาลัยเซิ่งตูเป็วิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นจินอวี่ และเป็สถานที่ซึ่งนางเอกกับพระเอกรู้จักกันและก้าวผงาดขึ้นมา สถานที่ดีๆ เช่นนี้ หลิ่วเทียนฉีย่อมไม่พลาดแน่นอน
“ดี ลูกพ่อมีความตั้งใจเช่นนี้ พ่อดีใจยิ่งนัก” ได้ยินลูกชายเอ่ย หลิ่วเหอก็พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ
“เทียนฉี ข้า ข้าเป็บุรุษสองเพศนะ!” เฉียวรุ่ยดึงชายเสื้อหลิ่วเทียนฉีพลางเอ่ยเสียงเบา
ที่แคว้นจินอวี่ ฐานะของบุรุษสองเพศต่ำต้อยยิ่งนัก แม้ในตระกูลใหญ่ก็ไม่ยินดีเสียเงินอบรมสั่งสอนบุรุษสองเพศ แล้ววิทยาลัยเซิ่งตู สำนักศึกษาอันดับหนึ่งของแคว้นจินอวี่ บุรุษสองเพศอย่างเขาเข้าเรียนจะเหมาะสมหรือ?
“แล้วอย่างไรเล่า? เ้าเป็ภรรยาข้า หากข้ามีกำลังพอ สิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดบนโลกนี้ข้าล้วนอยากเอามาวางตรงหน้าเ้า” หลิ่วเทียนฉีจ้องคนรักก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง
“เทียนฉี!” ได้ยินดังนั้น เฉียวรุ่ยก็ซาบซึ้งจนขอบตาแดงเรื่อ
“เสี่ยวรุ่ยไม่ต้องกังวล วิทยาลัยเซิ่งตูรับลูกศิษย์จากพลัง ขอเพียงพลังของเ้ามากพอ พวกเขาไม่สนหรอกว่าเ้าเป็หรือไม่เป็บุรุษสองเพศ” หลิ่วเหอเอ่ยปลอบเสียงเบา
“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้วอาหลิ่ว!” เฉียวรุ่ยพยักหน้าตอบกลับ
“ยังมีเวลาอีกสี่เดือน พวกเ้าสองคนต้องใช้พลังให้ดี ดีที่สุดเพิ่มพลังอีกสักหน่อย เช่นนั้นก่อนสอบเข้าวิทยาลัยเซิ่งตูคงทำให้พวกเ้ามั่นใจขึ้นอีกนิด” หลิ่วเหอเอ่ยพลางส่งถุงเก็บของใบหนึ่งให้
“ท่านพ่อ!” หลิ่วเทียนฉีเห็นถุงใบนั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ทุกครั้งล้วนต้องใช้ศิลาทิพย์ที่บิดามอบให้ มันรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างจริงๆ นะ?
“รับไป นี่เป็ศิลาทิพย์สามหมื่นก้อนที่พ่อเตรียมไว้ให้เ้ากับเสี่ยวรุ่ย พวกเ้าสองคนต้องฝึกฝนให้ดีๆ สามเดือนให้หลัง ตระกูลจะส่งคนคุ้มครองพวกเ้าพี่น้องห้าคนไปนครเซิ่งตู”
“ห้าคน? ทำไมห้าคนเล่า?” หลิ่วเทียนฉีมองบิดา แสร้งทำหน้าฉงน
“พี่หกของเ้า ตอนออกไปฝึกวิชาข้างนอกก็จบชีวิตลงเสียแล้ว!” พูดพลางถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง
“พี่หกตายแล้วหรือ?” ได้ยินข่าวนี้ เขาทำท่าตื่นตะลึงอย่างที่สุด
“ใช่ ตายไปครึ่งปีแล้ว!” พูดถึงเื่นี้ หลิ่วเหอก็เสียใจอย่างยิ่ง
“อ้อ!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้ารับเล็กน้อย