“ผู้สอบซูเหยียน ลงสนามทดสอบได้!”
ซูเหยียนเดินลงสนามด้วยท่วงท่าสง่างามและอ่อนช้อยมือทั้งสองข้างปล่อยลงแนบลำตัวมุ่งตรงไปทางผู้คุมการสอบแล้วโค้งตัวคำนับหนึ่งครั้ง
“เริ่มเลยแล้วกัน ซูเหยียน”
“ค่ะ ท่านอาจารย์”
นางหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับกระสอบทรายถุงใหญ่ทันใดนั้นพลังภายในร่างก็เริ่มไหลทะลักขึ้นมาพลังเมฆาเพลิงัได้โหมซัดก่อตัวขึ้นทำให้ทั้งสนามอึกทึกครึกโครมอย่างน่าเกรงขามหมัดเล็กๆ ยกขึ้นชกเข้าที่กระสอบทรายอย่างรุนแรง จากนั้นตามด้วยการถีบซ้ำเข้าไปแล้วบิดตัวเอาเรียวขายาวขาวเนียนละเอียดเตะไปด้านข้างพร้อมกับเปลวไฟ!
“ปัง!!!”
ไม่นึกเลยว่ากระสอบทรายจะถูกเตะจนแตกทรายด้านในไหลทะลักลงมากองที่พื้น...
“หืม?” นางใเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ขอโทษค่ะอาจารย์…”
ผู้คุมสอบก็ตกตะลึงนิ่งไป“ไม่ ไม่เป็ไร…”
เสียงประกาศคะแนนดังขึ้น“ผู้สอบซูเหยียน พลังหมัด 480 ชั่ง ถีบตรง 601 ชั่ง เตะข้าง 622 ชั่ง พละกำลังโดยเฉลี่ย 568ชั่ง ได้คะแนนเต็ม!”
เสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นทั่วทุกสารทิศศิษย์ส่วนใหญ่ต่างชื่นชมนับถือจนแทบจะลงไปคุกเข่าคารวะกับพื้นแล้ว
ซูเหยียนหัวเราะร่าพร้อมกับเดินออกจากสนามและเดินมาหยุดตรงหน้า พูดพลางทำสีหน้าทะเล้น “เป็อย่างไรล่ะสุดยอดไปเลยใช่หรือเปล่า? คราวนี้ยอมรับความจริงได้หรือยังเรียกข้าว่าพี่ซูเร็วเข้าสิ”
ข้าคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกไป“ป้าซู…”
“เฮ้ย! เ้าบ้า นี่เ้าอยากตายใช่ไหม…”
ขณะที่ซูเหยียนกำลังเหวี่ยงหมัดเล็กๆมาที่ข้าถึงสามที ผู้คนรอบๆ ต่างจ้องมองด้วยสีหน้าหมั่นไส้เหมือนอยากจะฆ่าข้าให้ตายเสียอย่างนั้น
ลำดับต่อไปคือถังเชวียหราน472ชั่ง ตั้นไถเหยา 387 ชั่ง และหลิวถงเอ๋อร์ 500ชั่ง ทั้งหมดล้วนผ่านการประเมินผลด้วยคะแนนเต็มซึ่งกลุ่มของพวกเรามีเพียงซ้งเชียนเท่านั้นที่ไม่ได้คะแนนเต็ม
…
เข้าสู่่ที่สองของการทดสอบความเร็ว
การพุ่งเข้าไปที่เส้นชัยในระยะทางหนึ่งร้อยเมตรช่างเป็เื่ที่ง่ายมาก
ข้าเป็ศิษย์คนแรกในการทดสอบนี้รวมทั้งผู้เข้าร่วมคนอื่นอีกห้าคน เมื่อเสียงกระดิ่งสัญญาณดังขึ้นทั้งห้าคนก็รีบพุ่งตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแต่ยิ่งวิ่งไปเรื่อยความเร็วของพวกเขาก็ค่อยๆ ลดลงสุดท้ายจึงเป็ข้าที่เข้าถึงเส้นชัยคนแรก ใช้เวลาไป 7.1 วินาที แน่นอนว่าได้คะแนนเต็ม!
ทุกคนต่างตะลึงงันคาดไม่ถึงว่าศิษย์สำรองจะได้คะแนนเต็มติดต่อกันถึงสองรายการ
หลังจากนั้นตั้นไถเหยาก็เข้าร่วมการทดสอบ
นางได้รับการยอมรับว่าเป็หนึ่งในสามสาวงามของโรงเรียนด้วยเหตุนี้จึงสามารถดึงดูดความสนใจได้มากด้วยเครื่องแบบของศิษย์ผู้หญิงที่เป็กระโปรงสั้นถึงเข่าแล้วแบบนี้จะไม่ให้คนอื่นมองได้อย่างไร?
สวบ!
นางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งพายุก่อนจะถึงเส้นชัยเป็คนแรกชายกระโปรงปลิวขึ้นเผยให้เห็นสะโพกที่โค้งงอนสวยงามสมบูรณ์แบบ ‘พรึบ’มีแสงสว่างส่องจากที่ไกลออกไปไม่นึกเลยว่าจะมีผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมซ่อนอยู่ในกลุ่ม!
หลังจากนั้นนอกจากซ้งเชียนแล้วทุกคนล้วนก็ได้คะแนนเต็มเร็วที่สุดเห็นทีจะเป็ข้าที่ทำได้ถึง 7.1 วินาทีนี่แทบจะเป็สถิติที่ศิษย์ใหม่ยากที่จะได้ แม้กระทั่งซูเหยียนก็ใช้เวลาไปถึง 7.3วินาที ด้วยเหตุนี้จึงยืนยันฉายาที่ตั้นไถเหยาตั้งไว้เป็อย่างดีเมื่อพูดถึงเื่ฉายาที่นางตั้งให้มันก็เยอะแยะจนจำไม่ได้
สนามที่สามพลังการมองเห็น
มีการเปลี่ยนสนามไปที่ห้องมืดเพื่อการสอบครั้งนี้
มีผู้ช่วยสองคนกำลังเดินออกมาจากห้องมืดพร้อมกับถือกล่องลังไว้ ในกล่องนั้นเต็มไปด้วยเศษไม้ที่แตกละเอียดจากนั้นผู้คุมสอบก็ได้พูดอธิบายให้กับศิษย์หลายร้อยที่อยู่ตรงนั้น“ภายในห้องมืดจะมีเครื่องจักรที่ถูกควบคุม ให้โจมตีลูกบอลไม้ ทั้งหมดมี 10 ลูก หนึ่งลูกเท่ากับหนึ่งคะแนนถ้าใครสามารถทำลูกบอลไม้ทั้งหมดแตกละเอียดเท่ากับได้คะแนนเต็ม มาเริ่มกันเถอะผู้สอบคนแรก ตั้นไถเหยา!”
ตั้นไถเหยาทำสีหน้าบึ้งตึงพูดไป“ข้าไม่มีกระบี่ิญญาแล้วข้าจะเอาอะไรไปฟันมันให้แตกล่ะ?”
ผู้คุมสอบยื่นดาบฝึกเล่มหนึ่งให้“ใช้ไอ้นี่สิ...”
ตั้นไถเหยาถึงกับพูดไม่ออก
ผ่านไปเพียงสิบวินาทีนางก็เดินออกมา ตามด้วยเสียงประกาศ “ตั้นไถเหยา หนึ่งคะแนน!”
“ชิ…”
ซูเหยียนกับถังเชวียหรานแทบกระอักเื
“ศิษย์สำรองปู้อี้เชวียน เตรียมตัวให้พร้อม!”
ข้าพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปก่อนจะผายมือเรียกกระบี่คมจันทราออกมาในฐานะผู้ฝึกฝนิญญาทางด้านการใช้กระบี่ถือเป็ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งทันทีที่เห็นกระบี่คมจันทรา ตั้นไถเหยาก็ชักสีหน้าเหมือนอยากจะแย่งมันออกไป
ภายในห้องมืดมีเพียงแสงไฟสลัวคล้ายกับตอนกลางคืนความจริงการสอบรอบนี้เป็การทดสอบพลังการมองเห็น แต่จริงๆแล้วกลับเป็การทดสอบความสามารถของการต่อสู้ในตอนกลางคืนมากกว่า
และแน่นอนว่าข้านั้นมีความชำนาญในการต่อสู้ตอนกลางคืนอย่างมากวิชาั์ตาเวทที่ถูกจดบันทึกลงในตำราปราบิญญาของตระกูลปู้เดิมทีคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการทำายามค่ำคืนนั่นเอง
สวบ!
ทั่วทุกมุมห้องมืดสนิทมีเพียงเสียงสปริงจากเครื่องยิงลูกบอลไม้ดังขึ้นเท่านั้น
เมื่อใช้กระบี่คมจันทรากวัดแกว่งก็สามารถผ่าลูกบอลไม้ออกได้สบายๆทันทีที่แสงของกระบี่พุ่งขึ้นท่ามกลางความมืด ลูกบอลไม้ก็ทยอยแตกละเอียด
“ศิษย์สำรองปู้อี้เชวียน คะแนนเต็ม!” ผู้คุมสอบประกาศก้อง
ทุกคนล้วนตกตะลึงกันอีกรอบ
หลังจากนั้นซูเหยียนจึงลงสนามนางยิ้มก่อนจะเดินเข้าสนามสอบไป ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันอ่อนหวาน
“ผู้เข้าสอบซูเหยียน คะแนนเต็ม!”
ตั้นไถเหยาได้แต่อึ้งจึงถามขึ้น“เสี่ยวเหยียน เ้าทำได้อย่างไรหรือว่าเ้ามีพลังการมองเห็นในความมืดเหมือนกับอาจารย์ปู้?”
“ไม่มีนะ…”
ซูเหยียนย่นคิ้วพลางยิ้มพูดขึ้น“หลังจากที่ข้าเข้าไปในห้องมืดข้าก็ใช้พลังของเมฆาเพลิงัทำให้เกิดแสงส่องสว่างขึ้นในห้องจึงผ่านได้อย่างสบายๆ ไงล่ะ”
ตั้นไถเหยาสีหน้าท่าทางแค้นใจ“ข้าไม่ยอม!”
…
การทดสอบสนามที่สามจบลงโดยมีศิษย์ที่ได้คะแนนเต็มเพียงแค่ไม่กี่คน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็ข้าถัดไปเป็การสอบข้อเขียนสองวิชา คือพลังิญญาพื้นฐานและพื้นฐานการใช้ปืนผาหน้าไม้ ซึ่งจะอยู่รวมกันในข้อสอบชุดเดียว
นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าได้เข้ามาในห้องเรียนของสำนักหมื่นิญญาผนัง้ามีคำขวัญสอนใจติดไว้ว่า ‘องอาจ ห้าวหาญ และยึดเหนี่ยวในการมุ่งแสวงหา’ด้านข้างมีภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียงในแผ่นดินใหญ่หลงหลิงติดเอาไว้ด้วยหนึ่งในนั้นมีรูปของซูเหวินเทียนที่รู้จักกันในนามจักรพรรดิของหลงหลิงและผู้ก่อตั้งของพันธมิตรนักปราชญ์ขาวของตระกูลซู ดูๆแล้วควรจะนับว่าเป็บรรพบุรุษของซูเหยียนที่อายุราวร้อยปีก็ได้
ทุกคนนั่งลงรอผู้คุมสอบแจกกระดาษข้อสอบ ข้ามองไปรอบๆ จึงพบว่าซูเหยียนและตั้นไถเหยาก็นั่งอยู่ในห้องนี้แถมซูเหยียนยังนั่งถัดไปจากข้าด้วย พรหมลิขิตมันช่างมหัศจรรย์เสียจริงนางหันหน้ามองข้าพลางยิ้มถามอย่างเป็ห่วง “ไหวไหม?”
“แน่นอน มีอะไรที่ข้าจะทำไม่ได้ล่ะ”
ข้าตอบอย่างมั่นใจแม้จะไม่ได้เข้าเรียนทว่าั้แ่เด็กข้าได้ศึกษาตำราเื่พลังิญญาพื้นฐานมากกว่าสิบเล่มอย่างละเอียดแล้วส่วนปืนผาหน้าไม้พื้นฐาน อันนี้ต้องพึ่งโชคชะตาแล้วล่ะเพราะข้ายังไม่เคยััอาวุธพวกนั้น หรือแม้แต่ตำราก็เคยอ่านไปเพียงไม่กี่ครั้ง
…
ข้อสอบชุดแรกเป็พลังิญญาพื้นฐานซึ่งข้าทำเสร็จอย่างรวดเร็ว
ข้อสอบชุดที่สองคือความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับปืนผาหน้าไม้...ชักไม่แน่ใจแล้วล่ะเดาเอาก็แล้วกัน!
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนข้าตรวจคำตอบไปแล้วถึงสองรอบ เมื่อระฆังหมดเวลาดังขึ้นอาจารย์จึงทยอยเก็บกระดาษคำตอบไป ซูเหยียนลุกขึ้นตบบ่าของข้าเบาๆ แล้วยิ้มขึ้น“ไปกันเถอะ บ่ายนู่นแหละการตรวจคะแนนถึงจะเสร็จพวกเราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า...ใช่สิ ด้านหลังกระดาษคำตอบมีคำถามยากๆอยู่อีกสองสามข้อ เ้าทำได้ไหม?”
เพียงแค่ได้ยินคำถามตัวของข้าก็เหมือนจะแข็งเป็หินเพราะแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ “เฮ้ย ด้านหลังมีคำถามด้วยเหรอ?”
ซูเหยียนเองก็นิ่งตะลึงไปเหมือนกัน
ตั้นไถเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก“ถ้าอย่างนั้น...ในที่สุดการสอบข้อเขียนของข้าก็สามารถเปลี่ยนเกมกลับมาได้แล้วสินะอาจารย์ปู้ เ้าแพ้แล้วล่ะ...”
ข้า“...”
การจะติดหนึ่งในสิบครั้งนี้สงสัยคงต้องพึ่งดวงเสียแล้ว!
…
ในตอนเที่ยงซูเหยียนที่กลัวว่าข้าจะไม่อิ่มเลือกที่จะพาออกไปเลี้ยงข้าวนอกสำนักแทนที่จะกินในโรงอาหาร
ประมาณบ่ายสามทางสำนักก็ประกาศผลการทดสอบ
ศิษย์หลายร้อยคนต่างกรูกันไปใต้อาคารเรียนซึ่งผู้คุมสอบจากเมื่อเช้ากำลังนำผลการทดสอบมาติดไว้กระดาษสีแดงแผ่นนั้น้ามีการเขียนตัวอักษรเล็กๆ สีดำอัดแน่นยาวเหยียดลงมาทว่าด้านข้างยังมีอีกแผ่นถูกเขียนด้วยหมึกสีทองซึ่งเป็รายชื่อของศิษย์ที่ติดสิบอันดับแรกทุกคนต่างตื่นเต้นขึ้นมาชั่วขณะ ซูเหยียนจับแขนเสื้อของข้าแล้วลากให้เดินตามนางไป“รีบมาดูเร็วว่ามีเ้าไหม!”
ทุกคนต่างตั้งใจดูรายชื่อของศิษย์สิบอันดับแรกที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า
อันดับที่หนึ่งซูเหยียน 50 คะแนน
อันดับที่สองถังเชวียหราน 49 คะแนน
อันดับที่สามหวังอี้ 47คะแนน
อันดับที่สี่หลี่สวิน 47 คะแนน
อันดับที่ห้าหลิวถงเอ๋อร์ 46 คะแนน
อันดับที่หกไอเวย 45คะแนน
อันดับที่เจ็ดถงเสวี่ย 44 คะแนน
อันดับที่แปดลู้โหย่วหลิน 42 คะแนน
อันดับที่เก้าตั้นไถเหยา 41 คะแนน
อันดับที่สิบปู้อี้เชวียน 40 คะแนน
…
ข้าทั้งมีความสุขและรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกในที่สุดก็ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกสักที!
ซูเหยียนดูเหมือนว่าจะดีใจกว่าข้าอีกนางะโโลดเต้นหัวเราะร่าขึ้น “เ้าคนกินจุ มาดูเร็ว เ้าติดอันดับแล้วถึงแม้ว่าจะได้ที่หนึ่งถ้านับจากอันดับสุดท้ายแต่ก็ยังอยู่ในสิบอันดับแรกนะสุดยอด! แบบนี้พวกเราสามารถเลือกเข้าห้องไหนก็ได้ในสำนักจวี๋ฉีแล้วสิ!”
ข้าพยักหน้ารับ“อืม ข้าเองก็ดีใจมากเหมือนกัน เดี๋ยวมื้อเย็นข้าเลี้ยงเอง”
“ดี!”
ไม่ไกลนักหลี่สวินก็ปรากฏตัวออกมายืนดูผลการประกาศอยู่ครู่หนึ่งเขาค่อนข้างภูมิใจและผิดหวังเล็กน้อย จึงส่ายหัวพูดขึ้น“นึกไม่ถึงเลยว่าแค่สี่สิบคะแนนก็สามารถติดในสิบอันดับแรกได้ ดูแล้วศิษย์ใหม่รุ่นนี้ศักยภาพคงจะไม่เท่าไรหรอก”
ซูเหยียนโกรธเป็ฟืนเป็ไฟขึ้นทันทีอยากจะออกไปมีเื่ให้ได้ ทว่าถูกข้ารั้งไว้เสียก่อน “อย่าเลยเถียงกับคนแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ช่างมันเถอะวันข้างหน้าก็ต้องเจอกันที่สำนักจวี๋ฉีอยู่ดี ถึงเวลานั้นคงมีโอกาสได้เล่นงานแน่ๆ”
“อืม ข้าจะเล่นงานให้อย่างสาสมเ้าคนที่ชื่อหลี่สวินนี่มันวอนหาเื่จริงๆ!”
ข้าเงยหน้าไล่หาชื่อของซ้งเชียนอย่างละเอียดอีกครั้งหาอยู่ครู่หนึ่ง ในสุดก็หาเจอที่อันดับที่ 332 เ้าคนนี้ในการทดสอบสามครั้งแรกก็ดูธรรมดาแต่สุดท้ายกลับสอบข้อเขียนได้คะแนนเกือบเต็มคะแนนส่วนนี้คงช่วยดึงกลับขึ้นมาได้ไม่น้อย ถ้ายึดตามการจัดอันดับแล้วล่ะก็เขาคงจะเข้าสำนักจวี๋ฉีกับสำนักจิงอิงไม่ได้ แต่ถ้าเข้าสำนักขั้นสูงก็คงไม่มีปัญหาแบบนี้ก็ดี เพราะถึงอย่างไรอาจารย์ที่สำนักขั้นสูงก็มีมาตรฐานสูงกว่าสำนักขั้นกลางและสำนักขั้นต้นอย่างมาก
ขณะนั้นเองก็มีอาจารย์ยืนประกาศเสียงดังกังวานอยู่บนตึก“ขอความกรุณาศิษย์ที่อยู่ในสิบอันดับแรกไปที่หอประชุมด่วนเพื่อการทดสอบจากศิษย์ดีเด่นของสำนักจวี๋ฉี”
ในที่สุดก็มาถึงจนได้!
เมื่อข้ากับซูเหยียนเดินหลีกออกมาจากศิษย์นับร้อยไม่ไกลนักก็มีกลุ่มคนเดินตรงเข้ามา เขาคนนั้นคือจวงเหิงซิ่ง เฉิ่นลั้งพร้อมกับไอลาและคนอื่นๆ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอวดดีจนทำให้ข้าโมโห“ปู้อี้เชวียน ดูเหมือนว่าเ้าจะไม่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกสินะ?”
ข้าหัวเราะขึ้น“คงทำให้เ้าผิดหวังแล้วสินะ ข้านี่แหละอันดับสิบ!”
สายตาของเขาร้อนระอุ“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน คอยดูเถอะ เมื่อถึงเวลาข้าจะเรียกท้าเ้าเองและครั้งนี้จะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด ข้าจะทำให้ทั้งโรงเรียนเห็นว่าศิษย์ใหม่อันดับสิบอย่างเ้าพ่ายแพ้ให้กับกระบี่ของข้าเหมือนหมา เ้าคอยดู!”
ข้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น“ใครจะเป็คนหรือเป็หมาเดี๋ยวก็จะได้รู้กันเพราะข้าก็คงจะไม่ออมมือให้กับเ้าเหมือนกันข้าก็อยากจะรู้นักว่าอันดับสี่ของสำนักจวี๋ฉีอย่างเ้าแท้จริงจะมีความสามารถสักแค่ไหนกันเชียว”
ไอลาขมวดคิ้วสายตาจับจ้องไปที่ซูเหยียนพลางพูด“ซูเหยียน เ้าเป็ถึงศิษย์ใหม่อันดับหนึ่งและเป็ผู้สืบทอดเพลงกระบี่เมฆาเพลิงัข้าก็ได้แต่หวังว่าเ้าจะไม่เลือกคบเพื่อนผิด เพราะคนที่มีพลังสูงๆอย่างเ้าควรจะคบหากับคนที่ดีกว่านี้ถึงจะถูก”
ซูเหยียนก้มหน้าลงต่ำครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาคู่ใสไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล“ไอลา ข้าก็อยากจะบอกเ้าสักประโยคเหมือนกัน คนที่มีพลังระดับเ้าก็ควรจะคบหากับคนไม่ใช่กับหมานะ”
“เ้าว่าอะไรนะ?!” จวงเหิงซิ่งตวาดด้วยความโกรธ“ซูเหยียน เ้าว่าข้าเป็หมาอย่างนั้นเหรอ?
“แล้วถ้าเ้าไม่ใช่หมา ทำไมเมื่อกี้ถึงต้องพูดจาและมีท่าทีดุร้ายกัดจิกปู้อี้เชวียนล่ะ?”สายตาของซูเหยียนเรียบเฉยทว่ากระบี่เพลิงกัลป์ในมือกลับถูกเรียกออกมาแล้ว “โกรธเหรอ? อยากจะสู้กับข้าไหมล่ะ?เข้ามาสิ ข้ากำลังว่างอยู่พอดี!
จวงเหิงซิ่งไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้