บทที่ 1 ลมหายใจใหม่
ความเ็ป...
นั่นคือสิ่งแรกที่ ดร.ลู่เมิ่ง ััได้มันไม่ใช่ความเ็ปจากการะเิที่ฉีกร่างเธอ เป็ชิ้นๆ ในห้องแล็บ แต่เป็ความเ็ปอันเยียบเย็นที่เสียดแทงเข้ากระดูกทุกข้อ ราวกับถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งนับพันปี กลิ่นอับชื้นของดินและไม้ผุพังปะทะเข้าจมูกอย่าง รุนแรง พร้อมกับกลิ่นคาวเืจางๆ และไอแห่งความป่วยไข้ที่ลอยอวลอยู่ในอากาศ
เปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตะกั่วค่อยๆ ปรือขึ้น ภาพที่เห็นพร่าเลือน ก่อนจะค่อยๆ รวมตัวกันเป็ภาพของหลังคามุงจากที่ผุพังจนเห็นแสงดาวริบหรี่ลอด ผ่านลงมาได้ ลำแสงสีเงินเย็นเยียบอาบร่างของเด็กชายตัวเล็กผอมเกร็งคนหนึ่งที่นอนขดอยู่ข้างๆ เสียงไอโขลกๆ ของเขาดังสะท้อนในความเงียบแต่ละครั้ง ราวกับค้อนที่ทุบลงบนหัวใจของเธอ
ติ๊ง!
[กำลังเชื่อมต่อระบบประสาทัั... การเชื่อมต่อสมบูรณ์ 100%]
[ตรวจสอบไบโอเมตริกของโฮสต์... อัตราการเต้นของหัวใจ 45 ครั้งต่อนาที อุณหภูมิร่างกาย 35.2 องศาเซลเซียส... คำเตือน สภาวะไฮโปเธอร์เมียขั้นรุนแรงและภาวะขาดสารอาหารรุนแรง]
เสียงสังเคราะห์ที่ไร้อารมณ์ดังขึ้นในหัวของเธอโดยตรง มันคือ "ระบบเทียนฉี่" เอไอคู่หูที่เธอพัฒนาขึ้นเอง มันคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่จากโลกใบเก่า เทียนฉี่ ที่มีความหมายว่า การเปิดเผยจาก์ หรือ Apocalypse คือสุดยอดเทคโนโลยีที่กลายเป็เศษเสี้ยวสุดท้ายแห่งตัวตนของเธอ
"เทียนฉี่... ที่นี่ที่ไหน?" ลู่เมิ่งพยายามเอ่ยถาม แต่สิ่งที่ออกมาจากลำคอแห้งผากกลับเป็เพียงเสียงกระซิบแหบพร่า ร่างกายนี้... ไม่ใช่ของเธอ มันเล็ก ผอมบาง และอ่อนแอจนน่าใจหาย ความทรงจำที่ขาดวิ่นของเ้าของร่างเดิมไหลบ่าเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตก
อาลู่... เด็กสาวกำพร้าวัยสิบห้าปี อาศัยอยู่กับน้องชาย อาเป่า ในกระท่อมท้ายหมู่บ้านที่แทบจะพังมิพังแหล่แห่งนี้ บิดามารดาตายจากโรคระบาดไปเมื่อปีก่อน ทิ้งไว้เพียงหนี้สินก้อนโตที่กู้ยืมมาจาก หัวหมู่จ้าว ผู้มีอิทธิพลที่สุดในหมู่บ้าน
[วิเคราะห์ข้อมูลโดยรอบ... อ้างอิงจากฐานข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สันนิษฐานว่าโฮสต์ได้ทำการย้ายมิติมายังยุคที่คล้ายคลึงกับราชวงศ์เทียนหลงของจีน ]
"ราชวงศ์เทียนหลง... บ้าไปแล้ว" เธอแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยันโชคชะตา จากนักวิทยาศาสตร์ระดับโนเบล กลายมาเป็เด็กสาวชาวบ้านในยุคโบราณที่ไม่มีแม้ แต่ข้าวสารจะกรอกหม้อ
"แค่ก... แค่กๆ ... พี่หญิง... ท่านฟื้นแล้วหรือ" เสียงแหบแห้งของอาเป่าดังขึ้น เด็กชายพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ก็ทำได้เพียงนอนหอบหายใจอยู่บนกองฟางเก่าๆ ใบหน้าเล็กๆ ซีดเผือด ริมฝีปากแตกแห้ง ดวงตาที่เคยสดใสบัดนี้หม่นแสงลงอย่างน่าใจหาย
[สแกนไบโอเมตริกของบุคคลข้างเคียง... ชื่อ อาเป่า อายุ 7 ปี... การวินิจฉัย โรคปอดบวมเฉียบพลันร่วมกับภาวะขาดสารอาหารขั้นวิกฤต อัตราการรอดชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง 3.7%]
ตัวเลข 3.7% นั้นราวกับกริชน้ำแข็งที่ทิ่มแทงเข้ามาในใจของลู่เมิ่ง ความรู้สึกสิ้นหวังถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรงจนเธอแทบหยุดหายใจ ในโลกที่ไม่มีเพนิซิลลิน ไม่มีโรงพยาบาล ไม่มีแม้แต่อาหารดีๆ โรคปอดบวมก็ไม่ต่างอะไรจากคำพิพากษาปะา
ทันใดนั้น!
ปัง!
ประตูไม้ที่ผุพังถูกถีบออกอย่างแรงจนบานพับหลุดกระเด็น ร่างท้วมใหญ่ของชายวัยกลางคนในชุดผ้าไหมหยาบๆ ก้าวเข้ามาพร้อมกับลูกสมุน อีกสองคน แสงคบไฟในมือสาดส่องเผยให้เห็นใบหน้ามันวาวและรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ของหัวหมู่จ้าว
"นังเด็กอาลู่! นึกว่าเ้าจะตายไปแล้วเสียอีก! ดี! ฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว จะได้มาจัดการเื่หนี้สินของพ่อแม่เ้าเสียที!" เสียงตวาดของมันดังลั่นกระท่อม
ลูกสมุนสองคนกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะหัวเราะเยาะ
"หัวหน้า ดูสภาพจากกระท่อมหมานอนนี่สิ คงไม่มีอะไรให้ยึดแล้วกระมังขอรับ"
หัวหมู่จ้าวแค่นเสียงในลำคอ "ไม่มีของ... ก็ยังมีคน! น้องชายของมันก็หน้าตาจิ้มลิ้มดี ถึงจะป่วยใกล้ตาย แต่พวกโรงหมอเถื่อนอาจจะอยากได้ไปทำยา ส่วนตัวมัน... ถึงจะผอมแห้งไปหน่อย แต่ก็ยังพอขายเข้าหอนางโลมชั้นต่ำได้บ้าง!"
คำพูดของมันโเี้ไร้ความปรานีราวกับสัตว์เดรัจฉาน อาลู่... หรือลู่เมิ่งในร่างนี้ กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธแค้นและความกลัวปะทุขึ้นมาพร้อมกัน ร่างกายของเด็กสาวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
[วิเคราะห์สถานการณ์... ความน่าจะเป็ในการเอาชนะด้วยกำลัง 0.01%... ความน่าจะเป็ในการหลบหนี 1.2%... กำลังประมวลผลทางเลือกอื่น]
"อย่า... อย่าทำอะไรน้องชายของข้าเลยนะเ้าคะ!" เธอบังคับตัวเองให้พูดออกมา คลานไปกอดร่างของอาเป่าไว้แน่น "หนี้สินทั้งหมด ข้าจะหามาใช้คืนให้เอง ขอเวลาข้าหน่อยเถิด!"
หัวหมู่จ้าวหัวเราะลั่นราวกับได้ฟังเื่ตลกที่สุดในโลก "ต่อให้ข้าให้เวลา? เ้าจะเอาปัญญาที่ไหนไปหาเงิน? ด้วยร่างกายแห้งๆ ของเ้าน่ะรึ? หรือจะรอให้เทวดามาโปรด! ข้าให้เวลาพวกเ้ามาตั้งครึ่งปีแล้ว! วันนี้แหละคือวันสิ้นสุด!"
มันพยักหน้าให้ลูกสมุนคนหนึ่ง "ไป! เอาตัวไอ้เด็กนั่นมา!"
"ไม่นะ!" ลู่เมิ่งร้องลั่น สมองของเธอกำลังทำงานอย่างบ้าคลั่ง ในเสี้ยววินาทีนั้น ความเป็นักวิทยาศาสตร์ ความสามารถในการวิเคราะห์ และความเยือกเย็นที่ถูกฝึกฝนมาทั้งชีวิตก็ตื่นขึ้นมาแทนที่ความกลัว
[ประมวลผลสำเร็จ... นำเสนอวิธีแก้ปัญหา การโจมตีทางจิตวิทยา]
ดวงตาของลู่เมิ่งเปลี่ยนไป จากความหวาดกลัวกลายเป็ความนิ่งสงบที่น่าขนลุก เธอลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะซวนเซ แต่แววตากลับแข็งกร้าวราวกับใบมีด
"หยุดอยู่ตรงนั้น"
น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปเช่นกัน มันไม่ใช่เสียงครวญครางของลูกแกะที่รอวันถูกเชือดอีกต่อไป แต่เป็เสียงคำรามต่ำในลำคอของพยัคฆ์ร้ายที่ถูกปลุกให้ตื่น... เยียบเย็น... ทรงอำนาจ... จนลูกสมุนที่กำลังจะก้าวเข้ามาถึงกับชะงักงัน มันอาจเป็เพราะเมื่อความตายมาเคาะประตูอยู่ตรงหน้า... จิตใจที่เคยแตกสลายก็ได้ถูกหลอมขึ้นมาใหม่ด้วยไฟแห่งความเดือดดาล... ความอ่อนแอถูกแผดเผาจนมอดไหม้... เหลือไว้เพียงแก่นแท้ที่แข็งแกร่งและเย็นเยียบราวน้ำแข็งขั้วโลก
หัวหมู่จ้าวขมวดคิ้ว "บังอาจ! นังเด็กสกปรกนี่มันกล้าสั่งข้างั้นรึ!"
ลู่เมิ่งไม่สนใจคำพูดข่มขู่ของมันอีกต่อไป ในเสี้ยววินาทีนั้น ความกลัวได้ถูกสติปัญญาที่เยือกเย็นเข้าแทนที่ นางกวาดสายตามองร่างท้วมของหัวหมู่จ้าวั้แ่หัวจรดเท้า... แต่มันไม่ใช่แค่มองด้วยตาเปล่า...
"เทียนฉี่... สแกนร่างกายเป้าหมาย... วิเคราะห์หาจุดอ่อนทางกายภาพทันที!" นางสั่งการในใจอย่างรวดเร็ว
[รับทราบ... กำลังเปิดใช้งานโหมดสแกนไบโอเมตริกระยะไกล... กำลังวิเคราะห์...]
ภาพในครรลองสายตาของลู่เมิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย ร่างของหัวหมู่จ้าวปรากฏเป็โครงร่างภาพความร้อนจางๆ พร้อมกับข้อมูลตัวอักษรเล็กๆ ที่ไหลขึ้นมาที่มุมสายตาของนาง...
[...ตรวจพบอุณหภูมิิับริเวณใบหน้าและลำคอสูงกว่าปกติ... ม่านตาขยายเล็กน้อย ตอบสนองต่อแสงช้า... ตรวจพบการสั่นของกล้ามเนื้อเปลือกตา... อัตราการหายใจถี่และสั้น... สันนิษฐาน: มีภาวะความดันโลหิตสูงและระดับไขมันในเืสูง ส่งผลต่อการนอนหลับและการทำงานของตับ...]
ข้อมูลทั้งหมดถูกประมวลผลเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที!
ลู่เมิ่งแสยะยิ้มที่มุมปาก เป็รอยยิ้มที่เย็นเยียบและเต็มไปด้วยความมั่นใจของผู้ที่กุมไพ่เหนือกว่าทุกใบไว้ในมือ นางเงยหน้าขึ้นสบตาหัวหมู่จ้าวโดยตรง ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ ... ชัดๆ ... ทุกถ้อยคำราวกับกำลังอ่านคำพิพากษา
"ท่านหัวหมู่... เมื่อคืนท่านนอนไม่หลับอีกแล้วใช่หรือไม่?"
หัวหมู่จ้าวชะงักไปเล็กน้อย "เ้า... เ้ารู้ได้อย่างไร?"
"ท่านมีอาการร้อนวูบวาบที่กลางอก ปวดหน่วงที่ชายโครงขวา ปัสสาวะของท่านมีสีเข้มจัดและมีกลิ่นฉุนกว่าปกติ" เธอพูดต่อโดยไม่หยุดหายใจ "ท่านมักจะตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัว และ่นี้... สายตาของท่านเริ่มพร่ามัว มองเห็นได้ไม่ชัดเจนในตอนกลางคืน"
[อ้างอิงข้อมูลจากการสแกนระยะไกลโดยระบบเทียนฉี่... โฮสต์ของระบบมีภาวะไขมันพอกตับขั้นที่สองร่วมกับความดันโลหิตสูง]
ทุกประโยคที่เธอพูดออกมา คือความจริงที่หัวหมู่จ้าวเก็บงำไว้กับตัวเองมาตลอด! มันหาหมอมาหลายคนแต่ก็ไม่มีใครบอกอาการได้ตรงเท่านี้ ความใฉายชัดขึ้นบนใบหน้าอ้วนฉุของมัน
"เ้า... เ้าเป็ตัวอะไรกันแน่! หรือเ้าคือปีศาจ!" ลูกสมุนคนหนึ่งร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ลู่เมิ่งแสยะยิ้มที่มุมปาก เป็รอยยิ้มที่เย็นเยียบจนน่าหวาดหวั่น "ข้าไม่ใช่ปีศาจ... แต่ข้าเคยเรียนวิชากับ ปรมาจารย์ยาพิษ ท่านหนึ่งบนเขา" เธอโกหกคำโตโดยไม่กระพริบตา "อาการของท่านหัวหมู่... ชาวบ้านธรรมดาอาจจะมองว่าเป็เพียงอาการป่วยไข้ แต่ในสายตาของข้า มันคืออาการของพิษที่เรียกว่า หนอนไหมกัดกินิญญา"
"พิษอะไรนะ!"
"มันเป็พิษที่ออกฤทธิ์ช้าๆ" เธออธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับแทงลึกเข้าไปในใจของผู้ฟัง "มันจะเริ่มกัดกินจากอวัยวะภายใน ทำให้ท่านอ่อนแอลงทีละน้อย จนในที่สุด... ภายในสามเดือน ท่านจะนอนตายอย่างทรมานบนเตียงโดยที่ไม่มีใครรู้สาเหตุ"
บรรยากาศในกระท่อมเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจหอบของอาเป่าและเสียงลมหนาวที่พัดหวีดหวิวอยู่ภายนอก หัวหมู่จ้าวหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นตามไรผม มันพยายามจะทำใจแข็ง แต่ความกลัวตายนั้นมีอำนาจเหนือกว่าสิ่งใด
"เ้า... เ้าโกหก!"
"ข้าจะโกหกไปเพื่ออะไร?" ลู่เมิ่งสวนกลับทันควัน "คนจะตายอย่างข้ากับน้อง จะมีอะไรให้เสียอีก แต่ท่านหัวหมู่... ท่านมีทุกอย่าง ทั้งเงินทอง อำนาจ และภรรยาถึงสามคน ท่านคงไม่อยากตายจากไปทั้งๆ ที่ยังเสพสุขไม่พอใช่หรือไม่?"
คำพูดของเธอแทงใจดำของมันอย่างจัง!
"พิษนี้... มีทางรักษาหรือไม่?" ในที่สุดมันก็ยอมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ลู่เมิ่งยิ้มในใจ "ย่อมมี... แต่ยาถอนพิษนั้นต้องใช้สมุนไพรหายากหลายชนิด และขั้นตอนการปรุงก็ซับซ้อนยิ่งนัก" เธอเว้น่ไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดประโยคตัดสิน "แน่นอนว่า... มันมีราคาที่ต้องจ่าย"
หัวหมู่จ้าวกลืนน้ำลายเอื๊อก มันมองหน้าเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ใช่เด็กหญิงอาลู่ที่เคยแต่ก้มหน้างุดๆ คนนั้นจริงหรือ? แววตาคู่นั้น... มันฉายแววของความฉลาดเฉลียวและอำมหิตเกินกว่าที่เด็กอายุสิบห้าปีพึงจะมี
"แล้วเ้า้าอะไร?"
"ยาสำหรับน้องชายของข้าเดี๋ยวนี้ เงินห้าสิบตำลึงเป็ค่ามัดจำ" ลู่เมิ่งตอบทันที "และยกเลิกหนี้สินทั้งหมดของข้าเป็การถาวร"
"บ้าไปแล้ว! เ้าช่างกล้าต่อรองกับข้างั้นรึ!"
"ชีวิตของท่านหัวหมู่มีค่าน้อยกว่าเงินห้าสิบตำลึงหรือ?" เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงเ็า "เอาเป็ว่า... ข้าให้เวลาท่านตัดสินใจสามวัน ระหว่างนี้ ท่านลองสังเกตดูสิว่าอาการของท่านจะแย่ลงหรือไม่... แต่อย่าช้าเกินไปนักล่ะ เพราะพิษหนอนไหมกัดกินิญญาไม่เคยรอใคร"
เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมัน "และถ้าท่านคิดจะใช้กำลังกับข้าอีก... ก็จงจำไว้ว่า ข้าปรุงยาพิษได้ ข้าก็ปรุงยาถอนพิษได้เช่นกัน... และข้าก็สามารถปรุงยาพิษที่ออกฤทธิ์ได้เร็วกว่านี้อีกหลายเท่า"
คำขู่สุดท้ายนั้นได้ผลชะงัด หัวหมู่จ้าวและลูกสมุนของมันถอยกรูดมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ราวกับเห็นยมทูตมายืนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่มันจะตวาดอย่างหัวเสียเพื่อกลบเกลื่อน ความกลัว "ฝากไว้ก่อนเถอะ!" แล้วรีบพาลูกสมุนเผ่นออกจากกระท่อมไปอย่างกับหนีผี
เมื่อร่างของพวกมันลับสายตาไปแล้ว เรี่ยวแรงทั้งหมดของลู่เมิ่งก็หมดลงทันที เธอล้มลงไปกองกับพื้น ร่างกายสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็เพราะความกลัวและความกดดันที่เพิ่งผ่านพ้นไป
[การโจมตีทางจิตวิทยาสำเร็จ... ระดับความเครียดของโฮสต์พุ่งสูง... แนะนำให้พักผ่อน]
"พัก... จะพักได้ยังไง" เธอมองไปที่ร่างของอาเป่าที่นอนหายใจรวยริน น้ำตาที่ไม่เคยไหลมานานปีของ ดร.ลู่เมิ่ง ก็เอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของเด็กหญิงอาลู่
เธอชนะศึกแรกไปได้ด้วยการโกหกและการข่มขู่ แต่าที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เท่านั้น ข้างหน้าคือความยากจนข้นแค้น คือโรคร้ายของน้องชาย คือสังคมที่พร้อมจะเหยียบย่ำคนอ่อนแอ และคือการเอาชีวิตรอดในโลกที่โหดร้ายใบนี้
เธอกอดร่างเล็กๆ ที่ร้อนรุ่มของอาเป่าไว้แน่น ััได้ถึงลมหายใจที่แ่เบาของเขา
"ไม่ต้องกลัวนะอาเป่า" เธอกระซิบด้วยเสียงที่หนักแน่นและเด็ดเดี่ยว "พี่หญิงอยู่ตรงนี้แล้ว... ในโลกันตร์ขุมนี้ พี่จะไม่ยอมให้ใครมาพรากเ้าไปเด็ดขาด ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม...พี่จะสร้าง์ของเราขึ้นมาด้วยสองมือคู่นี้ให้จงได้!"
แสงดาวที่ลอดผ่านหลังคาผุพัง ส่องประกายลงบนใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาแต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้