หลังจากเปิดศาลเพื่อพิจารณาคดีแล้ว หลินเหรินเทียนอ่านและอธิบายคำฟ้อง จากนั้นถามคำให้การฝั่งจำเลย
เซี่ยิ่พูดเป็คนแรกด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ที่หล่อนฟ้องฉันข้อหาจ้างวานฆ่าโดยการให้ขับรถชนคนเมื่อไม่กี่ปีก่อน เื่ทั้งหมดไม่เป็ความจริง! ยายของหล่อนเป็ใครฉันยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แล้วจะจ้างคนไปขับรถชนยายของหล่อนทำไม?”
เซี่ยเฉิงเย่พูดเสริม “ผมยิ่งไม่ได้รับความเป็ธรรม ควรจะรู้ว่าผมเป็ทหารของประเทศชาติ ซึ่งทหารของประเทศชาติจะทำเื่ที่เป็ภัยต่อสังคมแบบนี้เหรอครับ?”
ทหารในหน่วยของเขาหลายนายแทบจะกู่ร้องออกมาว่า หัวหน้าพูดถูกต้อง!
ในคำฟ้อง เตาปาเขียนระบุอย่างชัดเจนว่าเมื่อหกปีก่อน เซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ร่วมกันจ้างวานชายต่างถิ่นคนหนึ่ง ข้อเท็จจริงคือการสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน มีพยานหลักฐานจำนวนมากจากคำบอกเล่าของซูซิ่นชาง ดังนั้นคำฟ้องจึงกระจ่างชัดมาก แต่เมื่อหลินเหรินเทียนซักถามข้อเท็จจริงในคำฟ้อง เซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่กลับให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและยืนกรานว่าซูเมิ่งหานฟ้องความเท็จ
“เห็นได้ชัดว่าเธอโกหก เธอจะไม่รู้จักคุณยายของฉันได้ยังไง!” เมื่อซูเมิ่งหานได้ยินคำให้การของเซี่ยิ่แล้ว ก็คัดค้านทันที “เธอพูดเองกับปากตอนอยู่ที่วิลล่าชิงเฟิง ฉันยังมีบันทึกเสียงอยู่ในโทรศัพท์มือถืออยู่เลย!”
เย่เฟิงชอบทำโทรศัพท์มือถือหายบ่อยๆ แต่ซูเมิ่งหานจะเก็บมันไว้อย่างดีเสมอ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนกดเล่นไฟล์เสียงนั้น ในไม่ช้าคำพูดเจ็บแสบของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น มันคือเสียงของเซี่ยิ่ “...เป็ยังไงบ้างจ๊ะ เห็นยายของแกไหมล่ะ? ตอนนั้นไม่ว่าเป็หรือตาย ยายแกก็คัดค้านที่พ่อของแกจะแต่งงานกับฉัน ฉันยังจำมันได้ดีเหมือนเื่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน น่าเสียดายที่แกได้เห็นแค่หลุมฝังศพของยายแกเท่านั้น...”
เมื่อสิ้นสุดบันทึกเสียง มันเผยความชั่วร้ายและความจองหองของเซี่ยิ่!
เซี่ยิ่คาดไม่ถึงว่าซูเมิ่งหานจะบันทึกเสียงไว้ สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไป แต่เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ กลับเห็นแทบทุกคนรวมทั้งหลินเหรินเทียนมีท่าทีสงบนิ่งก็วางใจ
“แล้วมันยังไง? นี่เป็เื่ที่ฉันเพิ่งรู้หลังจากการสอบสวน ยายแก่คนนั้นตายไปตั้งหลายปีแล้ว ใครจะไปจำเธอได้?” เซี่ยิ่ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาและพูดทิ่มแทง
“ฉันยังมีบันทึกเสียงอันอื่นอีก”
ซูเมิ่งหานมองเซี่ยิ่ด้วยความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายเกินไปแล้ว โชคดีที่เธอเตรียมพร้อมมาก่อน ตอนที่ซูซิ่นชางพูดความจริงเมื่อหกปีก่อน เธอก็บันทึกเสียงเก็บไว้เช่นกัน
เธอทำเพื่อรอวันนี้ และรอมานานแล้ว!
บันทึกเสียงคราวนี้มีความยาวถึงห้านาทีกว่า ทั้งหมดล้วนเป็ความจริงของเหตุการณ์โดยละเอียดที่ซูซิ่นชางบอกเล่าต่อหน้าเย่เฟิงและซูเมิ่งหานในคืนนั้น หลังจากบันทึกเสียงแพร่ออกไป ภายในห้องพิจารณาคดีก็เงียบสงัด
สายตาของคนส่วนใหญ่จับจ้องซูซิ่นชางที่อยู่ข้างเย่เฟิง แม้แต่ตัวซูซิ่นชางเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน จึงตะลึงงันไปชั่วขณะ
สาวน้อยคนนี้ จัดการเื่ราวต่างๆ อย่างระมัดระวังมาก แม้แต่บันทึกเสียงนี้ก็เก็บไว้ทั้งหมดเลย?
หลินซือฉิงและเซียวฉี่ก็แปลกใจ นึกไม่ถึงว่าเด็กสาวมัธยมปลายที่ดูอ่อนโยนและช่างเอาใจจะมีความคิดละเอียดอ่อนเช่นนี้! แต่น่าเสียดายที่บันทึกเสียงนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยเช่นกัน หนทางการชนะคดียังอีกไกล!
หลินเหรินเทียนค่อยๆ ดันแว่นตาด้วยท่าทีเคร่งขรึม “บันทึกเสียงง่ายต่อการปลอมแปลง ต้องรอการดำเนินการตรวจสอบจริงเท็จ รบกวนนำบันทึกเสียงส่งให้ผู้เชี่ยวชาญและรอสรุปผลในภายหลังด้วย”
หลินเหรินเทียนเฒ่าสารพัดพิษ เขาคาดไว้แล้วว่าสถานการณ์จะเป็เช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไว้ก่อนแล้ว และยังมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายจะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตน! ขอเพียงส่งบันทึกเสียงนั่นให้ผู้เชี่ยวชาญ ทุกอย่างก็จะกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกครั้ง
ซูเมิ่งหานเข้าใจเื่พวกนี้ แต่เวลานี้เธอสามารถปฏิเสธได้หรือ? ในไม่ช้าโทรศัพท์มือถือของเธอก็ถูกส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคที่เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว ก่อนเริ่มวิเคราะห์ความจริงเท็จของบันทึกเสียง
แม้ซูเมิ่งหานจะหวั่นใจ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเย่เฟิง ใจของเธอก็สงบลง
เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในห้องพิจารณาคดี หลินเหรินเทียนเคาะค้อนไม้ “กรุณาอยู่ในความสงบ ขณะนี้จะเบิกตัวคู่ความขึ้นศาล หลี่ต้าโก่ว ผู้กระทำความผิดในคดีอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปีนั้น”
ไม่นานนักชายวัยกลางคนคนหนึ่งผู้มีผิวคล้ำ แต่งกายดูดีก็ถูกนำตัวมาที่ห้องพิจารณาคดี ตามที่ระบุในคำฟ้อง หลี่ต้าโก่วคือชายต่างถิ่นคนนั้นที่ขับรถชนยายของซูเมิ่งหานจนเสียชีวิต กล่าวกันว่าในตอนนั้นเขาเป็เพียงกรรมกรคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็ผู้รับเหมาซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายใต้บริษัทซูเซิ่งกรุ๊ป
แม้ฐานะและตัวตนเปลี่ยนแปลง แต่บุคลิกท่าทางของเขากลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถึงจะสวมชุดสูทแต่ก็ยังเหมือนพวกบ้านนอกที่เพิ่งรวยเพียงข้ามคืนอยู่ดี
ซูเมิ่งหานจ้องหลี่ต้าโก่วที่ถูกพาตัวขึ้นศาล ความเกลียดชังฉายชัดในดวงตาคู่สวย ชายคนนี้ตั้งใจฆ่าคุณยายของเธอ!
เมื่อหลี่ต้าโก่วขึ้นให้การ อันดับแรกชายผิวคล้ำใบหน้ายาวมองซูเมิ่งหานด้วยสายตาหื่นกาม ซึ่งน่าขยะแขยงยิ่งกว่าอะไร
“หลี่ต้าโก่ว คุณยอมรับหรือไม่ว่าเมื่อปีนั้น เซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ว่าจ้างให้คุณสร้างสถานการณ์จนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็เหตุให้เหยื่อเสียชีวิต?” ผู้พิพากษาถามหลี่ต้าโก่ว
“ไม่ยอมรับ เื่นั้นไม่ใช่ว่าจบไปนานแล้วเหรอ?” หลี่ต้าโก่วพูดพลางเหลือบมองซูเมิ่งหาน “ทั้งหมดเป็เพราะผมไม่ระมัดระวังจนทำให้เกิดเื่ เธออายุยังน้อย ไม่น่าปรักปรำคนอื่นได้”
“เหลวไหล!” ซูเมิ่งหานโต้กลับทันที
“อยู่ในความสงบด้วย” หลินเหรินเทียนแสยะยิ้มในใจ แต่ใบหน้ากลับเคร่งขรึม เขาซักถามหลี่ต้าโก่วอีกหลายคำถาม ซึ่งั้แ่เริ่มจนจบหลี่ต้าโก่วแสดงออกตลอดว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็เพียงอุบัติเหตุเท่านั้น
“เชิญลูกชายของเหยื่อ หวงอานเต๋อ ขึ้นให้การในชั้นศาลในฐานะพยาน” หลินเหรินเทียนกล่าวต่อ
หลังจากนั้น ลุงคนหนึ่งของซูเมิ่งหานก็ลุกขึ้นจากที่นั่งด้านข้างในห้องพิจารณาคดีและถูกพาตัวมาที่คอกพยาน หวงอานเต๋อคือพ่อของต้าเกิน ซึ่งท่าทางกระวนกระวาย สายตาล่อกแล่ก เห็นได้ชัดว่าไม่มีความมั่นใจ
ระหว่างเดินมาที่คอกพยาน หวงอานเต๋อไม่ได้มองซูเมิ่งหานเลย เขาตรงไปหยุดต่อหน้าบัลลังก์ของคณะผู้พิพากษา หลังจากสาบานตนเป็พยานว่าจะไม่ให้การเท็จ ในที่สุดก็ค่อยๆ พูด “หกปีก่อน แม่ของผมสติไม่ค่อยดี สิ่งที่ระบุไว้ในใบประเมินอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็ความจริง เธอไม่ระวังตัวเอง เธอฝ่าไฟแดงจนถูกชน...”
“คุณลุง!” ซูเมิ่งหานไม่อยากเชื่อเลยว่า แม้แต่ญาติของเธอ ลูกชายแท้ๆ ของคุณยาย เลือกที่จะช่วยคนนอก!
“สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเป็ความจริง แม้ผู้เสียชีวิตจะเป็แม่ของผม แต่ไม่ว่าอย่างไรความจริงก็คือความจริง ผม...” ขณะให้การ หวงอานเต๋อมีร่องรอยความวิตกกังวลในดวงตา และไม่กล้ามองซูเมิ่งหานแม้แต้น้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าการร่วมมือระหว่างตระกูลเซี่ยและหลินเหรินเทียน เขาจะไม่พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้!
ก่อนเปิดศาลพิจารณาคดี หลินเหรินเทียนและตระกูลเซี่ยมาพบเขา ทั้งข่มขู่และหลอกล่อด้วยผลประโยชน์
เพียงไม่นานพยานทั้งสองคนก็เบิกความเสร็จสิ้น ดูเหมือนว่าตาชั่งชัยชนะจะเอนเอียงไปทางหลินเหรินเทียน!
“ท่านหัวหน้าศาล ผลการตรวจสอบบันทึกเสียงนี้ระบุว่าบันทึกเสียงนี้เกิดจากการปลอมแปลง ไม่สามารถใช้เป็หลักฐานได้ครับ” ในไม่ช้าผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญก็ออกมา และยืนยันว่าซูเมิ่งหานปลอมแปลงหลักฐาน ความผิดฐานฟ้องความเท็จและปลอมแปลงหลักฐาน ทั้งสองข้อหามากพอที่จะทำให้ซูเมิ่งหานเข้าคุก!
“ต่อไปขอเชิญบิดาของโจทก์ ซูซิ่นชางปรากฏตัวในชั้นศาลในฐานะพยาน” ร่องรอยความลำพองใจฉายชัดในดวงตาของหลินเหรินเทียน
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งคิดอยากต่อกรกับเขา ไม่มีทางเสียหรอก!
ขณะซูซิ่นชางลุกจากที่นั่ง หลินเหรินเทียนก็คิดว่าตัวเองคว้าชัยชนะมาไว้ในกำมือแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ตนยื่นข้อเสนอบางอย่างและข่มขู่ชายคนนี้ไว้แล้ว วางใจได้เลยว่าเขาจะไม่กล้าบอกความจริง!
“คุณจะช่วยลูกสาวของคุณ หรือช่วยศัตรูของคุณล่ะ? หวังว่าคุณจะใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว” ตอนที่ซูซิ่นชางหยัดกายลุกขึ้น เย่เฟิงก็เตือนสติเขา ก่อนเงยหน้ามองเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ที่อยู่ตรงที่นั่งจำเลย
หากมันแย่มากจริงๆ แค่ใช้วิชาสะกดจิตก็จบแล้ว
ไม่มีใครรู้เลยว่าที่จริงแล้วชัยชนะถูกกำหนดให้เป็ของเย่เฟิงมาั้แ่ต้น!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้