โจวจื่อเฉิงขมวดคิ้วเข้าเมื่อได้ยินคำของนายหวาง “พวกเขาได้กล่าวอะไรหรือไม่?”
“พวกมันบอกมิให้นางติดต่อโจวอะไรสักอย่างอีก อา ข้าแก่ชราจนจำคำที่พวกมันพูดไม่ได้เสียแล้ว!” นายหวางทอดถอนใจ ความโกรธเคืองก่อตัวขึ้นในอกโจวจื่อเฉิง เขาคิด ‘ต้องเป็คนขององค์หญิงฮุ่ยเจินแน่!’
โจวจื่อเฉิงออกจากบ้านสกุลหวางด้วยความโกรธเคืองเต็มอก แม้หวางอี้จะแต่งงานมาแล้วสองครั้งเขาก็ยังหลงรักนาง ทั้งหวางอี้ผู้นั้นยังดีกว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินไปทุกด้าน
เมื่อกลับมาถึงชั้นสี่ของภัตตาคารต้งไห่ โจวจื่อเฉิงก็กวาดตามองรอบกาย เห็นองครักษ์สองนายขององค์หญิงยืนอยู่ตรงนั้น มองเขาด้วยสายตาเ็า โจวมามาเดินออกมาจากห้อง เห็นโจวจื่อเฉิงก็กระซิบ “คุณชายโจว องค์หญิงเรียกท่านเข้าพบเ้าค่ะ”
โจวจื่อเฉิงส่งเสียงอืมตอบรับ เมื่อเข้าไปในห้อง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเขาก็ถูกองค์หญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตบเข้าทันที
“สารเลว กล้าดีอย่างไรวางยาข้า!”
โจวจื่อเฉิงอึ้งงัน เขามองใบหน้าองค์หญิงฮุ่ยเจินให้ดีอีกครั้งก็เห็นใบหน้านางน่าเกลียดน่ากลัวเสียจนเขาอยากอาเจียน ทว่ายังคงแสร้งทำท่าตกตะลึง “องค์หญิงหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะกล้าวางยาพระองค์ได้อย่างไร?”
“ฮึ่ม! หลายวันมานี้เป็เพราะเ้าวางยาข้า ใบหน้าข้าจึงกลายเป็เช่นนี้!”
“องค์หญิง! มีคนใส่ร้ายกระหม่อม! ดังเช่นยามที่องค์หญิงฮุ่ยหลิงทรงมารับสำรับที่นี่ก็มีหนูตาย องค์หญิง...ได้โปรด...”
เพียะ!
เขาถูกตบหน้าอีกครั้ง องค์หญิงฮุ่ยเจินเกรี้ยวกราดนัก นางทั้งข่วน ทั้งกัด ทั้งเตะโจวจื่อเฉิงอย่างบ้าคลั่ง
โจวจื่อเฉิงยื่นแข็งทื่อดุจท่อนไม้ ปล่อยให้องค์หญิงฮุ่ยเจินลงมือตามใจชอบ กระทั่งองค์หญิงเหนื่อยแล้วจริงๆ นางจึงหอบหายใจ กรีดร้องทั้งน้ำตา “โจวจื่อเฉิง เ้ามันสมควรตาย!”
แต่งกับหรงชีเยว่มาสิบปี โจวจื่อเฉิงไม่เคยต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ ยามนี้เขาจึงได้ทราบว่าสตรีเบื้องหน้าเขาผู้นี้กลับไร้ความสามารถ มิอาจเทียบภรรยาเก่าผู้นุ่มนวลถือจรรยาสตรีได้!
โชคร้ายเหลือเกิน เสียใจยามนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว!
“องค์หญิง...กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ! กระทั่งองค์หญิงฮุ่ยหลิงก็ยังเคยทานอาหารเจอหนูตายที่นี่...หากองค์หญิงไม่เชื่อ องค์หญิงสอบถามผู้อื่นดูได้...กระหม่อมโจวจื่อเฉิงมีเพียงซื่อสัตย์ทุ่มเทต่อองค์หญิงอย่างภักดีเท่านั้น” โจวจื่อเฉิงยังเอ่ยคำสาบานร้ายแรงด้วยดวงตาแดงก่ำ
องค์หญิงฮุ่ยเจินใจเย็นลง นางทราบว่ายามนี้ตนเป็คนก็ไม่ใช่เป็ผีก็ไม่เชิง ทันใดนั้น นางก็จำสิ่งที่ฮวาชีเยว่บอกนางเอาไว้ได้
“เช่นนั้น...เ้าจะแต่งงานกับข้าหรือไม่?” องค์หญิงฮุ่ยเจินถามออกมาช้าๆ
โจวจื่อเฉิงชะงักไปเมื่อได้ยินทว่ายังตอบออกมาทันที “แต่งพ่ะย่ะค่ะ! ทว่าองค์หญิงยังต้องเปลี่ยนแปลงตัวตน...”
ได้ยินเช่นนี้ องค์หญิงฮุ่ยเจินก็ยิ้มอย่างโล่งใจและพึงพอใจ นางไม่ได้มองโจวจื่อเฉิงผิดไป ฮวาชีเยว่คงกังวลมากเกินไปเท่านั้น
องค์หญิงฮุ่ยเจินยิ้มอย่างยินดี นางจับมือโจวจื่อเฉิง “ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่โทษเ้าแล้ว...ดูไปข้าคงกังวลมากเกินไป กระทั่งยามที่ข้าหน้าตาน่าเกลียดเช่นนี้ เ้ายังคงรักใคร่ข้า”
โจวจื่อเฉิงดีใจเสียจนน้ำตาซึม เขาลุกขึ้นกอดองค์หญิงฮุ่ยเจินแน่น “องค์หญิงไม่ต้องกังวล กระหม่อมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ!”
แม้น้ำเสียงของเขาจะอ่อนหวานดุจน้ำผึ้ง ทว่าดวงตากลับประดุจมีดอาบยาพิษ ทอประกายเย็นเยียบ
ดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ราตรีกาลย่างกราย
ในคืนนั้น ชั้นซื้อของภัตตาคารต้งไห่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเื เสียงอึกอักจากในห้องราวกับมีคนถูกอุดปากไว้ด้วยบางสิ่ง
โจวจื่อเฉิงยืนอยู่หน้าเตียงองค์หญิงฮุ่ยเจิน มีดคมกริบในมือสั่นสะท้าน เขาอยู่กับพ่อบ้านอู๋ลอบวางยาสลบใส่ในมื้อเย็นขององค์หญิงฮุ่ยเจินและบ่าวไพร่เพื่อให้อีกฝ่ายหลับสนิทดุจท่อนไม้ เพื่อให้สะดวกแก่การลงมือ
เขามิใช่คนเสียสติที่จะแต่งกับองค์หญิงเสียโฉม!
โจวจื่อเฉิงเห็นแก่ชื่อเสียงและเงินทองนัก เขาจะแต่งกับคนเช่นองค์หญิงฮุ่ยเจินได้อย่างไร? ยามนี้นางไม่มีอะไร เป็เพียงสตรีที่ตายไปแล้วซึ่งยังมีชีวิตอยู่ หากความจริงเปิดเผยออกมา โจวจื่อเฉิงย่อมตายได้ไร้ที่กลบฝัง!
องค์หญิงฮุ่ยเจินที่นอนอยู่บนเตียงจ้องมองโจวจื่อเฉิงที่ถือมีดเปื้อนเื คอของนางส่งเสียงอึกอัก ท้ายสุด หลายคำก็ผุดออกมาจากปาก...
“ทำไม...เหตุใดเ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้...? โจวจื่อเฉิง...เ้า...โหดร้ายนัก!”
หยดน้ำใสไหลหยดบนใบหน้าผิดรูป กระทั่งจวบจนนาทีสุดท้าย องค์หญิงฮุ่ยเจินก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าโจวจื่อเฉิงเป็คนอย่างไร
เหมือนฮวาชีเยว่จะรู้จักเขา...นางบอกให้องค์หญิงฮุ่ยเจินระวังตัวให้ดี ทว่านางกลับยังเชื่อเขา ท้ายสุดก็มีจุดจบน่าเศร้าเช่นนี้!
รอยยิ้มแปลกประหลาดผุดขึ้นบนใบหน้าโจวจื่อเฉิง “องค์หญิง ในใจข้าไม่เหลือที่ให้ท่านแล้ว ดังนั้นท่านก็โปรดใช้ชีวิตในสัมปรายภพให้สนุกเถอะ!”
“ทำไม...” นางมองโจวจื่อเฉิงด้วยสายตาอัดแน่นด้วยความแค้น นางเสียใจที่ตนมิได้ฟังฮวาชีเยว่ นางมอบทั้งใจให้แก่เขา ทว่าบุรุษผู้นี้กลับหันคมมีดใส่นาง!
‘ข้าเลือกเข้าข้างเขามาตลอด ทว่าบุรุษผู้นี้กลับเป็เดรัจฉานตัวหนึ่ง ช่างน่าเวทนา ช่างน่าเศร้านัก!’
“อันที่จริงองค์หญิงฮุ่ยหลิงทรงทราบแล้วว่าพระองค์อยู่ที่นี่ ในเมื่อท่านเป็คนตายแล้ว หากนางเปิดเผยเื่ของเราออกไป ทั้งครอบครัวและตัวข้าย่อมต้องถูกฝังไปกับท่าน!” โจวจื่อเฉิงหัวเราะเ็า ยกมีดคมขึ้นสูง จบชีวิตองค์หญิงฮุ่ยเจินลง
โลหิตอาบย้อมผืนฟ้ายามราตรี โจวจื่อเฉิงดึงมีดกลับ โชคไม่ดี ตอนที่กำลังจะสั่งให้พ่อบ้านอู๋มาเก็บกวาดให้เรียบร้อย โจวจื่อเฉิงก็ได้ยินเสียงจอแจขึ้นมาจากชั้นล่าง โจวจื่อเฉิงแตกตื่นรีบร้อนเปิดประตูก็พบประตูภัตตาคารถูกถีบเข้ามาพร้อมด้วยทหารกลุ่มใหญ่!
โจวจื่อเฉิงรู้สึกคล้ายจะหมดสติ คอเขาแห้งผากจนไม่อาจเอ่ยคำ องครักษ์เ่าั้ปิดล้อมภัตตาคารไว้อย่างแ่า ทั้งเขามิอาจหนีพ้นการตกเป็ผู้ต้องสงสัยเมื่อเสื้อผ้ายังคงเปื้อนเื ดวงตาเขาหมองลง
“อ๊า มีคนถูกฆ่า!”
“พระพุทธองค์ นั่นโจวจื่อเฉิง เถ้าแก่ภัตตาคารต้งไห่ใช่หรือไม่?”
“ใช่ ภัตตาคารนั่นขายดีนัก แต่เหตุใดเขาจึงฆ่าคนเล่า?”
“ใช่มีเื่ขัดแย้งกันหรือไม่?”
“เลวร้ายนัก! ภัตตาคารแห่งนี้แปลกจริงๆ ได้ยินว่าโจวฮูหยินเองก็ถูกโจรบุกเข้ามาสังหาร”
“...”
องครักษ์เร่งฝีเท้าขึ้นสู่ชั้นสี่และเข้าจับกุมโจวจื่อเฉิงที่ยังคงเหม่อลอย ตลอดระยะการบุกจับกุมนี้เขามิได้ทำสิ่งใดเพื่อขัดขืนแม้แต่น้อย ดูคล้ายยอมแพ้ต่อโชคชะตาไปแล้ว
ผู้คนล้วนตกตะลึงกับชุดเปื้อนเื ดวงตาของเขาแดงก่ำดูมืดมนว่างเปล่า ถูกทหารถีบด้วยท่าทีไร้ความรู้สึก
พ่อบ้านอู๋ตั้งใจจะช่วยโจวจื่อเฉิง ทว่ากลับตัวแข็งทื่อไปเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก ยามนี้เห็นโจวจื่อเฉิงโดนจับเสียแล้ว จึงได้แต่อยู่บนชั้นสอง ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“โจวจื่อเฉิง เ้าสังหารคนไปเท่าใด?” ผู้ตรวจการก้าวออกมา มีสตรีผู้หนึ่งตีกลองร้องทุกข์แจ้งว่ามีการฆ่ายกครัวเกิดขึ้น เมื่อผู้ตรวจการได้ยินก็เร่งร้อนสวมชุดออกมาอย่างแตกตื่น
ยามนี้ผู้ตรวจการมาถึงก็เห็นพื้นเจิ่งนองไปด้วยเื ห้องทั้งสามเหม็นคาวเข้มข้น
“ห้า...” โจวจื่อเฉิงตอบช้าๆ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ์ปรารถนาให้ข้าตาย พระพุทธองค์้าให้ข้าตาย! ข้าฆ่าไปห้าคน เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับบิดามารดาข้า ใต้เท้า อย่าได้ทำให้พวกท่านลำบากใจเลย”
เขาทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ น้ำตาไหลอาบใบหน้า ผู้ตรวจการสั่งให้นำตัวโจวจื่อเฉิงออกไป และให้ยืนยันตัวตนผู้ตาย
เมื่อถูกผลักออกมาจากร้าน โจวจื่อเฉิงก็เห็นใบหน้างดงามเหนือล้ำท่ามกลางฝูงชน ที่แท้เป็ใบหน้าของฮวาชีเยว่...
แต่เหตุใดนางจึงมาที่นี่ได้? สายตาเขาคงพร่ามัวกระมัง? เพราะยามนี้ เขาเห็นในดวงตาฮวาชีเยว่แสนเ็า สองตาคู่นั้นราวกับทะเลสาบลึก คล้ายมองทะลุไปถึงในจิตใจ
และยามนี้ในพระราชวัง ฮองเฮาดูหลักฐานที่สายลับรวบรวมมาให้อย่างตั้งใจ
“...”
“วันที่ยี่สิบเจ็ดกรกฎาคม สตรีประหลาดผู้หนึ่งเข้าไปในจวนของฮวาชีเยว่”
“วันที่หกสิงหาคม ฮวาชีเยว่เดินทางออกจากจวนพร้อมบุตรบุญธรรม ระหว่างทางพบเข้ากับสตรีเสียโฉมผู้หนึ่ง เข้าไปสนทนากันในตรอกอยู่ครู่หนึ่ง...”
ฮองเฮานิ่วหน้าเล็กน้อย นางคิดถึงสถานที่ที่ฮวาชีเยว่เดินทางทั้งหมดมารวมกัน ทันใดนั้นก็อุทานออกมา “ใครก็ได้ องค์หญิงเดินทางท่องเที่ยวจริงหรือไม่?”
“เพคะ ตามข้อมูล องค์หญิงมุ่งลงใต้ ยามนี้ยังไม่กลับมาเพคะ” องครักษ์ลับรายงานเสียงเบา
ดวงใจของฮองเฮาเต้นระรัวบ้าคลั่ง นิ้วนางอดมิได้ให้สั่นสะท้าน “ไป ไปภัตตาคารต้งไห่ ตามหาองค์หญิง!”
ไม่รู้ด้วยเหตุใด ดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้ ความกังวลรุนแรงก่อตัวขึ้นในอกเสียจนมิอาจทนอยู่เฉย
องครักษ์ลับทั้งสองรับคำแล้วหายตัวไปทันที
ทว่าเมื่อมาถึงที่ภัตตาคารก็เห็นเหล่าทหารกำลังวุ่นวายทำงานไปทั่ว ชั้นสี่ของร้านท่วมไปด้วยเื เมื่อคุยกับผู้ตรวจการอยู่ชั่วครู่ก็ได้หยกโลหิตประจำตัวองค์หญิงมา หยกโลหิตนี้ถูกส่งคืนให้ฮ่องเต้ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮา ทว่าฮ่องเต้ผิดหวังนักจึงได้พระราชทานให้แก่ฮองเฮา
แน่นอนว่าฮองเฮาทรงมอบหยกโลหิตนี้กลับคืนให้องค์หญิงฮุ่ยเจิน หวังว่านางจะปลอดภัยสงบสุขไปตลอดชีวิต มิคาดข่าวร้ายกลับมาถึงรวดเร็วเช่นนี้
เมื่อฮองเฮาเห็นใบหน้าเสียโฉมขององค์หญิงฮุ่ยเจิน นางก็กรีดร้องหมดสติไปในทันที หนึ่งชั่วยามต่อมานางก็ตื่นขึ้นมาช้าๆ มองผ้าม่านด้วยสายตาเ็าแดงก่ำ ในใจตั้งมั่นดุเดือด ‘ฮวาชีเยว่! ช่างโหดร้ายนัก! ข้าย่อมไม่ปล่อยทั้งเ้าและสกุลฮวาไปแน่!’
และโจวจื่อเฉิง แน่นอนย่อมโดนข้อหาฆาตกรรม ปะาโดยห้าม้าแยกร่าง
วันปะาถูกกำหนดให้เป็เจ็ดวันให้หลัง เป็ที่ทราบกันว่าผู้ถูกสังหารนั้นมีสตรีสี่นาง บุรุษสองนาย ล้วนแต่เป็พ่อค้าที่ผ่านมา โจวจื่อเฉิงสังหารพวกเขาเนื่องด้วยมีปากเสียงกัน
วันสุดท้ายก่อนปะา
สตรีงามเดินทางมายังห้องขัง นางสวมชุดขาวดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง คิ้วนางดุจภาพวาด ย่างก้าวมั่นคง
เป็นาง ฮวาชีเยว่ที่มาเยี่ยมเยือนโจวจื่อเฉิง
แน่นอนว่านางมาในนาม ‘ญาติ’ ของเขา ความสัมพันธ์ญาติปลอมๆ นี้ย่อมมิอาจใช้เป็ข้ออ้างได้ ทว่าอย่างไรนางก็เป็ถึงท่านหญิงจิ่งฮวา ดังนั้นผู้ตรวจการจึงยินยอมให้นางเข้าพบโจวจื่อเฉิงได้โดยไม่มีข้อแม้
ในห้องคุมขังมีกลิ่นเหม็นฉุน ทว่าฮวาชีเยว่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว นางก้าวมาหยุดอยู่หน้าห้องขังของโจวจื่อเฉิง นักโทษรอบด้านต่างก็มองสตรีงาม ส่งเสียงผิวปากหยอกเอินเกรียวกราว
โจวจื่อเฉิงในัก อย่างไรฮวาชีเยว่ก็เป็ถึงท่านหญิง จะมาเยี่ยมเขาด้วยความสัมพันธ์เก่าก่อนได้หรือ?
เขาเดินมายังประตูห้องขัง เหม่อมองใบหน้าเล็กงามของฮวาชีเยว่ หากแม่นางหวางเป็สตรีที่เขาเพิ่งจะตกหลุมรัก เช่นนั้นฮวาชีเยว่ย่อมเป็สตรีในฝันที่เขาทำได้เพียงเฝ้ามอง ทว่ามิอาจใกล้ชิด
ยามนี้นางมาที่นี่ โจวจื่อเฉิงเดินมายังลูกกรงอย่างตื่นเต้น ตั้งใจจะเข้าใกล้ฮวาชีเยว่
สมปรารถนา ฮวาชีเยว่ขยับเข้ามาใกล้ ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงหนึ่ง่ฝ่ามือ “โจวจื่อเฉิง เ้ายังคงเ้าเล่ห์เช่นนี้เสมอ มิคาดคราวนี้เ้ากลับพ่ายแพ้ข้ารวดเร็วเพียงนี้”
ฮวาชีเยว่เอ่ยเรียบเรื่อย โจวจื่อเฉิงประหลาดใจ มองฮวาชีเยว่ด้วยสายตาคาดไม่ถึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้