"อืม... ที่นี่ที่ไหน?"
เสียงยวดยานสัญจรที่ดังมาจากระยะไกลเข้าทำลายความเงียบสงบ ฉันจึงลุกจากเตียงด้วยสภาพที่ผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย
เมื่อฉันตื่นมาพบกับการจัดห้องที่ไม่คุ้นเคย รวมไปถึงััของผ้าห่มที่ไม่เคยััมาก่อน ฉันก็เกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ฉันจึงรีบเปิดผ้านวมขึ้น และผงะเล็กน้อยที่เห็นของเหลวสีขาวไหลออกมาจากร่างของตัวเอง ซึ่งทำให้ผ้าปูที่นอนเลอะเทอะไปหมด เหมือนว่าฉันจะจำสิ่งที่ตัวเองทำลงไปได้แล้ว
"ใช่... ฉันมีอะไรกับนายเพื่อนบ้าน กับโยตะ และ… ถึงกับบอกว่าอยากให้เขาแตกเข้ามาข้างใน… อืม... แถมยังหลายครั้งด้วย… "
เมื่อมองดูด้านนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยความมืดสลัว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
แต่รอยแยกตรงประตูที่ปิดไม่สนิท ฉันเห็นแสงหนึ่งลอดเข้ามาจากข้างนอก
ฉันลุกออกจากเตียงทั้งที่ยังเปลือยเปล่าพลางขยี้ตางัวเงีย เพื่อเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันทีที่ฉันเปิดประตู ก็เห็นโยตะที่กำลังจดจ่อกับการเรียนอยู่กับโต๊ะขนาดใหญ่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งรอบๆ เรียงรายไปด้วยเครื่องดื่มชูกำลังนานาชนิด
“โยตะ… ?”
“ตื่นแล้วเหรอ? ฉันยังไม่ได้ซักเสื้อให้เธอเลย แต่ฉันจัดเสื้อผ้าให้เธอไว้ที่โซฟาแล้วนะ”
เมื่อฉันหันมองไปที่โซฟา ก็เห็นเสื้อผ้าที่จัดวางอย่างเรียบร้อย กระเป๋าที่ตอนแรกถูกโยนทิ้งตรงทางเข้า รวมถึงถุงเท้าและรองเท้าที่วางทิ้งอยู่บนพื้นก็ถูกวางไว้บนโซฟาเช่นกัน ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเล็กน้อยที่รบกวนเขา
ตอนแรกฉันก็อยากจะพูดอะไรกับเขาสักอย่าง แต่เขาดูจะตั้งใจและจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่มาก จนฉันรู้สึกว่าไม่รบกวนเขาจะดีกว่า
ฉันสวมเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเงียบๆ พลางมองดูแผ่นหลังของโยตะ และสงสัยว่าทำไมกันนะ ฉันถึงรู้สึกเคว้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ด้วยความพยายามที่จะเข้าใจที่มาของความรู้สึกนี้ ฉันก็เดาได้แค่ว่า มันอาจจะมาจากจุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์อันยาวนานตลอดทั้งวันของเรา
ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นจะมีความสุขแค่ไหน แต่ฉันก็ต้องกลับมานึกถึงตัวตนของ ‘ทาจิบานะ ไอกะ’ อีกครั้ง
“โยตะ งั้นฉันไปก่อนนะ”
"อืม"
ขณะที่ฉันยืนอยู่หน้าประตู และกำลังจะออกไป เขายังคงไม่หันหน้ากลับมามองส่งฉัน
ถึงเราจะมีความสัมพันธ์กันทางกาย แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
นอกจากจะหุ่นดี ชอบออกกำลังกาย ใส่ใจเื่เล็กๆ น้อยๆ และเก่งเื่เซ็กซ์แล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ยาชิมะ โยตะ เป็คนแบบไหนกันแน่
แต่... สำหรับฉันตอนนี้ แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว
เขาเป็เพื่อนบ้านข้างห้องที่ฉันสามารถโต้เถียงด้วยได้ ถึงกระทั่งเปิดเผยด้านอ่อนแอที่สุดของตัวเองให้เห็นด้วย
“ต่อจากนี้... ฉันมาหาโยตะได้อีกมั้ย?”
"ถ้าเธอ้าละก็… "
ถึงโยตะจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังให้คำตอบที่ฉันอยากได้ยิน
ฉันเผลอหัวเราะออกมาเสียงดัง และรู้สึกว่าตัวเองเริ่มค่อยๆ คุ้นเคยกับด้านที่เข้าใจยาก แต่จริงใจของเขา
“ถ้างั้น ตอนไหนที่ฉันอยู่บ้าน ถ้าโยตะเหงาเมื่อไหร่ ก็มาหาฉันได้นะ”
“อืม… ”
“ตกลงกันแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์ นายเพื่อนบ้าน”
หลังจากบอกลาแล้ว ฉันก็เปิดประตูแล้วเดินกลับไปข้างๆ ห้องซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
หลังจากกลับมาถึงห้องที่คุ้นเคย ฉันก็กลับมารู้สึกเหมือนเป็ ทาจิบานะ ไอกะ อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
การเป็ไอกะทำให้ฉันระลึกได้ว่า ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันควรทำในวันนี้
ยังไงก็เหอะ ถึงจะกลับมาที่บ้านอันคุ้นเคย แต่ความรู้สึกของโยตะที่ยังคงอยู่ในร่างกายของฉัน ก็ยังคงติดอยู่อย่างนั้นมาอีกหลายวัน และแม้ฉันจะมีความ้าอีกมากแค่ไหน ฉันก็ทำได้แค่ทุเลามันอย่างเบาๆในตอนที่อาบน้ำเท่านั้น
และบางทีอาจเป็เพราะเหตุผลนี้ ประสิทธิภาพในการทำงานของฉันจึงดีขึ้นกว่าเดิม และความรู้สึกเหงาเ่าั้ก็ไม่คืบคลานเข้ามาหาในยามราตรีอีกเป็เวลานาน
เป็เวลาหลายวันแล้วที่ตารางชีวิตของฉันกับโยตะไม่ตรงกัน ฉันไม่มีโอกาสได้เจอเขาในลิฟต์เลย
ฉันที่รู้ว่าเขาไม่ได้ปรากฏตัวมาเป็เวลาหลายวันเพิ่งจะรู้ตัวว่า ่นี้คือ่วันหยุดฤดูร้อนของเหล่านักศึกษา ซึ่งเป็วันหยุดที่ฉันไม่เคยได้ััมันอีกเลยั้แ่เข้ามาทำงาน
ใน่ที่เขาไม่อยู่ งานของฉันก็ประสบความสำเร็จเป็พิเศษ และฉันก็ได้ฉลองวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของตัวเองอีกด้วย
ฉันก็คิดนะ ว่าทุกคนจะเฉลิมฉลองพิธีบรรลุนิติภาวะในฤดูใบไม้ผลิหน้ากันยังไง เพราะฉันที่ปกปิดอายุแท้จริงไว้ อาจจะต้องผ่านวันๆ นั้นไปอย่างเงียบเหงาก็ได้
ชีวิตที่วุ่นวายเริ่มทำให้จิตใจหม่นหมอง แต่ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่กลับมาหลอกหลอนฉัน สิ่งสิ่งนั้นคือความเหงาที่คงไม่มีใครเข้าใจ
ถึงเดิมทีชีวิตที่วุ่นวายจะทำให้ฉันรู้สึกเบื่ออยู่เนืองๆ บ้าง แต่ความเหงาในเวลานี้กลับทำความเข้าใจยากมากกว่านั้น
ฉันเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอวันที่โยตะจะกลับมา คอยเฝ้าแต่นึกถึงวันที่จะได้เจอหน้ากันอีกครั้งในลิฟต์ กับรอยประกบริมฝีปากแสนวิเศษที่เราทั้งสองได้มีร่วมกันในวันนั้น
อาจเป็สิ่งนี้ที่คอยรังควานฉันอยู่ เพราะหลังจากวันนั้น ถ้าฉันใช้ของเล่นที่ซื้อมาใหม่เมื่อไหร่ เหล่าความรู้สึกที่ทั้งจุกและแน่นก็ทำให้ฉันนึกถึงโยตะเสมอ
ทุกๆ ครั้งที่เสร็จและพึงพอใจในความสุขสมแล้ว ฉันมักจะโหยหาเนื้อผิวที่แท้จริงและอบอุ่นมากขึ้น เพราะ่เวลาที่ของเหลวอุ่นๆ นั้นถูกฉีดเข้าไปมาในร่างของฉัน มันยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ
ฉันพอจะรู้แล้วว่าลึกๆ ในใจของฉัน ไม่ได้แค่้าให้ผู้ชายมาอยู่ข้างกาย
ขณะที่ฉันรู้สึกเปลี่ยวใจอยู่นั้น โชคชะตาก็เหมือนเล่นตลกอีกครั้ง โยตะที่กลับมาคอนโดพร้อมกระเป๋า ซึ่งดูเหมือนเขากำลังจะเตรียมตัวไปเรียนพลันปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน
เหมือนกับ่เวลานั้น ่เวลาที่เราสานสัมพันธ์กันครั้งแรก ่เวลาพระอาทิตย์ตกที่ช่างสดใส
เขารอลิฟต์อยู่ข้างๆ ฉันพร้อมกระเป๋าที่อยู่ในมือ และฉันก็พูดกับเขาขึ้นอย่างธรรมชาติว่า “จะเปิดเรียนแล้วเหรอ โยตะ?”
"อืม อีกไม่กี่วัน"
"ต้องเหนื่อยแน่ๆ เลย การเป็นักศึกษานี่ไม่ง่ายเลยเนอะ"
“ไม่หรอก เธอน่าจะเหนื่อยกว่าอีก.. .”
ถึงจะเป็บทสนทนาที่วนเวียนอยู่กับหัวข้อในชีวิตประจำวัน แต่ก็เป็บทสนทนาในความสัมพันธ์ที่ทำให้รู้สึกสบายใจ
เมื่อลิฟต์มาถึงจุดหมายปลายทาง เราทั้งสองก็ก้าวออกจากที่ที่คุ้นเคยด้วยกันอย่างเงียบๆ
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน จากฉันที่เคยเหล่มองเขา คราวนี้ฉันกล้าที่จะมองด้านข้างของเขาได้อย่างเปิดเผย
“มีอะไรเหรอ? โยตะ”
“... ที่เราตกลงกันก่อนหน้านี้ ยังใช้ได้รึเปล่า?”
“นายหมายถึง… ”
จริงๆ แล้วเราทั้งสองต่างรู้เื่ข้อตกลงนี้อยู่แล้ว
แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้ยินมันออกมาจากปากของโยตะ ฉันจึงแกล้งทำเป็ลังเล เพื่อทดสอบท่าทีของเขาสักหน่อย
"เธอก็น่าจะรู้"
“อื้ม... ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้วสิ ก็ฉันเป็คนเสนอเื่นี้เองนี่”
ฉันชี้นิ้วมาที่ปากของตัวเอง แล้วเงยหน้ายิ้มให้โยตะ
ในเวลานี้เอง ที่เขาดูไร้เดียงสากว่าคราวก่อน ยังกับเด็กเลยล่ะ
“ครั้งนี้ฉันอยากอาบน้ำก่อน โยตะก็ไปเตรียมตัวก่อน... ถ้าฉันเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะไปกดกริ่งห้องนายเอง”
ฉันที่ก้าวอยู่ข้างหน้าเขาเล็กน้อย หันมาพูด
เสียงที่ดังก้องไปตามทางเดิน ยังคงเป็เสียงส้นรองเท้าแมรีเจนคู่เดิมของฉัน
ใบหน้าของฉันผุดรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ของไอดอลชื่อดัง
"หวังว่าจะได้ร่วมงานกับนายในอนาคตนะ นักเรียนโยตะ"
และนี่คือจุดที่วุ่นวายที่สุดในความสัมพันธ์ ซึ่งเริ่มต้นจากคนที่ไม่น่าจะมารู้จักกัน มันคือความสัมพันธ์ของนายเพื่อนบ้านกับฉันที่แสนจะยืดเยื้อ น่าเบื่อ และไร้ซึ่งความโรแมนติก หรือความเป็นิยายใดๆ
หากนี่คือเื่ราวทุกอย่างระหว่างฉันกับโยตะ คงจะมีชื่อเื่ประมาณว่า [Masturbation Showdown การดวลช่วยตัวเอง] แต่ฉันก็อยากจะตั้งชื่อเื่นี้ด้วยตัวเองไว้ว่า “เื่ราวของ นาเดชิโกะและโยตะ” มากกว่า