ดังนั้น การแต่งงานระหว่างตระกูลหวงกับตระกูลเสวียนไม่เพียงเสวียนหงกับหวงเยว่จะได้ครองรักกันเท่านั้นแต่ยังทำให้ตระกูลหวงได้ประโยชน์อย่างที่สุดด้วย พึ่งพิงตระกูลเสวียนที่เป็ตระกูลใหญ่ขั้นสองต่อให้เป็กลุ่มอำนาจขั้นสามก็ไม่กล้ามาหาเื่ตระกูลหวงทำให้วิกฤติที่ตระกูลหวงเผชิญอยู่หายไปไร้ร่องรอย
เสวียนเทียนจำได้ชัดเจน ก่อนหน้านี้ตอนอายุห้าปีเมื่อเขาไปที่บ้านตระกูลหวง ท่านลุงใหญ่หวงิซานหน้าตายิ้มแย้มยินดี ตอนที่เสวียนหงมีปัญหากับตระกูลเสวียนจนตกที่นั่งลำบากหวงิซานกลับโทษว่าเสวียนหงเป็ผู้นำภัยร้ายมาสู่ตระกูลหวงลืมไปสิ้นว่าถ้าไม่มีเสวียนหง บางทีั้แ่หลายปีก่อนหน้า ในโลกนี้ก็คงไม่มีตระกูลหวงอยู่แล้ว
บางทีอาจเป็เพราะระหว่างทางที่ถูกไล่ล่าสังหารหวงหย่งลูกชายคนโตของหวงิซานตายไป ทำให้ใจของหวงิซานแปรเปลี่ยน เอาแต่จะโทษความผิดทั้งหมดมาไว้ที่ครอบครัวของเสวียนหงอย่างไรก็ ‘เนรคุณ’ อยู่ไม่น้อย
“แย่แล้ว...นายท่าน แย่แล้ว...!”
ตอนนี้เอง เสียงของหวงจงหยวนก็ดังมาแต่ไกล เข้ามาในโถงหลักน้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนใจและหวาดวิตก คนทั้งหมดในโถงหลัก ได้ยินแล้วก็อดรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีไม่ได้น้ำเสียงของหวงจงหยวนราวกับว่าเกิดเื่ร้ายแรงขึ้นทั้งยังเป็เื่ใหญ่ในทางไม่ดีเสียด้วย
ไม่นานหวงจงหยวนก็วิ่งมาถึงในโถงหลักยังคงะโเสียงดัง “แย่แล้วนายท่าน เกิดเื่ใหญ่แล้ว...!”
“เื่อะไร พูดมา!” หวงหย่วนเฉิงกลับไปนั่งที่เก้าอี้ แม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่ดีแต่สีหน้ายังคงเหมือนเดิม “คุณชายเวย...คุณชายเวยมาถึงหมู่บ้านหวงปั้วแล้วแต่ว่า...แต่ว่า...!” หวงจงหยวนจะพูดก็ไม่พูด
หรือว่าเกิดเื่กับหวงเวย? ในใจของทุกคนตระหนกขึ้นมา
หวงิซานเบิกตากว้างพลันถลาเข้าไปหน้าหวงจงหยวน ร้องว่า “เวยเอ๋อร์เป็อะไร?”
สายตาทุกคนจับจ้องไปที่หน้าของหวงจงหยวน
หวงจงหยวนรู้สึกกดดันยิ่งนัก กล่าวขึ้นว่า “คุณชายเวยฟุบอยู่บนหลังม้ากลับมาถึงหมู่บ้านหวงปั้วหมดสติไม่รู้สึกตัว ทั้งร่างมีแต่เื ร่างกายได้รับาเ็หนักอาจถูกโจมตีระหว่างทางกลับ สภาพแย่มาก”
“อะไรนะ...?” ดวงตาทั้งคู่ของหวงิซานเบิกค้าง ตวาดถามขึ้นว่า “เวยเอ๋อร์อยู่ที่ไหน?”
หวงจงหยวนตอบว่า “ให้คนแบกมาที่นี่แล้วขอรับ”
“เวยเอ๋อร์” หวงิซานร้องเรียกเสียงเศร้า วิ่งออกไปนอกโถงหลัก
เขามีลูกชายเพียงสองคน หวงหย่งเสียไปแล้วเหลือเพียงลูกคนรองหวงเวย อายุสิบห้าเพิ่งก้าวเข้าชั้นเบิกนภากลายเป็ศิษย์ในของสำนักเทียมเมฆา กลับมาบ้านครั้งนี้เดิมคิดว่าเป็เื่น่ายินดีไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็เื่ร้าย
เมื่อได้ยินข่าวว่าหวงเวยาเ็สาหัสความคิดแรกของเสวียนเทียนก็ประหวัดไปถึงตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูล
ระหว่างทางเสวียนเทียนก็เจอพรรคฝูเวยดักสังหารจากค่าหัวที่มาจากตระกูลหนิว ไม่แน่ว่าตระกูลเฉิงกับตระกูลจางอีกสองตระกูลจะไม่ลงมือกับลูกหลานตระกูลหวงคนอื่น
แต่เสวียนเทียนไม่พูดเื่นี้ออกมาถึงในมือจะมีหลักฐานว่าตระกูลหนิวใช้พรรคฝูเวยมาสังหารเขา แต่มีประโยชน์อันใดเล่า? ตระกูลหนิวกัดฟันไม่ยอมรับถ้าตระกูลหนิว เฉิง จางสามตระกูลร่วมมือกัน ตระกูลหวงดึงดันจะแก้แค้นจะสำเร็จได้งั้นหรือ?
หลักฐานใบรางวัลค่าหัวแผ่นนั้น วันหลังยังคงมีประโยชน์ในเมื่อตอนนี้นำออกมาก็บีบให้ตระกูลหนิว เฉิง จางยอมรับไม่ได้ ไม่สู้เก็บใช้ในโอกาสที่เหมาะกว่านี้ดีกว่า
ที่จริงแล้วต่อให้เสวียนเทียนไม่พูดคนตระกูลหวงก็พอเดาได้ ตระกูลหนิว เฉิงจางเพิ่งมาเชิญตระกูลหวงให้เข้าร่วมการประลองทายาทรุ่นหลังเพิ่งจะผ่านไปได้ครู่เดียวก็มีข่าวทายาทตระกูลหวงคนเดียวที่บรรลุชั้นเบิกนภาได้รับาเ็สาหัสเวลาเหมาะเจาะทำให้ลำบากได้พอดี
แบบนี้เมื่อตระกูลหวงตกลงเข้าร่วมประลองทายาทรุ่นหลังแต่ลูกหลานชั้นเบิกนภาของพวกเขาไม่สามารถมาแข่งได้ ตระกูลหนิว เฉิงจางก็ถือว่าตระกูลหวงพ่ายแพ้การประลองได้โดยไม่มีข้อครหา แล้วขโมยเอาหมู่บ้านหวงปั้วไป
หวงเวยาเ็หนักเอาการไม่พักรักษาตัวสักหลายเดือน ลุกจากเตียงก็คงลุกไม่ไหว แต่ชีวิตยังรักษาไว้ได้พอหวงเวยฟื้นขึ้นมาถามว่าใครเป็คนทำร้าย หวงเวยก็ชี้ตัวไม่ได้ บอกแต่ว่าเป็คนใส่ชุดดำปิดหน้าสองคนเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาหวงเวยหนีออกมาจากเงื้อมมือของทั้งสองคนได้ก็นับว่าดวงแข็งมากแล้ว
ถึงแม้จะเห็นชัดๆ ว่าเป็ฝีมือของตระกูลหนิวเฉิง จาง แต่ตระกูลหวงตอนนี้ไม่มีกำลังจะชำระแค้นกับศัตรูทั้งสามตระกูล ได้แต่กล้ำกลืนความแค้นไว้ในใจอดทนรอ
วันถัดมาหวงเจียนลูกชายของหวงฉีซานก็กลับมาถึงเขาเป็ศิษย์นอกของสำนักหมัดราชันย์ พลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบระหว่างทางก็ถูกโจมตี แต่ไม่ใช่ยอดฝีมือชั้นเบิกนภา เขาเพียงได้รับาเ็เล็กน้อยหนีรอดกลับมาได้
คนสุดท้ายที่กลับมาคือหวงเจวียน ลูกสาวของหวงฉีซานหวงเจวียนมีพร์ในทางการฝึกยุทธ์ค่อนข้างสูงอายุเพียงสิบสามปีก็มีพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้า เป็ศิษย์นอกของสำนักดาบเทวะ สำนักอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเสินเตา
สำนักดาบเทวะเป็สำนักใหญ่ที่มีอำนาจอิทธิพลขั้นหกนับเป็ราชันย์ของบรรดาสำนักในอาณาจักรเสินเตา หวงเจวียนไม่ถูกใครโจมตีปลอดภัยกลับมายังตระกูลหวง ดูแล้วชื่อเสียงของสำนักดาบเทวะจะยิ่งใหญ่มากจริงๆไม่มีใครกล้าแตะคมดาบของพวกเขาเลย
นอกจากสำนักดาบเทวะไม่ว่าจะเป็สำนักกระบี่์ หรือสำนักหมัดราชันย์ สำนักเทียมเมฆาถึงจะเป็สำนักใหญ่ขั้นหกขั้นเจ็ด แต่ลูกศิษย์ในสำนักก็ยังถูกคนลอบโจมตีอยู่ดี
หวงเวยาเ็หนักไม่อาจเป็ตัวแทนเข้าประลองทายาทรุ่นหลังได้ที่สุดแล้วก็ตัดสินให้เสวียนเทียนเข้าประลองแทน
แม้ว่าเสวียนเทียนจะมีพลังวัตรเพียงชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าเทียบกับหวงเจียนยังต่ำกว่าหนึ่งขั้น แต่เมื่อประลองกับหวงเจียนครั้งหนึ่งคนในตระกูลหวงทุกคนก็รู้ได้ว่าความสามารถของเสวียนเทียนชนะผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบไปไกลบางทีอาจมีความสามารถต่อกรกับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งได้จริงๆ
การประลองทายาทรุ่นหลังจัดขึ้นพอดีกับวันเทศกาลสิ้นปีตระกูลหนิว เฉิง จาง จะเชิญบุคคลที่มีหน้ามีตาในอำเภอเป่ยโม่จำนวนหนึ่งมาเข้าร่วมชม
ตอนนี้ห่างจากวันเทศกาลสิ้นปีเพียงสิบสองวัน
เพื่อให้ได้ชัยชนะในการประลองฝีมือของทายาทรุ่นหลังแห่งอำเภอเป่ยโม่หลายวันนี้เสวียนเทียนจะเก็บตัวอยู่ที่บ้านเพื่อฝึกฝน
เสวียนเทียนอยู่เพียงลำพังในห้อง หยิบ ‘หลินจือหยก’ ออกมา
ถึงแม้ว่า ‘หลินจือหยก’ จะหลอมแปรพลังยากกว่า ‘หญ้าฉีหวง’ แต่ถ้ามีเวลาถึงสิบสองวันก็น่าจะทันหากพลังวัตรทะลุสู่ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบ เช่นนั้นการรับมือกับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งย่อมมีโอกาสมากกว่าเดิมแน่นอน
“ก๊อกๆๆ...”
ตอนที่เสวียนเทียนกำลังจะกิน ‘หลิงจือหยก’ เข้าไป ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกันนั้น เสียงของเสวียนหงก็ดังขึ้น“เทียนเอ๋อร์”
เสวียนเทียนวาง ‘หลินจือหยก’ ไว้ด้านข้างรีบเดินมาที่ประตู แล้วเปิดประตูออก ด้านนอกประตูมีเพียงเสวียนหง
“ท่านพ่อ! เรียกหาข้ามีเื่อันใดหรือ?” เมื่อครู่เสวียนเทียนเพิ่งแยกกับเสวียนหงมาเสวียนเทียนจึงถามขึ้น
“เข้าไปข้างในเถอะ!”
เสวียนหงโบกมือ นำเข้าไปในห้อง
เสวียนเทียนปิดประตูเสร็จก็ตามมาข้างตัวเสวียนหง
เสวียนหงเห็น ‘หลินจือหยก’ บนโต๊ะก็กล่าวว่า“หลินจือหยกช่วยยกระดับพลังวัตรของเ้า มีประโยชน์มากแต่ก็หลอมแปรพลังได้ยาก อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนขึ้นไปถึงช่วยให้เ้าบรรลุพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบได้”เื่ที่เสวียนเทียนมีหลินจือหยกอยู่ที่ตัวเขาบอกกับเสวียนหงไว้แล้ว ส่วนหญ้าฉีหวงก็มอบให้แก่ตระกูลหวงไปเรียบร้อย
เสวียนเทียนพยักหน้า ตอบว่า “ต่อให้เป็ตอนนี้ข้าใช้เพลงกระบี่ดับเงาก็มีโอกาสเอาชนะยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งหลังจากนี้สิบสองวันต่อให้ไม่บรรลุชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบก็ไม่ได้ห่างชั้นกันสักเท่าไร ความสามารถยิ่งสูงขึ้น โอกาสชนะก็ยิ่งสูงขึ้น”
เสวียนหงพูดต่อ “ศึกนี้มีแต่ต้องชนะ จะแพ้ไม่ได้ เทียนเอ๋อร์วิชาปราณและวิทยายุทธ์ของตระกูลเสวียน พ่อไม่อาจสอนเ้าได้ นี่ไม่ดีกับเ้าแต่พ่อตอนอายุน้อยออกไปฝึกวิชาเก็บประสบการณ์ได้เรียนวิทยายุทธ์อย่างอื่นมาบ้างวิทยายุทธ์เหล่านี้ขั้นต่ำก็เป็ชั้นนิล ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาก็ฝึกฝนไม่ได้ถึงเ้าจะยังไม่ลุชั้นเบิกนภาแต่ความสามารถเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งมีวิทยายุทธ์สองอย่างที่เ้าน่าจะฝึกฝนได้”
“จริงหรือ? ท่านพ่อ เป็วิทยายุทธ์อะไรหรือ?” เสวียนเทียนดีใจยกใหญ่
ในสำนักกระบี่์จะเรียนวิทยายุทธ์ชั้นนิลสักวิชาต้องใช้แต้มภารกิจแสนแต้มยากจะได้เรียน แต่ตอนนี้เสวียนหงจะสอนวิทยายุทธ์ชั้นนิลให้ถึงสองวิชาจะไม่ให้เสวียนเทียนดีใจได้อย่างไร
เห็นท่าทางเสวียนเทียนดีใจเสวียนหงก็นึกถึงตอนที่ตัวเองยังเยาว์วัย เขาก็ตื่นเต้นแบบนี้เช่นกันตอนที่ได้ฝึกฝนวิทยายุทธ์ใหม่ทว่าตอนนี้ในหัวมีวิทยายุทธ์นับร้อยกลับไม่อาจใช้ออกมาได้
เสวียนหงยิ้มขื่นออกมาแต่ไม่นานก็ดึงสติกลับมาได้ กล่าวว่า “เคล็ดวิชาชั้นนิล เคล็ดหลอมปราณนี่เป็วิชาเสริมช่วยวิชาปราณอย่างหนึ่ง ใช้ฝึกฝนปราณภายในร่างกายทำให้ปราณแท้ของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภายิ่งหลอมอัดแน่น คุณภาพยิ่งสูงกว่าเดิมพลังยิ่งแข็งแกร่ง หากเ้าฝึกฝน จะทำให้พลังภายในชั้นเบิกนภาในร่างกายเปลี่ยนไปเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาได้รวดเร็วยิ่งขึ้นยกระดับพลังภายในให้สูงขึ้นอย่างมาก”
“วิชาท่าร่างชั้นนิลขั้นต่ำก้าวย่างัพยัคฆ์ วิชาตัวเบาท่าร่างของชั้นนิลขึ้นไปมีไม่มากเมื่อเทียบกับวิทยายุทธ์ประเภทอื่นแล้วน้อยกว่ากันมาก หากเ้าฝึกฝนวิชาก้าวย่างัพยัคฆ์ยามเผชิญกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นต่ำกว่าชั้นเบิกนภาขั้นสี่ก็สามารถถอยหนีได้อย่างง่ายดาย”
หลังเสวียนหงแนะนำวิทยายุทธ์ชั้นนิลทั้งสองเสร็จก็เริ่มสั่งสอนเสวียนเทียนทันทีแม้ว่าเสวียนหงเส้นปราณจะขาดจนกลายเป็คนพิการ แต่วิทยายุทธ์ที่ติดตัวจำนวนมาก ยังจารึกอยู่ในใจ
เสวียนเทียนแต่เดิมก็มีปัญญาดีอยู่แล้วเมื่อได้ยอดจอมยุทธ์ชั้นนภาอย่างเสวียนหงมาสั่งสอน ไม่นานก็เรียน ‘เคล็ดหลอมปราณ’ กับ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ได้ ขาดก็แต่ตัวเองต้องฝึกฝนต่อเอง
พอเสวียนเทียนเรียนเป็แล้ว เสวียนหงก็ออกไปเวลาที่เหลือต้องอาศัยตัวเสวียนเทียนฝึกฝนเอาเอง
เวลาต่อมา เสวียนเทียนก็กิน ‘หลินจือหยก’ เข้าไป ทุกวันจะใช้เวลาครึ่งวันโคจรปราณหลอมพลังของ ‘หลินจือหยก’ มาเป็ ‘ปราณเบิกนภา’ เพื่อช่วยเพิ่มพลังวัตรส่วนอีกครึ่งวันที่เหลือก็ฝึกฝน ‘เคล็ดหลอมปราณ’ กับ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ต่อ
ชั่วพริบตา เวลาสิบสองวันก็ผ่านไปวันเทศกาลสิ้นปีก็มาถึง
หลังผ่านการเคี่ยวกรำฝึกฝนมาสิบสองวัน แม้ว่าเสวียนเทียนจะยังไม่ก้าวเข้าสู้ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบแต่ก็เหลืออีกเพียงก้าวเล็กๆ เท่านั้น
พลังวัตรไม่ทะลุขึ้นอีกชั้นแต่ความสามารถของเสวียนเทียนเพิ่มขึ้นหลายเท่า หลังจากฝึกฝนเคล็ดหลอมปราณพลังภายในปราณเบิกนภาในร่างของเสวียนเทียนก็เปลี่ยนเป็บริสุทธิ์เหนือสิ่งใด แทบมีเค้าว่าจะเปลี่ยนเป็ปราณแท้ของชั้นเบิกนภาแล้ว
ถึงขนาดที่ว่าขอเพียงพลังวัตรของเสวียนเทียนทะลุชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบพลังภายในปราณเบิกนภาในร่างก็สามารถเปลี่ยนเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาได้เลย
ใช้เวลาไม่นาน เมื่อปราณเบิกนภาในร่างกลายเป็ปราณแท้จนหมดเสวียนเทียนก็อาจถึงขั้นบรรลุชั้นเบิกนภา ก้าวขึ้นมาเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาได้
‘เคล็ดหลอมปราณ’ ไม่เสียทีที่เป็เคล็ดวิชาชนิดหนึ่ง ช่างลี้ลับนัก
สิ่งที่เรียกว่าเคล็ดวิชานั้นไม่ใช่วิชาปราณหรือวิทยายุทธ์ธรรมดา แต่มีอานุภาพที่พิเศษ อย่างเช่น ‘เคล็ดหลอมปราณ’ ตัวมันเองไม่สามารถฝึกพลังภายในหรือปราณแท้ออกมาได้แต่สามารถทำให้พลังภายในและปราณแท้ในร่างยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งควบแน่น ทำให้ระดับคุณภาพของพลังภายในสูงขึ้นพลังยิ่งกล้าแกร่งมากขึ้น
ส่วนการฝึกฝน ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ผลลัพธ์ด้อยไปเสียหน่อย แต่ที่ว่าด้อยนี้เทียบกับความสำเร็จที่เสวียนเทียนฝึกวิทยายุทธ์ชั้นทองทั้งหลายสำเร็จ ที่จริงแล้วในเวลาสิบสองวัน เสวียนเทียนฝึกฝน ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ได้ถึงขั้นบรรลุบางส่วนแล้ว
เมื่อเทศกาลวันสิ้นปีมาถึง การประลองทายาทรุ่นหลังของตระกูลหนิวตระกูลเฉิง ตระกูลจาง ตระกูลหวง ทั้งสี่ตระกูล ในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้