ซย่านีจะถูกคนโจมตีได้อย่างไร เธอเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง โจวเจี๋ยมีนิสัยโดนโอ๋จนเคยชิน พริบตาเดียวก็เซไปจนแทบจะชนเข้ากับเตาผิงที่กำลังลุกไหม้อยู่
“พี่สะใภ้ พี่ระวังหน่อยสิ ถ้าถูกไฟลวกขึ้นมาจะโทษฉันไม่ได้นะ” ซย่านีประชดเธอกล่าวต่อว่า “พี่ก็อย่ามาโทษที่ฉันตบหน้าลูกสาวของพี่เลย พี่ฟังดูสิว่าเมื่อครู่นี้ลูกสาวของพี่พูดจาอย่างไร? บอกว่าหยางหยางไม่คู่ควรงั้นหรือ? ฉันเป็แม่ที่ไร้การศึกษาจริงๆ นั่นแหละแต่พ่อของหยางหยางเป็ถึงนักศึกษาหัวกะทิของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศนะ! ถ้าหยางหยางไม่คู่ควรแล้วล่ะก็ เช่นนั้นซ่งเสี่ยวสยาคนนี้คู่ควรงั้นหรือ? พ่อแม่ของเธอมีใครเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยสักคนไหมเล่า?”
ซย่านีจ้องโจวเจี๋ยเขม็ง “พี่เป็แม่กลับไม่สั่งสอนลูกให้ดี เช่นนั้นก็ให้ฉันสั่งสอนเด็กคนนี้แทนพี่ก็แล้วกัน!”
“เธออายุตั้งเท่าไหร่แล้ว? เธอเป็อาสะใภ้แล้วทั้งคนยังจะมาคิดบัญชีกับเด็กเล็กๆ อีกงั้นหรือ?” หวังซิ่วอิงถลึงตาจ้องซย่านีอย่างดุร้าย
ซย่านีส่งเสียง ‘เหอะ’ หนึ่งทีแล้วกล่าวต่อว่า “ฉันเองก็ไม่อยากจะมาคิดบัญชีกับเด็กคนนี้หรอก แต่ก่อนหน้านี้แม่เองก็ถือไม้กวาดตามมาคิดบัญชีกับลูกฉันไม่ใช่หรือไง? ลูกชายฉันทำผิดอะไรงั้นหรือ? ถ้าซ่งเสี่ยวสยาไม่มาขวางทางลูกชายของฉันไว้ หยางหยางก็คงไม่ผลักเธอล้มหรอกใช่ไหม?!”
“นี่ๆๆ” หวังซิ่วอิงชี้หน้าซย่านี “ฉันว่าเธอชักจะหาเื่ใหญ่แล้วนะ!”
ซย่านีผลักโจวเจี๋ยที่กำลังยืนขวางหน้าซ่งเสี่ยวสยาออกไปแล้วพูดกับซ่งเสี่ยวสยาว่า “วันนี้เธอต้องขอโทษลูกชายของฉัน ถ้าเธอไม่ขอโทษพรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียนของเธอ แล้วลองถามคุณครูของเธอดูสิว่าเื่ที่เธอฉีกแผ่นการบ้านของคนอื่นแบบนี้มันผิดหรือเปล่า!”
พอซ่งเสี่ยวสยาได้ยินคำว่าจะไปฟ้องครูเธอก็ใกลัวขึ้นมาแล้ว เธอรู้ว่าคนในบ้านจะต้องเข้าข้างเธอแน่แต่คุณครูที่โรงเรียนคงไม่มีทางทำอย่างนั้น
“แม่...” ซ่งเสี่ยวสยาร้องไห้หาโจวเจี๋ยเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
โจวเจี๋ยรีบพูดทันที “ซย่านี เธอ้าอะไรกันแน่?”
ซย่านีตอบ “ฉันอยากให้ซ่งเสี่ยวสยาขอโทษหยางหยาง”
โจวเจี๋ยหันหน้ากลับไปเอ่ยกับลูกสาวตน “เสี่ยวสยา...”
ซ่งเสี่ยวสยากัดริมฝีปากแล้วเงยหน้ามองโจวเจี๋ยอย่างน้อยใจเหมือนไม่ได้รับความเป็ธรรม โจวเจี๋ยเองก็อยากปกป้องลูกสาวของตนเองแต่หากซย่านีไปสร้างปัญหาที่โรงเรียนขึ้นมาเช่นนั้นจะไม่ถูกคนหัวเราะเยาะเอาหรอกหรือ! ดังนั้นเธอจึงได้แต่ต้องฝืนใจลูกสาวของตนเองแล้ว
ซ่งเสี่ยวสยารู้ว่าโจวเจี๋ยช่วยเธอไม่ได้แล้วจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากหวังซิ่วอิงแทน
หวังซิ่วอิงกลับเลือกที่จะช่วยหลานสาวเธอรีบพูดขึ้นทันที “มันก็แค่กระดาษแผ่นเดียวไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ด้วย ไม่แน่ว่าหยางหยางอาจจะไม่อยากทำการบ้านแผ่นนั้นเองหรือเปล่า? เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยสร้างเื่นี้ขึ้นมา!” เธอหันไปถามซ่งตงซวี่ต่อทันที “หยางหยาง หลานชอบทำการบ้านหรือชอบเล่นสนุกมากกว่ากัน?”
ผู้หญิงคนนี้คิดจะถามคำถามแบบนี้กับเด็กขี้เล่นจริงๆ หรือ? เธอหมายความยังไงกันแน่? หากหยางหยางตอบว่าชอบเล่นเช่นนั้นไม่ใช่ว่าเธอจะหันไปยกย่องซ่งเสี่ยวสยาว่าทำดีแล้วหรอกหรือ? ซย่านีโกรธจนแทบกระอักเือยู่แล้ว! เธอแทบจะอยากพุ่งตัวเข้าไปตบหน้ายายแก่หวังซิ่วอิงสักทีสองที! ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
โชคดีที่แม้ซ่งตงซวี่จะชอบเล่นสนุกแต่เขาก็ยังจำรางวัลที่ซย่านีเคยสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ได้ เด็กชายจึงตอบอย่างมั่นใจและเสียงดังฟังชัดว่า “ผมชอบทำการบ้านครับ!”
ซย่านีแสยะยิ้มทันที
หวังซิ่วอิงสีหน้าย่ำแย่ลงทันตา
ซย่านีไม่สนใจแม่สามีของเธออีกต่อไปเธอยังคงจ้องมองซ่งเสี่ยวสยาแล้วไล่ถาม “เธอจะไม่ขอโทษใช่ไหม? ถ้าเธอไม่ขอโทษฉันจะไปหาคุณครูของเธอที่โรงเรียนจริงๆ ด้วย ถ้าเธอไม่กลัวขายขี้หน้าคนงั้นเธอก็ยืนกรานแบบนี้ต่อไปก็แล้วกัน”
ซ่งเสี่ยวสยากวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง ดูเหมือนว่าทั้งพ่อกับปู่แถมยังมีอาเล็กต่างก็ไม่มีใครเต็มใจจะช่วยเธอเลยสักคน เธอดวงตาแดงก่ำด้วยความอัดอั้นตันใจ
“ขอโทษ”
ซย่านีมีสีหน้าไม่แยแส “เธอว่าอะไรนะ? ฉันไม่ได้ยินเลยเสียงอย่างกับยุงบิน ใครมันจะไปได้ยิน!”
ซ่งเสี่ยวสยาใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ ก่อนเธอจะตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อย “ขอโทษ!”
