อินเหิงเหลือบมองบรรดาอันธพาลในลานเรือนด้วยสีหน้าท่าทางอ่อนแอ ค่อยๆ เอ่ยว่า “ข้าเป็คนพูดหรือ”
เหล่าอันธพาลสับสนอยู่บ้าง แม้แววตาของอินเหิงไร้คลื่นอารมณ์ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก จึงพากันส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง
อินเหิงหันมองซวี่เฉินฟาง กล่าวว่า “พวกเขาปฏิเสธแล้ว”
ซวี่เฉินฟางยิ้มเ็า “เมื่อครู่ในป่าสารภาพซะละเอียด ไม่ใช่ว่าเ้าทำให้พวกเขาใแทบสิ้นสติหรือ?”
อินเหิงถามเหล่าอันธพาลอีก “ข้าทำให้พวกเ้าใหรือ”
เหล่าอันธพาลส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง
อินเหิงเลิกคิ้วนิดๆ กล่าวว่า “เ้าดูสิ พวกเขายังคงปฏิเสธ”
ซวี่เฉินฟางกล่าวอย่างโมโห “หวังสิง นอกจากเ้าแล้วก็ไม่มีผู้ใดในเรือนนี้ใจดำเท่าเ้าอีกแล้ว!”
อินเหิงยิ้มอ่อน รอยยิ้มของเขาพาให้ทั้งลานเรือนสว่างไสว “อาอู่ ข้าใจดำมากหรือ”
เมิ่งอู่ตอบ “ไม่ดำๆ อาเหิงใจดี”
การดูว่าผู้ใดใจดำหรือไม่ มิอาจมองเพียงผิวเผินอย่างเดียว บางคนภายนอกงดงาม แต่ภายในอาจร้ายกาจมากโข...
อันธพาลคนหนึ่งกล่าวอย่างอ่อนแรง “พี่สาวใหญ่... ไม่สิ ญาติผู้พี่ พวกเราแค่ไม่เคยเห็นสาวงามที่มาจากในเมืองมาก่อน จึงจำผิดไปชั่วขณะเท่านั้น... ”
เมื่อเห็นว่าซวี่เฉินฟางเริ่มพับแขนเสื้อขึ้น ดูเหมือนเตรียมจะลงไม้ลงมือตีคนแล้ว เหล่าอันธพาลจึงอดเกลี้ยกล่อมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่ได้ “ลืมซะเถอะ ญาติผู้พี่ ลืมซะเถอะ คนในครอบครัวเดียวกันต้องปรองดองสมานฉันท์กันไว้”
เมิ่งอู่รีบก้าวออกมายืนขวางระหว่างอินเหิงกับซวี่เฉินฟางได้ทันเวลา กล่าวว่า “ทั้งหมดเป็เื่เข้าใจผิด เข้าใจผิด ใครบ้างที่มองไม่พลาด ยามที่ข้าเห็นเ้าครั้งแรกก็เกือบมองผิดไปเช่นกัน”
นางหันกลับไปถามเหล่าอันธพาล “พวกเ้าไม่ได้ทำอันใดญาติผู้พี่ของข้ากระมัง?”
ซวี่เฉินฟางจ้องมองเมิ่งอู่ทั้งสีหน้ามืดครึ้มนิดๆ เห็นมุมปากของนางหยักขึ้น น่าจะยินดีปรีดากับคราวเคราะห์ของคนอื่นอยู่เป็แน่
เหล่าอันธพาลส่ายหน้า “ไม่มีๆ ญาติผู้พี่ของเ้ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ [1] เขารับมือยากนัก”
เมิ่งอู่ถอนหายใจเอ่ย “ไม่มีอันใดก็ดี ไม่มีอันใดก็ดีแล้ว”
ทำไมถึงฟังคล้ายจะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเล่า? หากเขาถูกบุรุษหยาบช้าป่าเถื่อนพวกนี้รังแกจริงๆ คาดว่านางน่าจะหัวเราะท้องคัดท้องแข็งกระมัง
เมิ่งอู่หันไปถามเหล่าอันธพาลอีกครั้ง “จริงสิ ไฉนหน้าของพวกเ้าถึงบวมช้ำแบบนี้เล่า ญาติผู้พี่ของข้าเป็คนทุบตีเอาหรือ?” นางเหลือบมองซวี่เฉินฟางผาดหนึ่งท่าทางพินิจพิจารณาเขาอยู่ “ที่แท้ญาติผู้พี่ของข้าก็เก่งกาจเช่นนี้เชียวหรือ?”
ซวี่เฉินฟางหรี่ตา กล่าวว่า “ข้าสู้กับคนจำนวนมากเพียงลำพัง เกือบจะเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว ข้ากลัวจนหัวหด ใแทบสิ้นสติจนแทบมิกล้าลืมตา ได้แต่คว้าอันใดก็ได้ไว้ในมือ แล้วตอบโต้อย่างเอาเป็เอาตาย พอรู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็แบบนี้แล้ว”
ซวี่เฉินฟางจ้องเหล่าอันธพาลเขม็ง “พวกเ้าพูดซิว่าเป็เช่นนี้ใช่หรือไม่?”
อินเหิงหัวเราะเยาะเบาๆ “ยังกลัวจนหัวหด ใแทบสิ้นสติ พูดออกมาได้หน้าด้านๆ”
ซวี่เฉินฟางยิ้มเ็า เอ่ยว่า “แล้วอย่างไร ข้ากลัวไม่ได้หรือไร?”
อินเหิงกล่าว “ได้แน่นอน ตามแต่ใจเ้าเลย”
เหล่าอันธพาลล้วนพูดไม่ออก ผู้ใดกันที่กลัวจนหัวหด ผู้ใดกันที่ใแทบสิ้นสติ ผู้ใดกันที่ถูกกระทืบจนมิกล้าลืมตา… ช่างเถิด ดูเหมือนญาติผู้พี่คนนี้ก็ไม่ใช่ผู้ที่ยั่วยุได้ง่ายเลย พวกเขาจึงได้แต่ต้องพยักหน้าทั้งน้ำตา กล่าวเสียงอู้อี้ “ถูกต้อง ญาติผู้พี่กล่าวถูกต้องแล้ว... พวกเราทำให้ญาติผู้พี่ตระหนกใ... แท้จริงแล้วพวกเราไม่ได้อยากทำร้ายเ้า แค่อยากใกล้ชิดเ้าเท่านั้น.. .”
สุดท้ายเมิ่งอู่จึงไกล่เกลี่ย “ดูคล้ายจะเป็เื่เข้าใจผิดจริงๆ ไม่ต่อยตีกันก็ไม่รู้จักกัน ต่อไปนี้พวกเราทุกคนต้องอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว”
จากนั้นเมิ่งอู่ก็นำยาสมุนไพรรักษาาแมาให้พวกเขาทา ตกเย็นเหล่าอันธพาลยังได้ลิ้มลองปิ่งผักป่าแสนอร่อยที่นางเซี่ยทำ หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเขาก็พากันจากไปด้วยความพึงใจ
ระหว่างเก็บชามและตะเกียบ นางเซี่ยก็ล่วงรู้ต้นสายปลายเหตุของเื่นี้แล้ว นางกล่าว “แม้เฉินฟางเป็เด็กหนุ่ม แต่เกิดมามีรูปลักษณ์งามพร้อม หากผู้อื่นรังแกเขาจริงๆ จะทำอย่างไร? อาอู่ ภายภาคหน้าเ้าต้องช่วยเหลือญาติผู้พี่ของเ้า”
ซวี่เฉินฟางมีสีหน้าซาบซึ้งตื้นตัน กล่าวว่า “ท่านป้าช่างดีต่อข้าเหลือเกิน”
เมิ่งอู่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวว่า “ใครใช้ให้เ้าเข้ากับคนได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งบุรุษสตรีกวาดเรียบเล่า หากเ้าไม่โอ้อวดขนาดนั้นก็จะไม่มีผู้ใดหมายตา”
ตกดึก อินเหิงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เมิ่งอู่จึงอาสาเฝ้าหน้าประตู นางฮัมเพลงเบาๆ พร้อมกับแอบมองผ่านรอยแยกของประตูเป็ระยะๆ
หากได้เห็นเส้นสายตามเนื้อตัวของอินเหิงและเรือนผมเปียกชื้นของเขาอีกครั้ง ประกอบกับเสียงน้ำไหล คืนนี้จะเป็ค่ำคืนที่เร้าใจอีกคืนหนึ่ง
ทว่าน่าเสียดายยามนี้ในเรือนยังมีคนที่เกรงว่าโลกจะไม่วุ่นวายอยู่ด้วย
เมิ่งอู่เพิ่งย้ายม้านั่งตัวเล็กมานั่งหน้าประตูได้ไม่นาน ก็เห็นอินเหิงถอดเสื้อผ้า ยังไม่ทันชื่นชมอย่างละเอียด ก็ได้ยินเสียง “จุ๊ๆ” ดังมาจากชายคา
เมิ่งอู่หันขวับไปมอง เห็นเพียงซวี่เฉินฟางยืนสองมือกอดอกพิงเสาไม้อยู่ด้านข้าง ใบหน้าประดับยิ้มเ้าเล่ห์
ซวี่เฉินฟางกล่าว “ไม่คิดเลยว่าญาติผู้น้องอาอู่จะมีรสนิยมแบบนี้ แอบดูบุรุษอาบน้ำ ไม่กลัวเป็ตากุ้งยิงหรือ?”
เมิ่งอู่กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “เ้ามีหลักฐานใดมายืนยันว่าข้ากำลังแอบดูบุรุษอาบน้ำ?” นางหัวเราะเบาๆ “ตากุ้งยิงรึ หึ หลอกเด็กสามขวบหรือไร”
ซวี่เฉินฟางยิ้มตาหยี เอ่ยว่า “หากเ้าไม่ได้แอบดู ไฉนถึงมานั่งอยู่หน้าประตู? เ้าจะเอี้ยวคอมองผ่านช่องประตูไปไย?”
เมิ่งอู่ใช้นิ้วเขี่ยรอยแยกของประตู กล่าวว่า “ข้ากำลังดูช่องประตูนี่อยู่ต่างหาก ไม่รู้ว่ามีรูตรงนี้ั้แ่เมื่อไร!”
ซวี่เฉินฟางหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าว “เหตุใดเ้าถึงหน้าหนาเพียงนี้? มาสิ เขามีอันใดน่าดู ยืนไม่ได้สักหน่อย ถ้าอยากดูคราวหน้าข้าจะอาบน้ำให้เ้าดู อยากดูด้านหน้าก็ดูด้านหน้า อยากดูด้านหลังก็ดูด้านหลัง”
เมิ่งอู่ “ข้าไม่สนใจ”
“เ้าจะมาหรือไม่?”
เมิ่งอู่กล่าวอย่างมีน้ำโห “ข้านั่งอยู่ตรงนี้เกะกะเ้าหรือไร? เ้ายุ่งไม่เข้าเื่”
เป็ผลให้ซวี่เฉินฟางหันไปะโใส่ประตูห้องของนางเซี่ย “ท่านป้า ท่านหลับแล้วหรือยังขอรับ?”
เมิ่งอู่คิ้วกระตุก นางรีบย้ายม้านั่งตัวเล็กไปนั่งที่ลานเรือน ก่อนเหลียวกลับไปจ้องซวี่เฉินฟาง
นางเซี่ยขานรับจากในห้อง ซวี่เฉินฟางยิ้มมองเมิ่งอู่ที่ยอมจำนนอยู่ในลานเรือน กล่าวว่า “ท่านป้ารีบพักผ่อนเถิดขอรับ ระวังนอนดึกแล้วจะไม่สบาย”
นางเซี่ยกล่าว “ตกลง เ้าก็เข้านอนเร็วๆ เช่นกัน”
รอกระทั่งอินเหิงอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา เมิ่งอู่ก็เอาผ้ามาเช็ดผมให้เขา จากนั้นก็พาเขากลับไปพักผ่อนในห้อง
ซวี่เฉินฟางผู้นี้ช่างน่ารังเกียจนัก นางเซี่ยมอบหมายงานให้เขา โดยบอกให้เขาคอยจับตาดูเมิ่งอู่กับอินเหิงไว้ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนทำเื่ไม่เหมาะไม่ควรอีก
ซวี่เฉินฟางมีความสุขมากกับการทำให้คนเลิกกันพร้อมไปกับการทำเื่ดีๆ ทำเอาเมิ่งอู่มิกล้าอยู่ในห้องของอินเหิงนาน ทำให้ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาอีก
ต่อมาเมื่อเหล่าอันธพาลในหมู่บ้านพบเจอซวี่เฉินฟาง แน่นอนว่าพวกเขาสุภาพอ่อนน้อมยิ่ง พอหวนนึกถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในป่าก็มิกล้ายั่วยุซวี่เฉินฟางอีกต่อไป มักจะซ่อนตัวอยู่ไกลๆ หรือเดินอ้อมเขาไป แต่สองตาก็อดแอบยลโฉมเขามากขึ้นไม่ได้
มีอันธพาลคนหนึ่งรำพึงรำพัน “ถึงแม้เขาจะเป็บุรุษ แต่ทำให้คนเกิดความปรารถนา... หรือเดิมทีข้าชมชอบบุรุษ?”
ซวี่เฉินฟางคาบหญ้าเขียวต้นหนึ่งไว้ในปากพลางหรี่ตามองพวกเขาจากระยะไกล ั์ตาโค้ง ยิ้มกล่าว “หลบอันใดกัน ข้าไม่ใช่ปีศาจร้ายสักหน่อย”
……….
[1] แปลตรงตัวว่า ร่างกายสมบูรณ์แบบ ถ้าเป็คำสแลงอินเทอร์เน็ตหมายถึง ความบริสุทธิ์ของหญิงพรหมจารี หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับความเสียหาย