อาจเป็เพราะว่าครั้งที่แล้วนางไปทำลายแผนของจ้าวอวี้ถิงที่จวนองค์หญิงใหญ่จึงทำให้แผนของพวกเขาล้มเหลวอย่างน่าอับอายจนน่าโมโห พวกเขาคงรู้สึกว่าตนไม่ใช่คนที่ถูกคนอื่นควบคุมได้ง่ายๆ
แต่ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ดี ต่อไปสองคนนี้จะได้ไม่ต้องมาเสแสร้งและแกล้งทำดีต่อหน้าตนอีก
หลังจากทานอาหารเช้าในวันนี้เสร็จ ซูิเยว่ก็เดินเล่นในเรือนของตัวเอง องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็เข้ามารายงาน “ด้านนอกประตูมีคนมาขอพบขอรับ”
ซูิเยว่ขมวดคิ้วแล้วเดินไปโดยไม่ได้พูดอะไร ด้านนอกประตูหอฮวาซีมีคนสวมชุดที่เหมือนกันทั้งตัว ในมือถือกล่องอาหารเอาไว้ พอเห็นซูิเยว่ก็ยิ้มหน้าบานเดินเข้าไปหา “สวัสดีขอรับคุณหนู”
ซูิเยว่พิจารณาเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย คนคนนี้นางไม่เคยเจอมาก่อน แต่ในเมื่อเขามาหาตนก็ต้องถามให้ชัดเจน ปกติแล้วจะเข้าจวนสกุลซูไม่ได้ง่ายๆ
“มาหาข้ามีเื่อะไรหรือ?”
เด็กหนุ่มยื่นกล่องอาหารในมือของตัวเองไปด้านหน้าแล้วพูด “ข้าน้อยเป็เสี่ยวเอ้อร์ของฝูหยวนจี้ เมื่อวานสาวใช้ข้างกายคุณหนูได้สั่งขนมกุ้ยฮวาหนึ่งชุด ขนมพุทราหนึ่งชุดและขนมเม็ดบัวหนึ่งชุดที่ร้านของพวกเราไว้ จากนั้นก็ให้ข้าน้อยเป็คนมาส่งให้ท่านที่จวนในตอนเช้าขอรับ”
“อ๋อ เช่นนั้นเองหรือ” ซูิเยว่ยกมือขึ้นไปรับกล่องอาหารมาแล้วให้เงินไม่กี่อีแปะกับเสี่ยวเอ้อร์คนนั้น “ลำบากแล้ว”
เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มหน้าบาน “ไม่ลำบาก ไม่ลำบากขอรับ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยขอลาขอรับ”
ซูิเยว่ถือกล่องอาหารเข้าไปในเรือน พอแค่หมุนตัวใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น นางไม่ได้ให้เสี่ยวอวี่ออกไปสั่งอาหาร แต่คนคนนี้ก็ไม่เหมือนกำลังโกหก ดูจากท่าทางแล้วก็เป็แค่เด็กทำงานให้
ซูิเยว่ถือกล่องอาหารเข้ามาในเรือน เสี่ยวอวี่กำลังทำความสะอาดห้อง นางเปลี่ยนผ้าสกปรกออกเพื่อเอาไปที่ห้องซักผ้าอยู่พอดี
“เสี่ยวอวี่รอเดี๋ยว”
ซูิเยว่เรียกนางไว้แล้ววางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบขนมสามชุดด้านในออกมา ซึ่งเป็ไปตามที่พูดจริงๆ “นี่เป็ของที่เ้าไปสั่งที่ร้านฝูหยวนจี้เมื่อวานหรือ?”
หน้าเสี่ยวอวี่มึนงงก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ได้สั่งนะเ้าคะ หลายวันมานี้ข้าไม่ออกจากจวนเลย มีแค่เสี่ยวหยวนที่อยู่ด้านนอกตลอด มีอะไรหรือเ้าคะ?”
ซูิเยว่ไม่ได้พูดอะไร นางจ้องขนมสามชุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “เสี่ยวอวี่ เ้ารีบเอาเสื้อผ้าไปส่งซักเร็วเข้า พวกเราจะออกไปข้างนอกกัน”
“เ้าค่ะ” เสี่ยวอวี่ไม่ได้ถามอย่างอื่นแล้วรีบออกไปทันที
หลังจากกลับมาพวกนางก็ออกจากจวนไป ซูิเยว่พาเสี่ยวอวี่กับหวังซวินมุ่งหน้าไปฝูหยวนจี้เพื่อไปหาเถ้าแก่ร้าน
เถ้าแก่ร้านกำลังนั่งคำนวณลูกคิดอยู่ด้านหน้าโต๊ะด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า “ไม่ทราบว่าคุณหนู้าอะไรหรือ?”
ซูิเยว่ไม่ได้พูดไร้สาระ นางรีบตรงเข้าประเด็นทันที “วันนี้มีคนสั่งขนมกุ้ยฮวาหนึ่งชุด ขนมเม็ดบัวหนึ่งชุดและขนมพุทราหนึ่งชุดจากที่นี่หรือไม่?”
เถ้าแก่ร้านฟังจบแล้วก็ชะงักไป สีหน้าก็เริ่มจริงจังขึ้นมา “ท่านคือคุณหนูซูใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ข้าเอง”
“เช่นนั้นเชิญท่านทางนี้ขอรับ” เถ้าแก่ไม่อธิบายมาก เดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะแล้วพาพวกนางขึ้นไปชั้นบน
หลังจากถึงห้องหนึ่งบนชั้นบน เถ้าแก่ก็เคาะประตูแล้วพูดเพียงแค่ว่าพาคนมาส่งก่อนจะเดินออกไป
ซูิเยว่ยกมือขึ้นดันประตูออกแล้วเดินเข้าไป เสี่ยวอวี่กับหวังซวินตามหลังนางมาอย่างระมัดระวัง
ริมหน้าต่างภายในห้องมีคนคนหนึ่งยืนหันหลังให้พวกเขาอยู่ พอได้ยินเสียงก็หันกลับมา “คุณหนูซู”
ซูิเยว่ยกยิ้ม ท่าทางเหมือนทุกอย่างอยู่ในการคาดเดา “พี่หลิงชวน จู่ๆ ก็มาหาข้ามีอะไรหรือ?”
ตอนแรกที่เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นเอาขนมมาส่งให้นาง ตอนนั้นนางใมากจริงๆ จึงไม่อาจเข้าใจอะไรได้ในเวลาสั้นๆ แต่หลังจากคิดมาอย่างละเอียดแล้ว คนที่มาหานางในเวลาสำคัญเช่นนี้มีแค่คนเดียว
เสี่ยวอวี่กับหวังซวินถึงได้วางใจ
หลิงชวนล้วงตั๋วใบหนึ่งจากในอกเสื้อแล้ววางไว้บนโต๊ะ “พวกนี้ก็คือสัญญาร้านค้าทั้งหมด แล้วก็เงินที่เหลือจากตั๋วเงินครั้งที่แล้วขอรับ”
ใบหน้าซูิเยว่เผยอาการดีใจออกมาแล้วหยิบตั๋วขึ้นมาดู สัญญาหลายสิบแผ่น แล้วก็เอกสารอ้างอิงต่างๆ ไม่ขาดแม้แต่ใบเดียว “องค์ชายสามของเ้าลงมือรวดเร็วจริงๆ”
หากเป็คนธรรมดาไปติดต่อกับสำนักราชการเอง นอกจากจะต้องจ่ายใต้โต๊ะมากมาย ยังต้องจ่ายค่าลงมืออีกไม่น้อย แต่พอมีคนที่มีฐานะสูงยื่นมือมาช่วย ผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ซูิเยว่มองอยู่สักพักก็ส่งตั๋วเงินไปให้หวังซวินที่อยู่ด้านหลังก่อนจะมองหลิงชวน “พรุ่งนี้ก็เป็วันที่ข้ามีนัดหมายว่าจะรักษาองค์ชายสามไม่ใช่หรือ หากมีเื่อะไร พรุ่งนี้ค่อยบอกกับข้าก็ได้เหมือนกันนี่”
หลิงชวนลอบคิด ตอนนั้นที่ซูิเยว่กลับไปแล้ว องค์ชายสามก็เร่งให้พวกเขาไปจัดการเื่นี้ คนของพวกเขาที่อยู่ในสำนักงานหยาเหมินก็ยังถูกใช้งานไปด้วย นี่เพิ่งจะแค่สองวัน แต่ทุกอย่างก็ดำเนินการเสร็จแล้ว
แต่คำพูดนี้เขาไม่กล้าพูดกับซูิเยว่แน่นอน
“องค์ชายสามกลัวว่าคุณหนูซูจะใจร้อน พอทำเสร็จก็สั่งให้ข้าเอามาให้ขอรับ แต่่นี้ที่จวนสกุลซูมีการคุ้มกันแ่ามาก ข้าจึงทำได้แค่ใช้วิธีอื่นมานัดคุณหนูซูออกมาพบขอรับ”
และก็โชคดีที่ซูิเยว่ฉลาด เข้าใจความหมายของเขา ไม่เช่นนั้นคาดว่าเขาคงทำได้แค่กลับไปเฉยๆ
ถึงแม้ซูหมิวเยว่จะบอกว่าไม่ได้รีบร้อน แต่สองวันนี้ก็รออยู่ที่จวนและดูเหมือนจะรีบอยู่เล็กน้อยจริงๆ พอได้ยินคำพูดของหลิงชวนก็รู้ว่าจี๋โม่หานทุ่มเทไปไม่น้อยกับเื่นี้แน่ๆ “เช่นนั้นก็รบกวนเ้าไปขอบคุณองค์ชายสามให้ข้าด้วยนะ”
หลิงชวนประสานมือเข้าหากัน “ไม่ต้องเกรงใจขอรับ”
“เช่นนั้น...” ซูิเยว่ครุ่นคิดแล้วก็พูด “พรุ่งนี้ก็เจอกันเวลานี้แล้วกัน ทำตามที่พวกเรานัดกันไว้ ข้าจะรอเ้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมเยว่เจียง”
“ขอรับ เช่นนั้นหากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอกลับไปรายงานองค์ชายสามแล้วขอรับ”
“อืม รบกวนแล้ว”
เมื่อครู่เสี่ยวอวี่ฟังมาได้สักพักหนึ่งก็สงสัยไม่เข้าใจ ตอนนี้นางจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างทนไม่ได้ “คุณหนู เมื่อครู่องครักษ์คนนั้นบอกว่าท่านนัดกับองค์ชายสามคืออะไรกันเ้าคะ ยังมีการรักษาอะไรอีก?”
ตอนนั้นที่ซูิเยว่กลับไปไม่ได้บอกพวกเขาว่าตนได้รับปากว่าจะรักษาดวงตาให้กับองค์ชายสาม อีกทั้งเื่ที่ตนได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์มา พวกเสี่ยวอวี่ก็ยังไม่รู้มากนัก
ถึงแม้ปกติตนจะชอบทำอะไรบางอย่างในห้อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาสงสัย เสี่ยวอวี่นั้นเติบโตมากับตน
นางไม่เคยรู้เลยว่าตนนั้นรู้วิชาแพทย์ด้วย ซูิเยว่เองก็ไม่ได้กลัวที่พวกเขาจะรู้ แต่ถ้ารู้แล้วไม่สามารถอธิบายได้ในทันทีก็สู้ไม่พูดเลยจะดีกว่า
“ไม่มีอะไร เื่นี้ข้าจะเล่าให้พวกเ้าฟังทีหลัง อย่างไรต่อจากนี้ข้ากับองค์ชายสามยังต้องเจอหน้ากันอีกนาน แต่ตอนนี้เื่ที่สำคัญที่สุดก็คือเื่เปิดร้าน เสี่ยวอวี่ หากเ้าไม่มีอะไรทำก็ไปช่วยหวังซวินให้มากๆ นะ”
“เ้าค่ะ ข้าทราบแล้วเ้าค่ะคุณหนู”
เที่ยงวันนั้นซูิเยว่ได้ส่งหวังซวินไปที่ร้านค้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้