ข้างนอกลมพัดแรงมาก
ในคืนที่ฝนตกหนักไม่มีใครนอนหลับสนิท
ณ เมืองอวิ๋นเมิ่ง
เมื่อฮั่วฉีอวี่และเย่เช่อที่อยู่ในจวนแม่ทัพเจิ้นหนานได้รับข่าว ใบหน้าของพวกเขาก็ดูไม่ค่อยดีนัก
ฮั่วฉีอวี่กล่าวอย่างเกียจคร้าน “เ้าบอกว่านางขอร้องให้ตระกูลมู่ตรวจสอบเื่การตายของสาวใช้หรือ? หอจุ้ยฮวนมีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?”
“นางมีจิตใจงดงาม จะมีผู้ใดปองร้ายนางได้” เย่เช่อกล่าว ทันใดนั้นเขาก็หวนนึกถึงค่ำคืนที่แสนหวานของเขากับนาง
‘แม้ว่าข้าจะทำสิ่งที่น่าละอายที่สุดกับนางไปแล้ว แต่ในเวลานี้ข้ากลับไม่สามารถช่วยเหลือนางได้เลย’
ผู้ใดบอกว่าหญิงสาวจากหอคณิกาโเี้?
อย่างน้อยนางก็ไม่เป็เช่นนั้นแน่นอน
หญิงสาวที่อ่อนโยนและจิตใจงดงามเช่นนี้กลับถูกปองร้าย เขา้าอยู่เคียงข้างนาง
ฮั่วฉีอวี่กล่าวว่า “อย่ากังวลไปเลย มีคนของซูเจินจับตามองอยู่ย่อมไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ เ้ายังไม่ได้เข้าวังเพื่อขอบคุณฮ่องเต้อีกหรือ?”
เย่เช่อถาม “ขอบคุณในความเมตตาของเขา? นี่เป็สิ่งที่เขา้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
ฮั่วฉีอวี่กล่าวว่า “เ้าไปเข้าเฝ้าก็ไม่เสียหายอะไร ท้ายที่สุดเขาก็สนับสนุนให้เ้าสืบทอดตำแหน่งของอ๋องอวิ๋นเมิ่งแทนที่จะปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของน้องชายเ้า อย่างน้อยเ้าก็ควรขอบคุณเขาในเื่นี้ไม่ใช่หรือ?”
เย่เช่อส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าจะไม่เข้าวังเด็ดขาด หากข้าเข้าวังใน่นี้คงดูแปลกพิกล เ้าคิดเห็นอย่างไรฮั่วฉีอวี่?”
ฮั่วฉีอวี่มีสีหน้าเหยียดหยัน เขารังเกียจพฤติกรรมแข็งนอกอ่อนในแบบนี้มากที่สุด “ข้าคิดอย่างไรน่ะหรือ? ถ้าเ้าไม่เข้าวังตอนนี้เย่เหยียนคงเริ่มฉลองความสำเร็จอย่างแน่นอน เขาทำทุกอย่างก็เพื่อขัดขวางไม่ให้เ้าเข้าวัง หรือเ้าคิดจะสวมหมวกของอ๋องอวิ๋นเมิ่งไปตลอดชีวิต!”
เย่เช่อรู้ว่าฮั่วฉีอวี่กำลังคิดอะไรอยู่ “ิเจี๋ยอย่าพูดเช่นนั้น ข้าเข้าใจทุกอย่าง แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากเข้าวังจริงๆ”
ฮั่วฉีอวี่ไม่ได้ถามอะไร เขาแค่ฟังอย่างเงียบๆ เท่านั้น
เย่เช่อกล่าวต่อว่า “อันที่จริงองค์หญิงเหวินฮวาเป็บุตรีของอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อน”
ฮั่วฉีอวี่รู้เื่นี้แล้ว แต่เขาก็แสร้งทำท่าทีประหลาดใจ
“เป็ความจริงหรือ? ซูฮองเฮาเก็บเป็ความลับมาได้อย่างไร?” ฮั่วฉีอวี่ถาม
“เข้าใจแล้วหรือยังว่าเหตุใดข้าถึงไม่อยากเข้าวังตอนนี้?”
หลังจากที่เย่เช่อพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ดวงตาของฮั่วฉีอวี่ทอประกายลึกล้ำ
เขาลังเลว่าควรบอกเื่ที่องค์หญิงเหวินฮวายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เขาขบคิดอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและเลือกที่จะไม่บอก
ถ้านางอยากบอกเย่เช่อก็ให้นางเป็คนบอกเองจะดีกว่า
…
ณ เมืองหยงโจว
จู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง ในถนนและตรอกซอกซอยที่เคยเต็มไปด้วยรถม้าและผู้คนกลับรกร้างและเปล่าเปลี่ยว
ในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง หญิงสาวร่างบอบบางในชุดสีดำถือร่มกระดาษน้ำมันในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือดาบ นางเดินตรงไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ
ฝนตกหนักมากจนร่มกระดาษน้ำมันในมือของนางถูกเจาะทะลุเป็รูขนาดใหญ่ เส้นผมสีดำยาวของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดฝน เมื่อเผชิญหน้ากับฝนที่รุนแรงเช่นนี้ชุดสีดำของนางจึงเปียกโชกและแนบเข้ากับลำตัวจนเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงาม
หญิงสาวคนนั้นเดินเข้าไปในตรอกช้าๆ จากนั้นนางก็โยนเศษซากของร่มกระดาษทิ้งอย่างไม่แยแส
ทันใดนั้นแสงที่ส่องประกายสีขาวก็พุ่งเข้าหาศีรษะของนางอย่างรวดเร็ว!
หญิงสาวในชุดสีดำถูกทักทายด้วยดาบที่คมกริบและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ชายชุดดำคนหนึ่งพุ่งตัวลงมาพร้อมกับดาบในมือ ทั้งคู่แต่งกายเหมือนกัน เว้นเพียงแต่ชายคนนั้นสวมหมวกไม้ไผ่และใช้ผ้าสีดำปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง
ดาบปะทะกันก่อให้เกิดหมอกท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ร่างของทั้งสองถูกปกคลุมไปด้วยม่านแสงสีขาวที่สว่างสดใส
หลังจากนั้นไม่นานชายชุดดำที่ดูเหมือนจะมีฝีมือเหนือกว่าอย่างชัดเจนก็กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า
“ศิษย์พี่หากท่านยังไม่หยุดก็อย่าหาว่าข้าล่วงเกิน!”
หญิงสาวยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ท่ามกลางสายฝน รอยยิ้มของนางช่างงดงามและสิ้นหวัง นางกระซิบว่า “อาจารย์ขับไล่ข้าออกจากสำนักต่อหน้าพี่น้องทุกคน ข้ายังมีทางเลือกใดเหลืออีกนอกจากต้องออกเดินทางลำพัง ศิษย์น้องเ้ายังจำสิ่งที่อาจารย์มอบให้เ้าในตอนนั้นได้หรือไม่?”
คำพูดของหญิงสาวไม่เร็วหรือช้าเกินไป แต่ดาบในมือของนางกลับเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ชายชุดดำไม่แยแสกับคำพูดของหญิงสาว เขาปัดป้องการโจมตีทั้งหมดโดยไม่กล้าเสียสมาธิ
“เสียดายที่เ้าไม่เคยแม้แต่จะเปิดดู ศิษย์น้องหนอศิษย์น้อง ข้าไม่คิดเลยว่าอาจารย์จะทำแบบนี้กับเ้าที่เป็ถึงบุตรชายของเขา”
“เคล้ง!”
ดาบในมือของชายชุดดำหล่นลงกับพื้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้
ปลายดาบของหญิงสาวจ่ออยู่ที่คอของชายหนุ่ม สีหน้าของนางเ็าราวกับน้ำแข็ง
สายฝนยังคงเทกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง
…
ณ หอจุ้ยฮวน
อวิ๋นจื่อรู้สึกกระวนกระวายเป็อย่างมาก
เมื่อก่อนนางกลัวเสียงฟ้าร้องที่สุด เมื่อฟ้าร้องนางจะทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของจินเหนียง
จินเหนียงจะคอยปกป้องนางเสมอ
สำหรับนาง ตำหนักเหวินฮวาและจินเหนียงมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ั้แ่เด็กนางไม่เคยมีเพื่อนสนิทเลยสักคน และน้ำหนักของจินเหนียงในหัวใจของนางก็หาที่เปรียบไม่ได้
แต่ตอนนี้เล่า?
ไม่มีอีกแล้ว
ไม่มีใครคอยปกป้องนางแล้ว!
สิบห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดอวิ๋นจื่อก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่นางสูญเสียไปมีมากมายเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เสียงฝนก็ค่อยๆ เงียบลง
หงจินยื่นจดหมายให้อวิ๋นจื่อและกล่าวว่า “คุณหนู จดหมายจากตระกูลมู่เ้าค่ะ”
อวิ๋นจื่อหยิบจดหมายและคลี่ออกอย่างใจเย็น
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้อ่านเนื้อหาในจดหมายแล้ว นางก็ไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้
แม้เื่ที่เกิดขึ้นจะเป็เพียงข้อพิพาทเล็กๆ แต่นางถึงกับต้องสูญเสียคนที่นางรักมากที่สุดในชีวิต!
ปรากฎว่าสิ่งที่ม่านอู่บอกกับนางนั้นถูกต้อง
หากไม่ตอบโต้ คนอื่นจะมองว่านางอ่อนแอและรังแกนาง
ไม่แปลกใจที่ม่านอู่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในฐานะคณิกาอันดับหนึ่งของหอจุ้ยฮวน
ทุกครั้งที่สตรีผู้นั้นมาหา อวิ๋นจื่อมักปฏิเสธนางด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำหรือไม่ก็เลือกที่จะเมินเฉย
เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นจื่อไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สุดท้ายการเมินเฉยนี้กลับทำให้นางสูญเสียคนที่นางรัก
ความโกรธเกรี้ยวกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจนาง
เมื่อเห็นสีหน้าของอวิ๋นจื่อ หงจินก็รู้สึกหวาดกลัวและกังวลมาก นางไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือคุณหนูของนางได้อย่างไร
อวิ๋นจื่อรู้ดีว่าอำนาจของนางในหอจุ้ยฮวนมีจำกัด หลังจากใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ในที่สุดนางก็ตัดสินใจไปพบม่านอู่
หลังจากได้ยินคำพูดของคุณหนู หงจินก็ผงะไปครู่หนึ่ง แต่นางไม่ได้แย้งอะไรและติดตามคุณหนูของนางไปที่ห้องส่วนตัวของม่านอู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้