หลี่ชิงหยุนกำลังคิดเกี่ยวกับตระกูลฉางอย่างแม่นยำ
ในความเป็จริงหลังจากตระกูลฉางสูญเสียหัวหน้าครอบครัวอย่างฉางเหอไป ตระกูลควรจะให้การสนับสนุนคู่แม่ลูกนี้ต่อไป การสูญเสียฉางเหอในาไปถือว่าเป็การสนับสนุนประเทศ แน่นอนว่าด้องมีการชดเชยจากราชวงศ์โม่ส่งถึงสองแม่ลูก แม้จะมีความขัดแย้งบางอย่างกันในครอบครัวฉาง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นแตกหักเช่นนี้
แต่เหตุใดพวกเขาจึงต้องไล่คู่แม่ลูกออกจากตระกูล? หลี่ชิงหยุนเชื่อว่าพ่อของนางต้องมีพี่น้องบางคนที่สืบสายเืเดียวกันขอให้นางอยู่ที่ตระกูลฉางต่อ แต่กู่ซินหยานกลับดื้อรั้นที่จะออกมาจากที่นั่น
'เป็ไปได้ไหมว่าป้าซินหยานพบบางอย่างที่ผิดปกติในตระกูลฉาง?' หลี่ชิงหยุนคิด
ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาไม่ได้รู้จักที่มาที่ไปของกู่ซินหยานเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ขออาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมของนางเท่านั้น
หลี่ชิงหยุนยังคงครุ่นคิดต่อไป 'แล้วเหตุใดชีวิตที่แล้วข้าถึงไม่ได้เจอกู่ซินเหลียน? นางควรจะอยู่ที่โรงเตี๊ยมตลอดเวลามิใช่หรือ?'
'่เวลาระหว่างปัจจุบันกับอนาคตมีตัวแปรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างนั้นหรือไม่?'
แล้วเหตุใดชีวิตนี้ป้าซินหยานจึงถูกดูดกลืนิญญาไป ทั้งๆที่ชีวิตที่แล้วไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับป้าซินหยานเลย?'
'ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเข้าไปสอดแนมตระกูลฉางเสียหน่อยแล้ว' หลี่ชิงหยุนกำลังก้มหน้าคิดพร้อมปะติดปะต่อเื่ราวที่เขาประสบพบเจอ
หากจะนับกันตาม่เวลาปัจจุบันที่หลี่ชิงหยุนอยู่ ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าหลี่ชิงหยุนในขณะนี้นั้นเดินทางมาจากอนาคตในอีกสองร้อยปีต่อมา เขายังสามารถแก้ไขเหตุการณ์ปัจจุบันเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออนาคตที่จะเกิดขึ้นได้
นี่เป็สิ่งที่ลึกลับเกี่ยวกับกาลเวลาซึ่งไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้ในขณะนี้...
ทันใดนั้นก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของหลี่ชิงหยุนอย่างกะทันหัน 'เป็ไปได้ไหมว่าผู้ที่สังหารป้าซินหยานในชีวิตที่แล้วมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลฉางด้วย?'
เขาไม่ได้ตัดการคาดเดานี้ออกไป แน่นอนว่านี่น่าจะเป็สิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด
'หากเป็เช่นนั้นข้าคงอยู่เฉยไม่ได้จริงๆ' คิ้วของหลี่ชิงหยุนขมวดเป็ปม
เขาไม่เชื่อว่าสองแม่ลูกคู่นี้ย้ายออกจากตระกูลเพราะเื่เล็กๆเช่นนี้ ต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่เื้ัที่สำคัญมาก
เื่นี้มีตัวแปรและกุญแจสำคัญอยู่ที่ป้าซินหยานอย่างไม่ต้องสงสัย!
"หลี่ชิงหยุน เ้าเป็อะไรไป?" กู่ซินเหลียนเดินมาเขย่าแขนของเขาเบาๆเมื่อเห็นว่าหลี่ชิงหยุนขมวดคิ้วและตกอยู่ในภวังค์
หลี่ชิงหยุนได้สติพร้อมกับหันไปมองที่กู่ซินเหลียน จากนั้นเขาส่งกระแสจิตหานางให้ได้ยินแค่สองคน "ซินเหลียน ข้าขอถามอะไรเ้าหน่อย"
"มันคืออะไร?" กู่ซินเหลียมถามกลับอย่างแปลกใจที่จู่ๆหลี่ชิงหยุนตัดสินใจส่งกระแสจิตแทนที่จะเอ่ยออกมา ดูเหมือนว่าเื่ที่เขากำลังจะถามคงจะเป็เื่สำคัญที่ไม่อนุญาตให้มีผู้ใดได้ยิน
หลี่ชิงหยุนถามอย่างตรงไปตรงมา "มีสิ่งของมีค่าที่ตระกูลฉาง้าจากป้าซินหยานหรือไม่?"
"สิ่งของ? ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน" กู่ซินเหลียนพยายามคิดแต่นางก็คิดไม่ออก เพราะแม่ของนางไม่เคยพูดถึงของมีค่าอะไรทำนองนั้นเลย
หลี่ชิงหยุนทำได้เพียงถอนหายใจ "ไม่เป็ไร เมื่อป้าซินหยานตื่นขึ้น ข้าจะถามนางด้วยตัวเอง"
"หลี่ชิงหยุน มีอะไรผิดปกติหรือไม่?" กู่ซินเหลียนไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลี่ชิงหยุนจึงถามเื่นี้ขึ้นมา
หลี่ชิงหยุนส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อทันทีและใช้การเปล่งเสียงออกมาตามปกติ "ป้าซินหยานเป็อย่างไรบ้าง?"
กู่ซินเหลียนก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจ "ในตอนนี้ท่านแม่ยังไม่ได้สติเลย"
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสอง เ้าเมืองเสี่ยวที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ขมวดคิ้วเบาๆพร้อมหันไปถามนาง "ซินเหลียน เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเ้า?"
เนื่องจากว่าเ้าเมืองแทบจะไม่ได้ออกมาจากคฤหาสน์ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนในเขตเสี่ยวมากนัก เพราะเขามักจะขังตัวเองและฝึกฝนกระบี่อย่างบ้าคลั่งเท่านั้น
กู่ซินเหลียนถือโอกาสนี้เล่าให้กับเ้าเมืองเสี่ยวได้ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู่ซินหยาน บางทีเ้าเมืองอาจจะรู้บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับกลุ่มคนลึกลับในหน้ากากสีม่วงบ้างก็เป็ได้
หลังจากได้ฟังเื่รางจากกู่ซินเหลียน เ้าเมืองเสี่ยวขมวดคิ้วอย่างหนักราวกับเขากำลังคิดเื่บางอย่างที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา "ใช่แล้ว ข้านึกบางอย่างขึ้นมาได้... อาการเช่นนี้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลฉู่เมื่อปีห้าก่อน และหลังจากนั้นตระกูลฉู่ก็ถูกทำลายโดยไม่ทราบสาเหตุภายในเวลาแค่คืนเดียว!"
"อะไร!? แค่คืนเดียว!?" ทุกคนพึมพำด้วยความไม่เชื่อ แม้แต่หลี่ชิงหยุนก็ยังรู้สึกว่าเื่นี้เหนือความคาดหมายมาก
ตระกูลฉู่ถือได้ว่าเป็ตระกูลหลักซึ่งแข็งแกร่งกว่าตระกูลสาขาอย่างตระกูลฉางมาก แน่นอนว่าในเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลฉู่ พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณลึกซึ้งเป็หัวหน้าตระกูล แน่นอนว่าตระกูลฉู่ไม่ใช่ลูกพลับที่นวดได้ง่าย ต่อให้เป็ตระกูลขุนนางก็ยากที่จะสังหารหมู่ตระกูลฉู่ได้ภายในค่ำคืนเดียว แต่ตระกูลหลักที่แข็งแกร่งเช่นนี้กลับล่มสลายในชั่วข้ามคืน! นี่มันไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ?
"ถูกต้อง แค่คืนเดียวเท่านั้น สมาชิกทุกคนเสียชีวิตโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่พวกเขาทุกคนถูกดูดกลืนจิติญญาทั้งหมด... มันเหมือนกับอาการของแม่ของเ้าที่เ้าเล่ามาเมื่อครู่นี้" เ้าเมืองเสี่ยวพยายามนึกเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในอดีต
ไม่ใช่แค่เขตเสี่ยวเท่านั้นที่มีเื่ลึกลับเช่นนี้ มีข่าวลือเกี่ยวกับเื่นี้ไปทุกเขต ส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับชาวบ้านธรรมดา แต่เมื่อราชวงศ์เข้ามาตรวจสอบพวกเขากลับไม่พบหลักฐานใดๆที่เป็รูปธรรมเลย ไม่มีแม้แต่รอยเท้าหรือพลังงานฉีในที่เกิดเหตุให้สาวไปถึงตัวผู้ร้ายได้ ราวกับว่าเหตุการณ์การสูญเสียนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ด้วยซ้ำ
เมื่อเ้าเมืองเสี่ยวพูดจบ หลี่ชิงหยุนจึงคิดกับตัวเอง 'ดูเหมือนว่าเป้าหมายของตระกูลเล่ยจะไม่ใช่แค่เื่เล็กๆที่ควรมองข้ามอีกต่อไป'
เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเื่นี้ต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลเล่ย!
เื่ราวของตระกูลหยานที่สังหารชาวบ้านบริสุทธิ์และเก็บเกี่ยวิญญาช่างเหมือนกับเื่ราวที่เ้าเมืองเสี่ยวเล่าให้ฟังไม่มีผิด แต่เป็ไปได้ว่าโม่หยุนเทียนยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดตระกูลเล่ย
แต่หากโม่หยุนเทียน้าต่อสู้กับตระกูลเล่ย ราชวงศ์ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ดังนั้นจึงต้องมีหลักฐานที่เป็รูปธรรมเพียงพอที่จะใช้ในการโจมตีตระกูลเล่ยได้ แต่ฆาตกรที่สังหารหมู่ในชั่วข้ามคืนกลับไม่มีหลักฐานใดๆทิ้งไว้เลยแม้แต่น้อย
ตระกูลเล่ยนั้นควบคุมเศรษฐกิจในราชวงศ์มากมาย แน่นอนว่าข้าราชบริพารของตระกูลเล่ยนั้นไม่มีที่สิ้นสุด ราชวงศ์เชื่อว่าผู้ที่สนับสนุนตระกูลเล่ยนั้นมีมากกว่าราชวงศ์เสียอีก
'ช่างมันก่อน ปล่อยเื่ราวนี้ให้ฝ่าาจัดการ ข้าไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ใหญ่โตเช่นนี้ได้ในขณะนี้' หลี่ชิงหยุนถอนหายใจอย่างขมขื่น เื่นี้มันใหญ่เกินกว่าเขาจะทำอะไรกับมันได้ มีเพียงแค่การตัดสินของโม่หยุนเทียนเท่านั้นที่สามารถจุดชนวนเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้นมาได้
หลี่ชิงหยุนไม่รู้เลยว่าเกี่ยวกับเื่ของตระกูลเล่ยนั้น โม่หยุนเทียนได้วางหมากทุกอย่างไว้เรียบร้อย เหลือเพียงแค่รอเวลาที่จะมาถึงเท่านั้น...
หลังจากนั้นบรรพบุรุษหยวนเหลียงและเ้าเมืองเสี่ยวเข้าไปดูอาการของกู่ซินหยานที่ยังคงไม่ได้สติ
บรรพบุรุษหยวนเหลียงนั้นเป็แพทย์ระดับสูง แน่นอนว่าการวินิจฉัยของเขาไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ในขณะนี้กู่ซินหยานได้ดูดซับพลังิญญาจากผลึกได้มากกว่า 3 ใน 10 ส่วนแล้ว คงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่นางจะตื่นขึ้น
รากิญญาของกู่ซินหยานเริ่มกู้คืนและสร้างตัวอ่อนิญญาขึ้นมาแล้ว แม้ว่านางจะตื่นขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าความทรงจำก่อนหน้านี้ของนางจะกลับมาหรือไม่ นี่ถือได้ว่าเป็ผลกระทบที่รุนแรงหลังจากถูกดูดกลืนจิติญญาไป
หากกู่ซินหยานไม่สามารถจำอะไรเกี่ยวกับตระกูลฉางได้ หลี่ชิงหยุนคงไม่สามารถหาคำตอบเกี่ยวกับเหตุผลเื้ัของตระกูลฉางได้
หลังจากนั้นหลี่ชิงหยุน เสี่ยวฉิน บรรพบุรุษหยวนเหลียงและเ้าเมืองเสี่ยวเสี่ยวหยงยืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยม พวกเขากำลังจะไปเยี่ยมชมคฤหาสน์เ้าเมืองเสี่ยวด้วยกัน
แน่นอนว่าเสี่ยวฉินยินดีเป็อย่างมากที่หลี่ชิงหยุนตอบตกลงไปกับเขา
"ซินเหลียน เ้า้าไปที่คฤหาสน์เ้าเมืองกับข้าหรือไม่?" เื่ของเสี่ยวเหรินได้รับการแก้ไขแล้ว ดังนั้นหลี่ชิงหยุน้าเยี่ยมชมคฤหาสน์เสี่ยวในขณะนี้
แต่กู่ซินเหลียนส่ายหัว "ข้า้ารอจนกว่าท่านแม่จะตื่นก่อน"
"เอาล่ะ ไม่เป็ไร เช่นนั้นข้าจะรีบกลับมา" หลี่ชิงหยุนพยักหน้า จากนั้นเขาหันไปหาบรรพบุรุษหยวนเหลียง "ท่านผู้เฒ่า ขอรบกวนท่านให้ร่ายข้อจำกัดที่นี่ไว้ได้หรือไม่?"
หลี่ชิงหยุนยังกังวลว่าตระกูลฉางอาจจะบุกรุกโรงเตี๊ยมในขณะที่เขาไม่อยู่ ดังนั้นการป้องกันไว้ดีกว่าการสูญเสีย
"แค่นี้สบายมาก" บรรพบุรุษหยวนเหลียงยิ้มจางๆ พร้อมกับวาดอักษรรูนกลางอากาศเพื่อครอบคลุมโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไว้ แน่นอนว่าหากคนด้านในไม่อนุญาต คนด้านนอกข้อจำกัดจะไม่สามารถเข้ามาได้
"ขอบคุณมาก" หลี่ชิงหยุนชูกำปั้นขอบคุณเขาอย่างสุภาพ
จากนั้นหลี่ชิงหยุนจึงย้ายออกไปกับเสี่ยวฉินด้วยรถม้าของเขา แน่นอนว่าเ้าเมืองทั้งสองสามารถบินบนอากาศได้ ดังนั้นพวกเขาจึงล่วงหน้าไปที่คฤหาสน์ก่อน เหลือไว้เพียงหลี่ชิงหยุนและเสี่ยวฉินในรถม้าเท่านั้น
เหตุผลแรกที่เขา้าไปที่คฤหาสน์เสี่ยวคืออาชีพหลักที่เป็ที่โด่งดังของเขตเสี่ยวคือการตีดาบและการหลอมอาวุธระดับสูง และพวกเขายังส่งต่ออาวุธไปยังเขตต่างๆเพื่อค้าขาย หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ช่างตีดาบของเขตเสี่ยวนั้นถือว่าเป็ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในการตีดาบและออกแบบอาวุธ นั่นคือสิ่งที่เขาสนใจ
เขา้าที่จะได้ดาบที่มีรูปร่างคล้ายกับดาบของจักรพรรดิเมฆาในชีวิตที่แล้วของเขา เพียงแต่ดาบของเขานั้นคล้ายกับดาบอ่อนซึ่งมีน้ำหนักเบามาก และเน้นในเื่ของความคล่องแคล่วและความเร็วในการตอบโต้เท่านั้น นั่นเป็เพราะเขาสามารถใช้เต๋าแห่งดาบได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาไม่จำเป็ต้องทำให้ดาบมีการจู่โจมที่รุนแรงมากนัก
ั้แ่ิญญากระบี่เตือนเขาในครั้งนั้น เขาจึงจำเป็ต้องเปลี่ยนดาบเล่มใหม่ เพราะผลกระทบย้อนกลับของกระบี่กลืนิญญานั้นอันตรายมากเกินไป แม้ว่าตอนนี้ผลกระทบอาจจะไม่มากนัก แต่หากนานเข้าบางทีเขาอาจจะถูกจิตสำนึกของกระบี่กลืนิญญาครอบงำเข้าสักวัน บางทีมันอาจจะสร้างผลกระทบที่ไม่แน่นอนต่อจิตใจของเขา
หลี่ชิงหยุนยังอ่อนแอเกินกว่าจะปราบจิตสำนึกของกระบี่กลืนิญญาได้อย่างสมบูรณ์
บนรถม้าหลี่ชิงหยุนและเสี่ยวฉินคุยเกี่ยวกับเื่ดาบมาตลอดทางโดยแทบจะไม่ได้พัก เขาได้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับอดีตของเสี่ยวฉิน
เสี่ยวฉินเริ่มฝึกฝนดาบั้แ่ 7 ขวบ แรงบันดาลใจนั้นมาจากที่ตระกูลของเขาเป็ตระกูลช่างตีดาบมาหลายชั่วอายุคน พร์เกี่ยวกับนักดาบของเสี่ยวฉินนั้นเริ่มปรากฏให้เห็นเมื่ออายุ 13 ปี และต่อมาเขาถูกตั้งฉายาในเขตเสี่ยวว่า 'นักดาบเดียวดาย'
ชีวิตของเขาแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามเลย แม้แต่สหายก็แทบจะไม่มี เขาใช้เกณฑ์ในการเชี่ยวชาญดาบเท่านั้นในการหาเพื่อน ทุกๆวันเขาเอาแต่ฝึกดาบเพื่อ้าบรรลุในเส้นทางแห่งดาบเพียงอย่างเดียว
หลี่ชิงหยุนที่ได้ฟังก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งที่เสี่ยวฉินเป็อยู่นั้นคล้ายคลึงกับเขาในชีวิตที่แล้วมาก ทั้งชีวิตมีเพียงแค่การทุ่มเทให้กับดาบเท่านั้น!
โชคยังดีที่ว่าเสี่ยวฉินยังมีพ่อและน้องสาวอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถลำลึกลงไปในวิชาดาบไร้ปราณีมากนัก หากเสี่ยวฉินต้องสูญเสียสมาชิกครอบครัวทั้งสองไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสี่ยวฉินจะกลายเป็จักรพรรดิเมฆาคนต่อไปแน่นอน!
ความแข็งแกร่งนั้นต้องแลกมาด้วยอารมณ์ของผู้ใช้ แน่นอนว่าทักษะนี้แทบจะถูกเรียกได้ว่าทักษะดาบต้องห้าม
"หลี่ชิงหยุน เ้าพอมีเวลาว่างหรือไม่? ข้า้าประลองดาบกับเ้า" เสี่ยวฉินเริ่มจะสนิทกับหลี่ชิงหยุนมากขึ้นดังนั้นเขาจึงเรียกชื่อห้วนๆ
เสี่ยวฉินรู้ว่าเส้นทางดาบของหลี่ชิงหยุนนั้นลึกซึ้งมากจากการสังเกตุในงานประลองประจำปี เขา้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้ผ่านการประลองของเขากับหลี่ชิงหยุน บางทีเขาอาจจะนำความรู้บางอย่างของหลี่ชิงหยุนมาประยุกต์ใช้กับตัวเขาเองได้
หลี่ชิงหยุนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเื่นี้ และเขารู้สึกว่าหายากยิ่งนักที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านดาบเช่นเสี่ยวฉินมาเป็คู่ต่อสู้
ในเส้นทางแห่งดาบต้องต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นจึงจะสามารถพัฒนาต่อไปได้!
จู่ๆหลี่ชิงหยุนก็ถามเสี่ยวฉินขึ้นมาอย่างกะทันหัน "เ้าฝึกวิชาดาบไร้ปราณีมานานแค่ไหนแล้ว?"
"เอ๊ะ! เ้ารู้จักชื่อทักษะดาบของข้าได้อย่างไร?" เสี่ยวฉินอดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างไม่เชื่อ
ทักษะดาบนี้เขาได้มาจากถ้ำลึกลับเมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งหนังสือทักษะนั้นอยู่ที่นั่นมาเป็เวลาหลายปีแต่ไม่เคยมีใครค้นพบ เขาจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลี่ชิงหยุนถึงได้รู้จักชื่อของวิชาดาบนี้
แค่มองจากทักษะอย่างเดียวเสี่ยวฉินสามารถบอกได้ว่านี่คือทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบเจอ!
เสี่ยวฉินได้ค้นข้อมูลเกี่ยวกับทักษะนี้ทั้งหมดแล้ว ทักษะดาบไร้ปราณีนั้นไม่เคยปรากฏอยู่ในอาณาจักรเซวียนอย่างแน่นอน แต่กลับกลายเป็ว่าหลี่ชิงหยุนรู้จักทักษะดาบไร้ปราณีก่อนเขา
เสี่ยวฉินเริ่มที่จะเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนนั้นหลี่ชิงหยุนจึงหยุดเขาจากอาการคลุ้มคลั่งได้ ที่แท้เขาก็คุ้นเคยกับทักษะดาบไร้ปราณีเช่นนั้น
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังตัดสินใจตอบอย่างตรงไปตรงมา "ข้าเพิ่งได้รับทักษะดาบไร้ปราณีมาประมาณไม่กี่เดือนก่อน ข้าได้มันมาจากถ้ำแปลกๆที่บรรยากาศน่าขนลุกที่มีสภาพแวดล้อมหนาวเหน็บ แต่ข้าไม่รู้ว่าผู้คนเรียกถ้ำแห่งนั้นว่าอะไร และข้าก็ได้เื่ฝึกฝนทักษะนี้ั้แ่นั้นเป็ต้นมา"
"ถ้ำแห่งนั้นตั้งอยู่ที่เขตอู่หรือไม่?" หลี่ชิงหยุนถามกลับ
"เอ๊ะ! ถะ-ถูกต้อง" เสี่ยวฉินแทบจะอ้าปากค้าง 'เขาเป็นักทำนายหรืออย่างไร? เหตุใดเขาจึงดูเหมือนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับข้าราวกับเขาตามติดข้าตลอด?'
"เ้าไม่ต้องสงสัยมากนัก ในอดีตข้าเคยฝึกวิชานี้เช่นกัน แต่ตอนนี้ข้าได้ละทิ้งการฝึกฝนทักษะนี้ไปแล้ว" หลี่ชิงหยุนกล่าวเบาๆอย่างเศร้าโศก
ด้วยทักษะดาบไร้ปราณีนี้ ทำให้เขาตัดอารมณ์ในทุกๆด้านออกไป หรือจะบอกได้ว่าเขามีความแข็งแกร่งจนถึงระดับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยทักษะนี้
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็สูญเสียสุ่ยโหรวซีก็เพราะทักษะนี้เช่นกัน
หากอารมณ์ของเขาไม่ถูกทักษะนี้กลืนกินไป บางทีเขาอาจจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับสุ่ยโหรวซีในอาณาจักรนภาไปนานแล้ว
"โอ้? ที่แท้เ้าก็เคยฝึกทักษะนี้มาก่อน?" เสี่ยวฉินพยักหน้าและนั่งจ้องไปที่เขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
หลี่ชิงหยุนมองไปที่เสี่ยวฉินด้วยสายตาที่เฉียบแหลม "เ้าคงคิดว่าทักษะดาบไร้ปราณีเป็ทักษะดาบที่แข็งแกร่งที่สุดที่เ้าเคยเจอหรือไม่?"
"เอ่อ..." เสี่ยวฉินพูดไม่ออก 'ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นักทำนายจริงๆ'
หลี่ชิงหยุนตัดสินใจพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีการอ้อมค้อม "เสี่ยวฉิน เ้าจงจำไว้ว่าไม่มีทักษะใดที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงแค่ทักษะที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดเท่านั้น... แน่นอนว่าทักษะดาบไร้ปราณีของเ้าในตอนนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเ้ามากนัก แต่เมื่อวันหนึ่งเ้าต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป ข้าสามารถบอกได้ว่าเ้าจะไม่ใช่เสี่ยวฉินคนเดิมอีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นเ้าจะเป็ได้แค่เครื่องจักรสังหารที่รู้แค่วิธีเข่นฆ่าเท่านั้น! และข้าไม่ได้ยุยงให้เ้าเลิกฝึกทักษะนี้ แต่เ้าควรจะเตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหากเ้า้าฝึกฝนทักษะนี้ต่อไป"
เสี่ยวฉินอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ "มะ-มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ?"
หลี่ชิงหยุนพยักหน้าอย่างหนักหน่วง "แม้ว่าเ้าจะได้ความแข็งแกร่ง แต่เ้าต้องแลกมาด้วยทุกอย่างที่เ้ามีอย่างเช่นอารมณ์... หากมนุษย์ไม่มีอารมณ์ คนผู้นั้นก็ไม่ถูกนับว่าเป็มนุษย์อีกต่อไป!"
"เ้ากำลังหมายความว่าหากข้ายังฝืนฝึกฝนทักษะนี้ต่อไป ข้าจะสูญเสียอารมณ์ทั้งหมดที่มนุษย์พึงจะมีใช่หรือไม่?" เสี่ยวฉินอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยตาที่เบิกโพลง เขากำลังคิดถึงผลกระทบของเื่ที่หลี่ชิงหยุนพูด เขาเชื่อว่าหลี่ชิงหยุนจะไม่โกหกเขาในฐานะที่เป็นักดาบด้วยกัน
หลี่ชิงหยุนพยักหน้าหากแต่กล่าวเสริมว่า "แต่ทักษะนี้ก็ยังมีจุดอ่อนขนาดใหญ่อยู่"
"เอ๊ะ! เ้าจะบอกว่าทักษะที่แข็งแกร่งเช่นนี้มีจุดอ่อนด้วยหรือ?" เสี่ยวฉินเพิ่งจะัักับทักษะนี้ได้ไม่นาน ความเชี่ยวชาญของเขายังอ่อนหัดเกินกว่าจะมองทะลุเข้าไปในทักษะดาบได้เช่นเดียวกับหลี่ชิงหยุน
หลี่ชิงหยุนยิ้มมุมปาก "ทุกทักษะและทุกวิชามีจุดอ่อนทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่าเ้าสามารถมองเห็นจุดอ่อนนั้นได้หรือไม่? แค่มองไม่เห็นก็มิใช่ว่ามันจะไม่มี...เ้าเข้าใจหรือไม่?"
"แล้วจุดอ่อนของทักษะนี้คืออะไร?" คำพูดของหลี่ชิงหยุนทำให้เสี่ยวฉินรู้สึกว่ากำลังมีประตูบางอย่างที่ปิดสนิทกำลังจะเปิดออกอย่างช้าๆ
หลี่ชิงหยุนยกนิ้วชี้ขึ้นมาพร้อมกับอธิบาย "ประการที่หนึ่งคือสิ่งที่ข้าเคยใช้เพื่อยับยั้งอาการคลุ้มคลั่งของเ้า นั่นคือเจตนาฆ่าที่มากกว่าผู้ใช้ดาบไร้ปราณี! แม้ว่าเ้าจะสูญเสียอารมณ์หลังจากถลำลึกลงไปในวิชาดาบ แต่ความกลัวนั้นเป็สิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกและฝังลึกลงในสัญชาตญาณ มันไม่ใช่อารมณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจุดอ่อนแรกคือการปลูกฝังความกลัวแก่ผู้ใช้ทักษะนี้โดยใช้จิตสังหารที่เหนือกว่า"
เสี่ยวฉินอ้าปากกว้าง เขาจำได้ในตอนที่หลี่ชิงหยุนหยุดเขาในการประลองครั้งนั้น หลี่ชิงหยุนก็ใช้เจตนาฆ่าเพื่อข่มเขาเช่นกัน "โอ้? เป็เช่นนั้น... แล้วมีข้อที่สองหรือไม่?"
หลี่ชิงหยุนยิ้ม "แน่นอนว่ามี เพียงแต่ประการที่สองนี้เป็แค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น"
"แล้วมันคืออะไร?" เสี่ยวฉินมองไปที่เขาอย่างสงสัย
หลี่ชิงหยุนตอบอย่างอึกๆอักๆ "ในเมื่อทักษะดาบไร้ปราณีพยายามที่จะตัดอารมณ์ของเ้า ฉะนั้นเ้าต้องใช้อารมณ์ที่มากกว่าในการกดข่มทักษะนั้นไว้ ยกตัวอย่างเช่นเ้าควรจะหาภรรยาหรือหาหญิงสาวเพื่อคบหาดูใจ จึงจะทำให้สร้างสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์ขึ้นมาได้ บางทีเ้าอาจจะไม่ถลำลึกลงไปในวิชาดาบนี้มากนัก"
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจู่ๆเสี่ยวฉินก็ถามในสิ่งที่ยังคงสงสัย "แต่หากเป็เช่นนั้น ข้าคงไม่มีทางบรรลุทักษะดาบไร้ปราณีได้ใช่หรือไม่?"
เงื่อนไขของดาบไร้ปราณีคือยิ่งสูญเสียอารมณ์มากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายความว่าเขาไม่มีทางไปถึงจุดสูงสุดของทักษะดาบไร้ปราณีได้หากเขาเพิ่มอารมณ์เข้ามาตามคำแนะนำของหลี่ชิงหยุน
จู่ๆหลี่ชิงหยุนก็มองไปที่เสี่ยวฉินอย่างจริงจัง "เช่นนั้นข้าขอถามเ้า...ว่าสิ่งที่เ้า้าบรรลุคือทักษะดาบไร้ปราณีหรือบรรลุเส้นทางแห่งดาบกันแน่?"
"สิ่งที่ข้า้าบรรลุคือ...ทักษะดาบไร้ปราณีหรือเส้นทางแห่งดาบ?" หลังจากได้ยินคำของหลี่ชิงหยุน ดวงตาของเสี่ยวฉินก็สว่างขึ้นมาทันที
[ถูกต้องแล้ว! สิ่งที่ข้า้าคือบรรลุในเส้นทางแห่งดาบ ไม่ใช่การบรรลุทักษะดาบไร้ปราณี!]
เขาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับคำพูดของหลี่ชิงหยุน
หลี่ชิงหยุนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นว่าเสี่ยวฉินสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำพูดของเขาได้ "จงจำไว้ว่าทักษะดาบหรือวิชาดาบนั้น เป็แค่ทางผ่านหรือส่วนประกอบสำหรับการบรรลุในเส้นทางแห่งดาบเท่านั้น...สักวันเ้าจะรู้ความหมายที่แท้จริงในคำพูดของข้า—"
"ส่วนเส้นทางแห่งดาบของเ้า...เ้าต้องค้นหามันด้วยตัวเอง!" เมื่อหลี่ชิงหยุนพูดจบ ทันใดนั้นกลับปรากฏแสงสีขาวจางๆขึ้นรอบๆตัวของเสี่ยวฉินในขณะที่เขากำลังหลับตาอยู่...
นี่คือการตรัสรู้อย่างกะทันหัน!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแสงสีขาวนี้เป็ส่วนประกอบของเต๋า ด้วยคำพูดจากหลี่ชิงหยุนสามารถทำให้เสี่ยวฉินัักับเส้นทางแห่งดาบที่แท้จริงของตนได้!
การเข้าสู่สภาวะเต๋า!
หลี่ชิงหยุนที่มองเห็นทุกอย่างก็ยิ้มออกมาจางๆอย่างไร้กังวล 'ดูเหมือนว่าข้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเส้นทางแห่งดาบของเสี่ยวฉินอีกต่อไป'
การตรัสรู้ในครั้งนี้ของเสี่ยวฉินคือจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่เส้นทางแห่งดาบของผู้สูงสุดที่แท้จริง!