บทที่ 66 ความจริงกำลังจะถูกเปิดเผย
เมื่อเห็นนักศึกษาที่เดินไปมาตรงหน้า เย่จื่อเฉินจึงเริ่มที่จะเข้าใจ
เนตรอัคคีโดนเรียกคืนกลับไปแล้วจริงๆ เื่นี้ไม่ต้องสงสัยเลย เพื่อเป็การพิสูจน์ เย่จื่อเฉินจึงเอาแต่จ้องมองนักศึกษาที่เดินไปเดินมาเป็พิเศษ
กางเกงในหลากสีสันที่แต่ก่อนเคยเห็น ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว
เมื่อมองขึ้นไปเหนือหัว เขาก็ยังเห็นหลิวฉิงอยู่เหมือนเดิม
ยัยตัวร้าย
เย่จื่อเฉินแอบด่าอยู่ในใจ แล้วจู่ๆ หลิวฉิงก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเบ้ปากพูด
"นายเป็อะไร มองฉันแบบนี้มาั้แ่เช้าแล้วนะ?"
"เดี๋ยวนะ ทำไมเธอยังพูดกับฉันได้อีก?"
"แล้วทำไมฉันถึงจะพูดกับนายไม่ได้?"
หลิวฉิงกลอกตามองบน เย่จื่อเฉินคลึงขมับ จริงๆ เลย...
"เย่จื่อเฉิน"
เสียงเรียกอ่อนโยนดังขึ้นจากข้างหลัง เมื่อหันไปเย่จื่อเฉินก็เห็นซุนอี้เก้อยืนยิ้มเจื่อนอยู่ข้างหลังเขา
เย่จื่อเฉินส่งสายตาให้หลิวฉิง เป็เชิงบอกให้เธอลอยขึ้นไปข้างบน จากนั้นก็ยักคิ้วยิ้มให้ซุนอี้เก้อ
"หัวหน้าซุน"
"เื่เมื่อวานขอบคุณนายมากจริงๆ นะ"
ซุนอี้เกอก้มหน้ากัดริมฝีปากก่อนเอ่ยขอบคุณ เย่จื่อเฉินผายมืออย่างอ่อนใจทันทีที่ได้ยิน
"หัวหน้าซุน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกน่า เคยดูซ้องกั๋งไหม เจอความอยุติธรรมก็ต้องเข้าช่วยเหลือสิ เธอก็คิดซะว่าฉันเป็วีรบุรุษเหลียงซานป๋อก็แล้วกัน"
พรูดดด!
สิ้นเสียง ซุนอี้เกอก็อดเผยยิ้มออกมาไม่ได้
รอยยิ้มนั้นราวกับดอกบัวที่ลอยอยู่ในสระบัว สวยเสียจนไม่กล้าเด็ด อีกทั้งไม่กล้าเอามาเชยชม
เย่จื่อเฉินตะลึงงันไปชั่วขณะ
รอยยิ้มเมื่อครู่ปรากฏขึ้นในหัวไม่หยุด รอยยิ้มที่สามารถเติมเต็มชีวิตคนได้แบบนั้น บางทีอาจจะติดอยู่ในใจของเขาไปตลอดชีวิตก็ได้
"เย่จื่อเฉิน!"
จู่ๆ หลิวฉิงที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ลอยมาะโอยู่ข้างหูเขาอย่างกับลูกสิงโต
เสียงะโนั้นนับว่าเรียกสติเย่จื่อเฉินกลับมาได้ ก่อนที่เขาจะมองค้อนหลิวฉิง จากนั้นซุนอี้เกอก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าเห่อแดง
"งานครบรอบก่อตั้งมหาลัยใกล้จะถึงแล้ว หลายวันมานี้นายไม่ได้อยู่ที่มหาลัย การแสดงก็ยังไม่ได้กำหนด ยังไม่ได้ซ้อมด้วย คือว่า..."
"ฉันแค่ร้องเพลงก็พอแล้ว"
"ได้ ตอนนี้ฉันจะไปซ้อม นายจะไปด้วยกันเลยไหม?"
"งั้นก็ไปสิ"
ดาวมหาลัยเป็เครื่องเก็บเกี่ยวสายตาในมหาวิทยาลัยเสมอ เมื่อมาเดินกับซุนอี้เกอ เย่จื่อเฉินก็ได้รับสายตาอิจฉาริษยาของทุกคนอีกครั้ง
มาคิดดูดีๆ แล้ว ดูเหมือนว่าสามในสี่ของดาวมหาลัยนั้นได้เคยร่วมเฟรมกับเขาแล้ว จะเหลือแค่คนเดียว...
ได้ยินมาว่าคนนั้นเป็รุ่นพี่ปีสาม ดูท่าว่าจะไม่มีโอกาส
คนที่มาซ้อมการแสดงมีเยอะมาก ถ้าจะขึ้นซ้อมบนเวทีก็ต้องให้คนข้างบนลงมาก่อน ถึงจะขึ้นไปได้
พอมองดูคนที่ซ้อมอยู่ก่อน เย่จื่อเฉินจึงนั่งลงบนเก้าอี้ตรงโซนพัก
"จริงสิ นายจะร้องเพลงอะไร?"
"โฮ่วไหล (ต่อมา)"
"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว"
ซุนอี้เกอยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าก่อนเดินออกไป เย่จื่อเฉินจึงนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ที่เก้าอี้ของโซนพัก
"เฮ้ย"
เย่จื่อเฉินเงยหน้าลืมตาขึ้นมองตามเสียง หลังจากที่เห็นคนตรงหน้า เขาก็เบ้ปากหลับตาลงอีกครั้งอย่างไม่สนใจ
"เย่จื่อเฉิน ฉันเรียกนายอยู่นะ"
เขายกมือขึ้นพร้อมกับถอนหายใจแ่เบา เย่จื่อเฉินนั่งยกขาไขว่ห้างพิงพนักพิงเก้าอี้เหมือนกับคุณชาย
"คุณชายฟู่"
"ได้ยินว่านายลงสมัครแสดงในงานฉลองก่อตั้งมหาลัยด้วยเหรอ?"
ฟู่เฉิงิเอ่ยถามอย่างไม่ยินดียินร้าย ในฐานะสมาชิกสภานักศึกษา ก็ไม่ได้มีอะไรน่าแปลกใจที่เขาจะรู้ว่าใครบ้างที่ลงสมัคร
เย่จื่อเฉินไหวไหล่ไม่ปฏิเสธ แล้วเลิกคิ้วพูด
"ใช่ คุณชายฟู่มีคำแนะนำอะไรหรือเปล่า? จริงสิ หลายวันมานี้ฉันยังตามหานายอยู่เลย วันนั้นที่ถอดเสื้อผ้านายจนหมดแล้วโยนไว้ที่สวนสาธารณะ ได้ขึ้นกระทู้ข่าวของมหาลัยกับมหานครมอนิ่งโพสต์ รู้สึกดีเลยใช่ไหมล่ะ ได้ยินว่าทางมหานครมอนิ่งโพสต์ตรวจสอบตัวตนดูแล้ว นี่คุณชายฟู่ฮอตจนกลายเป็เน็ตไอดอลไปแล้วเหรอ?"
หน้าของฟู่เฉิงิบึ้งตึงไปทันที เขากำหมัดแน่นจนเกิดเสียง
รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเย่จื่อเฉิน บอกตามตรงว่าที่จริงแล้วเขาก็ค่อนข้างจิตใจคับแคบนะ อีกฝ่ายกัดตัวเองไม่ปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเขาสุภาพมากไปมันจะไม่บ่งบอกว่าเขากลัวเกินไปหรอกเหรอ?
"นี่คุณชายฟู่จะทำอะไร จะตีกันเหรอ? มาเลยสิ ตีมาตรงนี้เลยนะ"
เย่จื่อเฉินยื่นหน้าเข้าไปหาอย่างกวนประสาท ทันใดนั้นก็มีคนในสภานักศึกษาะโเรียกชื่อเขา ฟู่เฉิงิจึงได้พูดขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"เย่จื่อเฉิน อย่าได้ใจเกินไป เื่ของเรามันยังอีกนาน"
ในที่สุดโซนพักก็เงียบลงได้สักที เย่จื่อเฉินคิดว่าจะพักสักหน่อย แต่แล้วแม่นมหลิวฉิงก็โผล่ออกมาอีกครั้ง
"เขาเป็ใครเหรอ ศัตรูหัวใจ?"
"เป็ผีแล้วทำไมยังชอบเมาท์อยู่อีกเนี่ย" เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่นอย่างหมดคำจะพูด หลิวฉิงพูดขึ้นพลางหัวเราะ "ก็อยากรู้นี่ เมื่อกี้บรรยากาศมาคุกระจายขนาดนั้น ต้องเป็ศัตรูหัวใจแน่นอน"
"ฉันกลัวเธอแล้วนะ"
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็ถึงคิวเย่จื่อเฉินซ้อมการแสดง
เพลงง่ายๆ อย่างโฮ่วไหลของเย่จื่อเฉินทำให้คนทั้งหอประชุมตกอยู่ในความเงียบได้อย่างน่าประหลาด
แต่หลังจากที่เงียบไปได้ไม่นาน ก็เป็เสียงปรบมือดังกึกก้อง
"เย่จื่อเฉิน คิดไม่ถึงเลยว่านายจะร้องเพลงเพราะขนาดนี้"
เมื่อกลับมาทางด้านหลังของเวทีการแสดง ซุนอี้เกอก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย เย่จื่อเฉินยิ้มรับไม่พูดอะไรแต่กลับััได้ถึงความเศร้าจางๆ ในสีหน้าของเขา
หากไม่มีกลุ่มวีแชทนี้ เย่จื่อเฉินก็เป็แค่คนที่ไร้ประโยชน์
ใช่ เขาร้องเพลงเพราะจริงๆ
เขาสามารถใส่ความรู้สึกเข้าไปได้เป็อย่างดี สามารถทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเพลงเขาตกอยู่ในความเงียบได้
ความจริงก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เขาอยากสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยดนตรี
แต่ว่า...
ชีวิตคนเรามักมีวันที่สดใสและมืดครึ้มเสมอ
ตรู๊ดดด
จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมา เย่จื่อเฉินจับโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เพียงครู่เดียว เขาก็วางสายไป
"หัวหน้าซุน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ"
"ได้" ซุนอี้เกอพยักหน้าแล้วยิ้ม "รอดูการแสดงของนายในงานฉลองก่อตั้งมหาลัยวันมะรืนนี้อยู่นะ"
เย่จื่อเฉินพยักหน้าให้ซุนอี้เกอ แล้วก็วิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
"นี่ มีอะไร ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้?"
หลิวฉิงนั่งทำหน้าสงสัยอยู่ที่เบาะข้างคนขับบนรถของเย่จื่อเฉิน
เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะพูด
"ภรรยาของผู้การหลิวเป็ลมกะทันหัน..."
"อะไรนะ!"
หลิวฉิงที่นั่งเบาะข้างคนขับกรีดร้องเสียงหลง ในดวงตาเผยความหวาดกลัวออกมา
"งั้นนายขับเร็วอีกหน่อยสิ"
"เธอจะให้ฉันเร็วแค่ไหนอีก"
มองดูที่มาตรวัดความเร็ว ความเร็วที่จำกัดอยู่ที่หกสิบแต่เขาขับไปแปดสิบแล้ว
"ฉันบอกนายตั้งนานแล้วว่าให้ไปดูอาการให้เขา แล้วดูตอนนี้สิ ถ้าเขาเป็อะไรขึ้นมาจริงๆ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่"
สองมือเล็กของหลิวฉิงประสานกุมกันไว้ เย่จื่อเฉินหรี่ตาลงไม่สนใจในคำพูด
แต่ความรู้สึกในใจของเขากลับมีจุดด่างพร้อยมากมาย
ทำไมหลิวฉิงถึงได้สนใจอาการของภรรยาผู้การหลิวขนาดนี้ ในตอนนั้นที่พูดถึงเื่โรคหัวใจของผู้การหลิว หลิวฉิงก็มีอาการแบบนี้
ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวของเย่จื่อเฉิน
แต่ครู่เดียวเขาก็กดมันกลับลงไปอีกครั้ง ถ้าเื่ทุกอย่างนี้เป็เหมือนที่เขาคิด ปัญหาย่อมร้ายแรงแน่
ฟู่
ถอนหายใจยาวออกมา ก่อนที่เย่จื่อเฉินจะเหยียบคันเร่งมิดไมล์อีกครั้ง
ไม่ว่าจะยังไง ความจริงก็กำลังจะเปิดเผยแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้