ด้านศึกระหว่างกงซุนหลิงเอ๋อร์และฉู่มู่ก็จบลงแล้ว ซึ่งฉู่มู่โดนหมัดของกงซุนหลิงเอ๋อร์ซัดกระเด็นพร้อมกระอักเื
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างสังเกตเห็นสถานการณ์ทางด้านนี้ จึงรู้สึกใกับพลังของกงซุนหลิงเอ๋อร์ที่แสดงออก
“นี่ก็คือจุดจบที่มาล่วงเกินข้า!” กงซุนหลิงเอ๋อร์ตาเผยประกายเย็นเยือก ขณะมองฉู่มู่ที่นอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทีดูถูก
“สองคนนี้แข็งแกร่งมาก แต่น่าเสียดายที่ต้องมาตายอยู่ที่นี่”
ผู้คนรอบข้างต่างถอนหายใจ ถึงอย่างไรผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลอู๋ก็มาถึงแล้ว เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์จะรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้อย่างไร
“ไอ้หนู กล้าล่วงเกินคนตระกูลอู๋ที่เมืองลอยฟ้า นี่ถือเป็ความผิดอันใหญ่หลวงของเ้า!”
ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนนั้นแค่นเสียงหัวเราะอย่างเ็า เขาวาดฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งขั้นยุทธ์แท้สูงสุดจู่โจมเย่เฟิงทันที จนมิอาจใช้คำว่าน่าสะพรึงกลัวมาอธิบายเป็คำพูดได้
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!”
เย่เฟิงเผยสีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย จากนั้นเขาวาดฝ่ามือโจมตีเช่นกัน ซึ่งเป็ไปตามคาดัข่มงูเ้าถิ่นไม่ได้[1] ตระกูลอู๋ถึงกับส่งผู้ฝึกยุทธ์มามากเพียงนี้ก็เพื่อที่จะจัดการเขาและกงซุนหลิงเอ๋อร์ ช่างดูถูกพวกเขาสองคนมากไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงกลุ้มใจก็คือ ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ทราบได้อย่างไรว่าอู๋เจ๋อสู้กับเขาอยู่ที่นี่
พลังฝ่ามือทั้งสองเข้าปะทะกัน คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนนั้นถูกซัดกระเด็น แต่การโจมตีของชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดอีกสามคนก็มาถึงแล้วเช่นกัน สามการโจมตีประหนึ่งคลื่นมหาสมุทรเข้าโอบล้อมเย่เฟิงในพริบตา ไร้ซึ่งหนทางหนีรอด
“ไอ้หนู ตายซะเถอะ!” ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดหนึ่งในนั้นเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือ ทำให้อานุภาพเปลี่ยนไปน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น
เย่เฟิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พลันเคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรเองภายในกาย ก่อนจะมีพลังหอกแผ่ออกมาจากร่างกาย จากนั้นแสงแห่งอำนาจเข้าปกคลุมหอกัเงินประกายแล้วแทงออกไป เข้าปะทะกับการโจมตีของอีกฝ่ายสามคนทันที
“ตูม!!!” เสียงะเิดังต่อเนื่องสามครั้ง แสงแห่งารายล้อมร่างเย่เฟิง ภายใต้พลังโจมตีอันแกร่งกล้านั่น ส่งผลให้ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดทั้งสามคนถอยหลังไปหนึ่งก้าว พร้อมกับรู้สึกชาที่แขน
“วูบ!” เย่เฟิงฉวยโอกาสนี้ใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อไปหากงซุนหลิงเอ๋อร์ ก่อนจะคว้าจับมือของอีกฝ่าย แล้วกล่าวว่า “หลิงเอ๋อร์ไปเร็ว!”
กงซุนหลิงเอ๋อร์พยักหน้าให้เย่เฟิง นางนั้นรู้จักเย่เฟิงมาเพียงสองเดือน ซึ่งสองเดือนก่อนเย่เฟิงเป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 5 เท่านั้น แต่วันนี้ในสองเดือนให้หลัง พลังของเย่เฟิงถึงจุดที่สามารถต่อกรกับขั้นยุทธ์แท้สูงสุดได้แล้ว ความก้าวหน้าเช่นนี้ทำให้กงซุนหลิงเอ๋อร์ใเป็อย่างมาก
แต่กงซุนหลิงเอ๋อร์ทราบดี ตอนนี้ไม่ใช่เป็เวลามากังวลเื่พวกนี้ เพราะคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าต่าง้าชีวิตของนางและเย่เฟิง
ศักยภาพภายในร่างกายของเย่เฟิงปะทุออกมา เขาจับมือกงซุนหลิงเอ๋อร์แล้วใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ พร้อมกับแสงดาวปกคลุมร่าง ก่อนจะหลบหนีไปจากที่นี่
“ตามไป อย่าปล่อยให้สองคนนี้หนีไปได้!”
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋เห็นเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์หนีไปก็ะโเสียงดังเช่นนั้น เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินต่างก็ะเิไอสังหาร ก่อนจะไล่ตามพวกเย่เฟิงไป
ที่เมืองลอยฟ้าไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินความเกรงขามของตระกูลอู๋ ดังนั้นวันนี้เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์จักต้องตาย
อู๋เจ๋อและฉู่มู่ก็อยู่ในกลุ่มคนนั้นเช่นกัน พวกเขาเป็ถึงอัจฉริยะและผู้โด่งดังในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งเมืองลอยฟ้า วันนี้พวกเย่เฟิงทำให้พวกเขาขายหน้า พวกเขาย่อมต้องชำระแค้นเพื่อกู้หน้ากลับคืนมา
“ตาบ้า เ้าสัญญากับข้าก่อนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามใช้อาวุธมารนั่นเด็ดขาด!” ขณะที่พวกเย่เฟิงมุ่งไปข้างหน้า จู่ ๆ กงซุนหลิงเอ๋อร์ก็กล่าวกับเย่เฟิงเช่นนั้น
“ข้าจะไม่ใช้มันเว้นแต่จำเป็จริง ๆ วางใจเถอะ!”
เย่เฟิงกล่าวเช่นนั้น เขารู้ว่ากงซุนหลิงเอ๋อร์เป็ห่วงเขา คราวก่อนเย่เฟิงถูกผู้ฝึกยุทธ์ของจวนเซิ่งอ๋อง นิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ และตระกูลเฉินไล่ล่า เย่เฟิงจำต้องใช้พลังของหอกมารเพื่อฆ่าคนเ่าั้ แต่ตัวเองก็ต้องทนรับความเสี่ยงอันใหญ่หลวง หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเฒ่าจิงและกงซุนเชียน เย่เฟิงคงเข้าสู่วิถีมารและมิอาจฟื้นฟูกลับคืนมาได้อีกเลย
แม้สุดท้ายแล้วเย่เฟิงจะเจอความโชคดีในความโชคร้าย เขาได้รับประโยชน์จากหอกมารที่วิวัฒนาการอย่างสมบูรณ์ก็จริง ทว่าเมื่อเย่เฟิงขบคิดถึงผลลัพธ์ในตอนนั้นก็อดเหงื่อไหลไม่ได้ มีเพียงตัวเย่เฟิงที่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรเมื่อใช้หอกมาร ดังนั้นหากไม่จำเป็จริง ๆ เย่เฟิงจะไม่ใช้พลังของหอกมารเด็ดขาด
“ไอ้หนู เ้าหนีไม่รอดหรอก สุดท้ายก็ต้องถูกจับอยู่ดี!” เสียงชายชราตระกูลอู๋ดังมาจากข้างหลัง เมื่อเย่เฟิงได้ยินก็แสยะยิ้ม จากนั้นกล่าวกับกงซุนหลิงเอ๋อร์ว่า “หลิงเอ๋อร์ พวกเราออกนอกเมืองกัน!”
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋กระจายกำลังอยู่ทั่วเมืองลอยฟ้า จึงไม่เป็ผลดีต่อเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ ก่อนหน้าที่จะเข้าเมืองลอยฟ้า เย่เฟิงเคยเห็นูเาลูกใหญ่อยู่ที่หลังเมืองลอยฟ้า หากไปถึงที่นั่น คนตระกูลอู่ก็จับตัวพวกเขาไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว
เย่เฟิงอาศัยย่างก้าวดาวตกผีเสื้อและพลังหยวนอันอุดมสมบูรณ์ในกาย คนตระกูลอู่จึงไล่ตามมาไม่ทัน
“ไม่คิดว่าสองคนนี้จะหนีไปได้เร็วเพียงนี้ ผู้าุโหลี่ ท่านมีวิธีอะไรหรือไม่?” เมื่ออู๋เจ๋อเห็นพวกเย่เฟิงหนีไปไกลแล้ว จึงเอ่ยถามชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ
ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนนั้นเผยสีหน้าแน่วแน่ “ใช้เรือรบอินทนิลทองคำอาจจะตามสองคนนั้นทัน”
อู๋เจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาว “ผู้าุโหลี่นำเรือรบอินทนิลทองคำมาด้วยหรือ ช่างดียิ่งนัก!”
ผู้าุโหลี่พยักหน้าให้อู๋เจ๋อ จากนั้นเห็นแสงส่องวาบที่ด้านหน้าผู้าุโหลี่ พร้อมพลังมิติพวยพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา นาทีต่อมาแสงสว่างจ้าขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนเห็นเรือลำเล็กปรากฏในฝ่ามือของผู้าุโหลี่ ทั้งยั้งมีแสงส่องกะพริบ
“ไป!”
จากนั้นเห็นผู้าุโหลี่ยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนเรือเล็กลำนั้นจะลอยขึ้นฟ้าช้า ๆ พร้อมแสงสว่างโชติ่ เรือเล็กลำนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเรือเล็กที่มีขนาดเพียงหนึ่งนิ้วก็กลายเป็เรือลำใหญ่ที่มีขนาดมหึมา
นาทีนี้เหล่าผู้คนในเมืองลอยฟ้าต่างแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความใ ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “เป็เรือรบอินทนิลทองคำ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงกับทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ใช้เรือรบอินทนิลทองคำ!”
“เรือรบอินทนิลทองคำทรงพลังมาก สมแล้วที่เป็สมบัติล้ำค่าของตระกูลอู๋ เพียงแค่เปิดใช้งานง่าย ๆ ก็ทรงพลังมากเพียงนี้ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!”
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทุกมุมในเมืองลอยฟ้าต่างพูดคุยเื่เรือรบอินทนิลทองคำ
เรือรบอินทนิลทองคำนั้นขึ้นชื่อว่าเป็อาวุธขนาดใหญ่ที่ทรงอานุภาพที่สุดของเมืองลอยฟ้า ภายในเรือรบกว้างขวาง บรรจุคนได้นับพัน และความเร็วก็เทียบได้กับเคล็ดวิชาท่าร่างของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดที่สำแดงเต็มกำลัง
อาวุธชิ้นนี้สร้างขึ้นจากปรมาจารย์ศัสตราวุธที่มีฝีมือเก่งกาจหลายสิบคนซึ่งนำโดยผู้นำตระกูลอู๋ พวกเขาใช้เวลาไป 49 วันเพื่อสร้างของสิ่งนี้
แม้แต่จวนเ้าเมืองแห่งเมืองลอยฟ้าก็ไม่เคยมีอาวุธทรงพลังที่ใหญ่มหึมาเช่นนี้ ซึ่งเรือรบลำนี้สามารถใช้ในการโจมตีและป้องกันได้ ถึงจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะก็ไม่กล้าเผชิญหน้าตรง ๆ วัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างเรือรบอินทนิลทองคำก็ยังเป็ของล้ำค่าและหาได้ยาก ความสามารถของมันจึงทรงพลังอย่างมาก และทนทานต่อการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะได้หนึ่งชั่วยามโดยที่ตัวเรือไม่แตก
หากบอกว่าอะไรคือสิ่งล้ำค่าที่สุดของตระกูลอู๋ก็คงไม่พ้นเรือรบอินทนิลทองคำลำนี้ ทว่าบัดนี้ผู้าุโหลี่ ผู้ซึ่งควบคุมเรือรบอินทนิลทองคำได้เปิดใช้งานมันเพื่อที่จะไล่ล่าเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ เห็นชัดว่าคนตระกูลอู๋เหล่านี้้าฆ่าพวกเขามากเพียงใด
“ทุกคนขึ้นเรือ วันนี้ต้องจับสองคนนั้นมาให้ได้!” ผู้าุโหลี่กล่าวด้วยความมั่นใจ
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ต่างเผยสีหน้าตื่นเต้น ยามปกติพวกเขาไม่มีโอกาสได้ััเรือรบอินทนิลทองคำ แต่ตอนนี้มีโอกาสแล้ว จากนั้นพวกเขาะโขึ้นเรือด้วยความรวดเร็ว
“ครืน!” เมื่อเรือรบอินทนิลทองคำเดินเครื่อง พลันกระแสอากาศเกิดแปรปรวน สายลมโหมกระโชก ทำให้ผู้คนบนภาคพื้นดินได้รับผลกระทบจนต้องถอยออกห่างไปอย่างรวดเร็ว
เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ยังคงทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง หากบรรลุขั้นยุทธ์แท้ก็จะสามารถเหาะเหินบนอากาศได้ ทว่าการเหาะเหินบนอากาศนั่นค่อนข้างที่จะโดดเด่นเกินไป ส่วนย่างก้าวดาวตกผีเสื้อที่เย่เฟิงใช้ก็ไม่ด้อยไปกว่าการเหาะเหินบนอากาศ ดังนั้นเย่เฟิงจึงเลือกที่จะทะยานบนภาคพื้นดิน
เมื่อพวกเย่เฟิงออกจากเมืองลอยฟ้าได้ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงกระแสอากาศที่แปรปรวนมาจากข้างหลัง ก่อนจะพัดปะทะร่างทั้งสองคน ทำให้ทั้งสองคนอดหันไปมองข้างหลังไม่ได้ ก่อนจะเห็นเรือรบอินทนิลทองคำแล่นมาทางนี้ด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
“อะไรน่ะ?” เย่เฟิงใเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นยานพาหนะทางอากาศที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก
“นี่คือเรือรบ แต่ดูท่าจะไม่ใช่เรือรบธรรมดา พวกเราเจอปัญหาเข้าแล้ว” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางเคยได้ยินท่านปู่เล่าเื่เกี่ยวกับเรือรบมาก่อน หากมีความรู้เกี่ยวกับอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้อย่างลึกซึ้ง อาวุธนั้นก็จะทรงพลังขึ้นเป็อย่างยิ่ง
“ไม่คิดว่าคนตระกูลอู๋จะใช้เรือรบเพื่อที่จะไล่ล่าพวกเรา ให้ความสำคัญกับพวกเรามากเกินไปแล้ว”
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายแสงเยือกเย็น จากนั้นกล่าวกับกงซุนหลิงเอ๋อร์ว่า “หลิงเอ๋อร์ เราต้องรีบไปทีู่เาข้างหน้า มีเพียงวิธีนี้จึงจะหนีอีกฝ่ายได้”
“อืม!” กงซุนหลิงเอ๋อร์พยักหน้า นางเหลือบมองไปที่เรือรบอินทนิลทองคำแวบหนึ่ง ก่อนจะสำแดงเคล็ดวิชาท่าร่างสุดกำลังเพื่อมุ่งหน้าไปยังูเาที่อยู่ข้างหน้า
“ยิงลูกศร!”
บนเรือรบอินทนิลทองคำ เมื่อผู้าุโหลี่ออกคำสั่ง จู่ ๆ ลูกศรนับหมื่นถูกยิงไปที่เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ทันที
“ฟิ้ว ๆ ๆ!” เสียงลูกศรทะลวงอากาศดังต่อเนื่อง ทุกที่ที่ห่าลูกศรผ่านจักต้องถูกทะลวงทั้งสิ้น
“บัดซบ!”
กงซุนหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้นนางปลดปล่อยแถบผ้าสีม่วงนับไม่ถ้วนออกมา เพื่อต่อต้านห่าลูกศรนั่น ส่วนเย่เฟิงก็มีพลังหอกพวยพุ่งออกจากร่าง ก่อนจะกลายเป็รังสีหอกและทำลายทุกอย่างที่จู่โจมเข้ามา ตามมาด้วยเสียงดังปังอย่างไม่ขาดสาย ลูกศรเ่าั้มิอาจเข้าถึงตัวเย่เฟิงได้แม้แต่นิดเดียว
“กินลูกศรนี่ไปซะ!”
แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของอู๋เจ๋อ พลันธนูปรากฏในมือเขา พร้อมแสงทำลายล้างโคจรบนนั้น เห็นชัดว่าเป็หนึ่งในอาวุธที่ทรงพลังมาก พลังหยวนควบแน่นเป็ลูกศรพลังหยวนสามดอก ก่อนจะถูกยิงออกไป ซึ่งพลังเทียบเท่ากับการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด และเป้าหมายก็คือเย่เฟิง
เวลานี้อู๋เจ๋อลืมเื่ที่จะจับเย่เฟิงไปทำเป็หุ่นเชิดเสียสนิท สิ่งที่เขาคิดมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือการฆ่าเย่เฟิง
เย่เฟิงไม่ได้หันหลังไปมองทั้งที่รู้สึกได้ถึงอันตรายจากทางด้านหลัง แต่เมื่อลูกศรสามดอกเข้ามาใกล้ตัวเย่เฟิง จู่ ๆ เย่เฟิงก็หันหลังมาอย่างฉับพลันพร้อมกับแทงหอกออกไป ก่อนจะต้านลูกศรสามดอกนั่นได้ในพริบตา
--------------------------------------------
[1] ัข่มงูเ้าถิ่นไม่ได้ หมายถึง แม้เป็ผู้มีพละกำลังหรือความสามารถแข็งแกร่ง แต่ก็สู้อิทธิพลท้องถิ่นไม่ได้
