“แกร๊ก!”
“โฮก…”
มีสองเสียงที่ดังไปทั้งบรรยากาศ เสียงแรกคือเสียงกระดูกที่แตกหัก ส่วนอีกเสียงคือเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเ็ป
ทั้งสองเสียงนี้ดังมาจากปีศาจสิงโตเพลิง
ปีศาจสิงโตเพลิงในขณะนั้นถูกพลังมหาศาลของหลินเฟิงกระแทกหลังจนเกิดรอยแผล และร่างอันใหญ่โตของมันก็คลานอยู่ที่พื้น ในที่สุดกลิ่นอายสีขาวดูเหมือนจะแ่เบาลง แต่กลิ่นอายนี้ยังคงมีเปลวเพลิงร้อนระอุแผดเผาอยู่เล็กน้อย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฝูงชนต่างมึนงง แม้ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงจะทรงพลังมาก แต่สัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่ 5 และยังเป็ปีศาจสิงโตเพลิงที่แข็งแกร่งมาก แต่ทำไมถึงเปราะบางเช่นนี้?
แม้แต่หลินเฟิงเองยังต้องตะลึงงัน จากนั้นเขาก็เข้าใจในทันที บนใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้ม เข้าใจแล้ว มันก็เป็เพียงการกระทำอันต่ำช้า
“ขอบคุณเ้ามากที่มอบสัตว์อสูรปีศาจให้กับข้า”
หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองไปยังลูกหลานชนชั้นสูงจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ที่อยู่บนอัฒจันทร์ มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยให้เห็น
สัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่ 5 ที่แข็งแกร่งคาดไม่ถึงว่าจะอ่อนแอเช่นนี้ ซึ่งมีเพียงคำอธิบายเดียวคือ ลานประลองเชลยได้ทำอะไรสักอย่างกับปีศาจสิงโตเพลิง และเตรียมมอบปีศาจสิงโตเพลิงให้กับมู่ฟ่าน ในตอนนั้นมู่ฟ่านจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่มีความแข็งแกร่งพอๆ กับสัตว์อสูรปีศาจที่ทรงพลัง ช่างน่าเกรงขามจนต้องหนาวสะท้าน!
อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลินเฟิงสังหารมู่ฟ่านลง แผนการของพวกเขาจึงยุ่งเหยิง มู่ฟ่านได้เสียชีวิตลง แต่หลินเฟิงกลับได้ปีศาจสิงโตเพลิงไปแทน
ตอนนี้หลินเฟิงเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ดูแลที่จูงปีศาจสิงโตเพลิงเมื่อครู่นี้ถึงมีแววตาอิจฉา ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง อีกฝ่ายทราบดีว่าสัตว์อสูรปีศาจระดับจิติญญาขั้นที่ 5 ตัวนี้จะต้องตกเป็ของหลินเฟิง
คำขอบคุณนั้นทำให้สีหน้าของชายหนุ่มชนชั้นสูงดูน่าเกลียด หลินเฟิงไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้คนถึงเตือนเขา ทว่าปีศาจสิงโตเพลิงกลับมีพฤติกรรมผิดแปลกไป
เมื่อหลินเฟิงพูดจบ เหล่าผู้คนต่างหันไปมองลูกหลานชนชั้นสูงจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ผู้นั้นด้วยแววตาเหยียดหยาม
ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ช่างไร้ยางอายยิ่ง คาดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีที่มีลับลมคมใน และพวกเขาก็ได้แต่หลอกลวงเท่านั้น
ชายหนุ่มชนชั้นสูงจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงด้วยแววตาเ็า ก่อนกล่าวว่า “ขอบคุณข้าทำไมกัน? แม้ว่าเ้าจะเอาชนะปีศาจสิงโตเพลิงได้ แต่จากนี้ไปหากจะให้มันติดตามเ้าไปนั้นก็ไม่ใช่เื่ง่าย เมื่อถึงเวลานั้นหากเ้าไม่ถูกปีศาจสิงโตเพลิงกลืนกินก็นับว่าดีมากแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของหลินเฟิงจึงเผยรอยยิ้มที่น่าสนใจออกมา และกล่าวว่า “วางใจเถอะ สิ่งที่เ้าพูดมามันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของข้าจะไม่เทียบเท่าปีศาจสิงโตเพลิงก็ตาม”
เมื่อพูดจบหลินเฟิงได้มองไปที่ผู้ดูแลและกล่าวว่า “ตอนนี้ไม่ใช่ว่าข้าสามารถจูงมันได้แล้วหรือ? ”
“ย่อมได้” ผู้ดูแลกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่หลินเฟิงก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วเขาก็จูงปีศาจสิงโตเพลิงออกจากกรงไป
หลังจากหลินเฟิงได้สูดอากาศภายนอกกรง แล้วเหลือบมองผู้คนรอบๆ ลานประลองเชลยผ่านช่องหน้ากาก เขาพลันเผยรอยยิ้มสดใสออกมาและกล่าวอย่างเ็าว่า “ปีศาจสิงโตเพลิง สัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่ 5 สามารถเติบโตจนกลายเป็ระดับ์ได้นั้น มันจึงมีค่าเป็อย่างมาก”
เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดของหลินเฟิงแล้วพวกเขาต่างก็แสดงท่าทีประหลาดใจ มีค่า? คาดไม่ถึงว่าเ้าเด็กนี่จะพูดว่าสัตว์อสูรปีศาจตนนี้มีค่ามากมาย
หลินเฟิงหมายถึงอะไรกันแน่?
หลินเฟิงไม่ได้ทำให้ผู้คนต้องรอคอยคำตอบนั้น จึงกล่าวต่อว่า “หากพวกเ้าชอบปีศาจสิงโตเพลิงแต่ไม่มีโอกาส งั้นมาทำการประมูลกันเถอะ”
เมื่อหลินเฟิงพูดจบ และเป็อีกครั้งที่ทำให้ฝูงชนต่างประหลาดใจจนต้องส่ายหน้า
การประมูล?
เ้าเด็กนี่… คาดไม่ถึงว่าจะนำปีศาจสิงโตเพลิงที่มีศักยภาพมหาศาลมาประมูล?
ในที่สุดฝูงชนก็เข้าใจความหมายของประโยคเมื่อครู่นี้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เทียบเท่าปีศาจสิงโตเพลิง แต่ก็ไม่มีทางที่จะถูกปีศาจสิงโตเพลิงกลืนกินได้ เพราะเขาไม่ได้มีเจตนาจะพามันไปั้แ่แรกแล้ว
“เ้าเด็กนี่บ้าไปแล้ว มันคิดจะทำอะไรกันแน่ นั่นมันปีศาจสิงโตเพลิงนะ!”
ผู้คนต่างคิดว่าหลินเฟิงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่นำปีศาจสิงโตเพลิงมาประมูล การกระทำเช่นนี้ถือว่าโง่เขลามากในสายตาพวกเขา
แน่นอนว่านี่เป็เพียงความคิดของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ได้อะไรกับการที่ปีศาจสิงโตเพลิงอยู่ข้างกายหลินเฟิง
เฉกเช่นสุภาษิตที่ว่า ‘เมื่อครองสิ่งล้ำค่าอยู่ในมือ ผู้คนย่อมอิจฉาและคิดแย่งชิง’
ทว่าพวกเขานั้นไม่ได้มีความแข็งแกร่งเพียงพอ แม้จะมีสมบัติที่ดีที่สุดมากมาย แต่ทำได้แค่ดึงดูดความสนใจ นั่นเป็เหตุผลหลักว่าทำไมตัวเองจึงไม่มีประโชยน์
สิ่งที่หลินเฟิงต้องทำในตอนนี้คือ เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองโดยไม่พึ่งปีศาจสิงโตเพลิง ผู้คนจึงต่างคิดร้ายเช่นนั้น และกลับทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย หลินเฟิงนั้นยังตื้นเขินเกินไป
ปีศาจสิงโตเพลิงตัวนี้และหลินเฟิงยังมีจิตใจที่สับสน การทำให้เขาสนใจได้นั้นยากมาก
จากนั้นหลินเฟิงก็จูงปีศาจสิงโตเพลิงออกจากลานประลองเชลย แล้วมุ่งหน้าไปยังเขตการค้าในทันที
แต่เหล่าผู้คนจากลานประลองเชลย คาดไม่ถึงว่าจะมีหลายคนที่ติดตามหลินเฟิงไป
ท่ามกลางพวกเขานั้น บางคนก็อยากตามไปดูเพื่อความสนุก แต่บางคนก็้าประมูลปีศาจสิงโตเพลิงจริงๆ
อย่างไรก็ตามท่ามกลางฝูงชนก็มีคนไม่น้อยเลยที่มีหินหยวนจำนวนมาก และปีศาจสิงโตเพลิงนั้นมันหาได้ยากมันจึงมีค่ามาก
หากสามารถฝึกปีศาจสิงโตเพลิงให้เชื่องได้ และรอมันเติบโตจนกลายเป็ระดับ์ เมื่อถึงตอนนั้นมันจะทรงพลังมาก และถ้ามันได้อยู่ข้างกายใคร คนผู้นั้นจะดูน่าเกรงขาม
เมืองนี้เป็เมืองใหญ่และมีผู้คนมากมาย เมื่อฝูงชนได้ติดตามหลินเฟิงไปด้วยท่วงท่าการเดินที่สง่างาม เมื่อพวกเขาผ่านที่ใดก็ดูราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
มีหลายคนพูดเกี่ยวกับเื่การประมูลปีศาจสิงโตเพลิง จึงทำให้ผู้คนต่างเดินทางมารวมตัวกันที่นี่
หลินเฟิงพอใจกับผลลัพธ์มาก ในทีแรกเขากลัวว่าจะมีคนน้อยกว่านี้เสียอีก
สำหรับการประมูลแล้ว คนยิ่งมากการแข่งขันก็ยิ่งสูง ราคาในการประมูลจะผันผวนไปได้มหาศาล ถือว่าเป็เื่ที่ดีมากในความคิดของหลินเฟิง
หลังจากเดินมาอีกไม่นาน ลานประมูลอันกว้างใหญ่ก็ได้ปรากฏสู่สายตาของหลินเฟิง ภายในลานประมูลแห่งนี้มีศาลาตั้งอยู่หลายพันหลัง
แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่เท่าลานประลองเชลย แต่ทัศนียภาพของที่นี่กลับดูดีกว่าลานประลองเชลยหลายเท่าตัว ผู้คนสามารถนั่งจิบชาอยู่ภายในศาลาขณะที่สายตาจับจ้องไปยังลานเพื่อประมูลสินค้าได้อีกด้วย
เมื่อหลินเฟิงเห็นลานประมูลตรงหน้าแล้ว รอยยิ้มพลันปรากฏที่มุมปาก ก่อนจะก้าวเข้าไป
ทว่าเมื่อหลินเฟิงเข้าสู่ลานประมูล ภาพที่ปรากฏสู่สายตาคือกลุ่มคนมากมายที่กำลังขวางทางหลินเฟิงอยู่
“เ้าไม่สมควรปีศาจสิงโตเพลิงหรอก!”
ชายผู้หนึ่งจ้องมองหลินเฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
แววตาของหลินเฟิงยังคงสงบนิ่ง และกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “หากข้าเป็พวกเ้า ข้าจะไม่ขวางทางและออกไปไกลๆ”
เมื่อหลายคนที่อยู่ตรงหน้าได้ยินหลินเฟิงกล่าวดังนั้นก็ตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายอันเยือกเย็นที่แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง
“ข้าจะให้ 100 หินหยวนระดับกลาง แล้วมอบปีศาจสิงโตเพลิงให้พวกข้าซะ” ชายผู้นั้นกล่าวอีกครั้ง
“ช่างโง่เขลานัก” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า “ข้าจะนับถึง 3 ถ้าพวกเ้ายังไม่ไสหัวไป ข้าจะบอกผู้คนที่อยู่ด้านหลังข้าให้ฆ่าพวกเ้าซะ ใครจะขายมันต่ำกว่า 200 หินหยวนระดับกลางกัน และหากราคาของมันถูกขายไปในราคาถูกขนาดนั้น พวกเ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
สิ้นเสียงพูดของหลินเฟิงสีหน้าของผู้คนจึงเปลี่ยนไปทันที แต่ผู้คนด้านหลังหลินเฟิงนั้นเริ่มก้าวออกมาอย่างกระตือรือร้น
“หนึ่ง!”
หลินเฟิงเริ่มนับอย่างเ็า ในขณะเดียวกันก็มีเสียงฝีเท้าก้าวออกมามากมาย
“สอง!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงไม่มีการตอบสนอง รอยยิ้มเ็าราวกับปีศาจค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเฟิง
ขณะนั้นจิตสังหารได้แพร่กระจายไปทั่ว ผู้คนที่อยู่เบื้องหน้าต่างใจสั่นระรัวและมีสีหน้าบิดเบี้ยวดูน่าเกลียด
“จงจำข้าไว้ซะ” ชายผู้นั้นขู่ด้วยน้ำเสียงเ็าและถอยร่นไปด้านหลัง
“เป็ไปตามคาด ช่างเป็กลุ่มคนที่โง่เขลานัก” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็าและพูดต่อว่า “ชีวิตของพวกเ้า ก่อนจะทำการอะไรก็จงใช้สมองไตร่ตรองก่อนว่าอันไหนควรหรือไม่ควร”
“ฆ่ามัน ไม่ว่าใครก็ตามที่จะประมูลปีศาจสิงโตเพลิงของข้าด้วย 100 หินหยวนระดับกลาง!” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า แต่ในน้ำเสียงที่สงบนิ่งกลับทำให้สีหน้าของผู้คนเปลี่ยนไปทันที