“เ้ามาได้อย่างไร?”เหมือนว่าหวังชงจะรู้จักคนผู้นี้เป็อย่างดี แต่เขาไม่คาดคิดว่า ‘คนคุ้นเคย’ ผู้นี้จะชักมีดเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งออกมาแล้วจ้วงแทงเข้าใส่กลางอกของหวังชงโดยไม่ทันตั้งตัว
“เ้า...เ้า...เ้า”
หวังชงไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าจะถูกคนผู้นี้ลงมือทำร้ายเขาคว้าจับที่เสื้อของอีกฝ่ายโดยไม่ยอมปล่อย ั์ตาเบิกกว้าง ตายตาไม่หลับ สุดท้ายก็กลายเป็เพียงศพเย็นๆร่างหนึ่งที่ถูกทิ้งเอาไว้
มือสังหารลึกลับผู้นั้นหันไปมองทางทิศที่หลินหยางเดินหายเข้าไปด้วยรอยยิ้มเ็า“หึ ไม่คิดว่าเ้าเด็กนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ โชคดีที่ข้าไม่ได้ลงมือเอง แต่อย่างไรตอนนี้มันก็กลายเป็ฆาตกรที่ฆ่าหวังชงไปแล้วหึหึ เมื่อเวลานั้นมาถึงต้องมีเื่สนุกๆ ให้ดูแน่...แถมยังมีเื่ไปรายงานให้นายน้อยโอวหยางอีกด้วย”
กล่าวจบเขาก็แบกร่างกายที่ไร้ชีวิตของหวังชงขึ้น แล้วจึงเดินกลับไปยังเมืองอวิ๋นเฉิง
..................................
หลินหยางยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วการตายของหวังชงทำให้ตระกูลเวินโกรธแค้นหลินหยางถึงขั้น้าเอาชีวิตคฤหาสน์ตระกูลเวินตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็เหมือนจุดศูนย์กลางของลมพายุที่กำลังหมุนวนด้วยความพิโรธท่ามกลางห่าฝนที่ตกลงมาเป็สายเืกำลังรอให้หลินหยางกลับไป
ส่วนหลินหยางในตอนนี้ยังคงอยู่บนูเาเมฆมรกตเขากำลังตามหาสิ่งของบางอย่างอยู่ ั์ตาทั้งสองข้างเรืองแสงสีแดงส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ลั่วยิงเฉ่า...ลั่วยิงเฉ่า... หายากเหมือนกันนะนี่ แต่ถ้าเดินตามแนวเขาไปเรื่อยๆ น่าจะมีอยู่สักต้นสองต้น”
ระหว่างที่เขากำลังพูดคนเดียวอยู่หลินหยางก็หยุดเท้ากะทันหัน ั์ตาที่กำลังส่องแสงสีแดงนั้นพลันหันไปมองที่ต้นสมุนไพรสีชมพูต้นเล็กๆ ที่อยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งพร้อมกับชี้มีดสั้นในมือไปยังต้นสมุนไพรนั้น
“เจอแล้ว”
ทักษะการใช้มีดของหลินหยางนั้นทั้งคล่องแคล่วและแม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์เขาสามารถใช้มีดตัดเอาต้นสมุนไพรต้นนี้ออกจากพื้นดินโดยเหลือส่วนที่เป็รากไว้หนึ่งในสามส่วนไม่ขาดไม่เกิน หากตัดเกินมาหนึ่งส่วนตัวสมุนไพรก็จะมีสิ่งเจือปนเยอะเกินไป หากตัดน้อยไปหนึ่งส่วน ตัวยาก็จะไม่บริสุทธิ์ดูจากทักษะการเก็บสมุนไพรแล้วหลินหยางน่าจะเป็ผู้เชี่ยวชาญที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานานหลายปีแล้ว
เขาเก็บสมุนไพรลั่วยิงเฉ่าต้นนี้เข้าไปในถุงฟ้าดินจากนั้นก็เริ่มสอดส่องสายตาเพื่อค้นหาต่อโดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดพักแม้แต่น้อย
สมุนไพร ‘ลั่วยิงเฉ่า’ที่เขาเพิ่งเก็บได้นั้นเป็หนึ่งในเป้าหมายของการออกเดินทางค้นหาวัตถุดิบในคราวนี้เป็หนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่จำเป็ต้องใช้ในวิชาการช่างอันลึกลับของเขา
ในอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นนั้นผู้คนต่างคิดกันว่าวัตถุดิบที่ใช้ในวิชาการช่างนั้น มีเพียงแค่พวกหินแร่หรือผลึกคริสตัลประเภทต่างๆเท่านั้น ยังไม่เคยมีผู้ใดเสนอวิธีการใช้สมุนไพรในวิชาการช่างเลยเป็วิธีที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของคนสมัยนี้มาก
สมุนไพรลั่วยิงเฉ่าคือสมุนไพรที่ไม่เคยมีนักการช่าง หรือแม้แต่นักปรุงยาคนไหนในอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ๋นเหลียวแลเลยเป็พืชที่ไร้ราคา ไม่สามารถขายได้ตามท้องตลาด ทำให้หลินหยางต้องออกมาตามหาด้วยตัวเองแต่สมุนไพรชนิดนี้ เมื่อนำมันไปผสมกับวัตถุดิบอื่นเมื่อไหร่ผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถพลิกโฉมหน้าของวิชาการช่างในอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบะเืฟ้าะเืดินเลยทีเดียว
ไม่นานนักหลินหยางก็สามารถเก็บต้นลั่วยิงเฉ่าจากในป่าแห่งนี้ได้ประมาณยี่สิบกว่าต้นบรรลุเป้าหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้แล้ว
“อันต่อไปนี่ดูท่าจะยุ่งยากระดับหนึ่งเลยนะ”
สายตาของเขามองไปทีู่เาที่ตั้งอยู่ไกลๆลูกหนึ่ง เขาต้องไปที่ตีนเขาลูกนั้นเพื่อเก็บต้น ‘เฟิร์นภูตธรณี’ ที่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบเปียกชื้นและทึบแสง
แต่กระนั้นแววตาหลินหยางก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจภายในห้าวันนี้ เขาจะต้องตามเก็บวัตถุดิบให้ครบทั้งหมดก่อนกลับเมืองอวิ๋นเฉิงให้ได้
..................................
เวลาผ่านไปไวราวกับสายน้ำที่ไหลในธารน้ำอันเชี่ยวกราด
ห้าวันต่อมา ณโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอวิ๋นเฉิง ‘เลี่ยนเทียนเฮ่า’ ก็ยังคงเปิดประตูบานใหญ่เพื่อต้อนรับเหล่าลูกค้าที่มาจากทั่วสารทิศตามปกติ
เลี่ยนเทียนเฮ่าเป็โรงงานช่างที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองอวิ๋นเฉิงและเป็ร้านเรือธงของครอบครัวตระกูลเวิน มีขนาดประมาณสนามกีฬาสองแห่งรวมกันภายในนี้มีสภาพเป็เหมือนเมืองขนาดย่อมๆ เมืองหนึ่งเลย นอกจากนี้ ที่แห่งนี้ยังได้รวบรวมเอานักการช่างที่มีความสามารถมากที่สุดของเมืองอวิ๋นเฉิงไว้ด้วยสถานที่แห่งนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็ดั่ง์ของผู้ที่้าฝึกวิชาและผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการช่างเลย
จำนวนลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมและจับจ่ายใช้สอยในที่แห่งนี้ในแต่ละวันนั้นมีมากมายราวกับคลื่นน้ำมหาสมุทร นอกจากนี้ยังมีเหล่านักการช่างอีกจำนวนมากที่มาฝึกฝนวิชาในที่แห่งนี้โดยหวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากนักการช่างที่มีชื่อเสียงของเมืองบ้าง
หลังจากเข้าสู่่บ่ายเลี่ยนเทียนเฮ่าก็ยังคงมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากมายราวปุยเมฆบนท้องฟ้าส่วนนอกสุดมีประตูสำริดขนาดใหญ่ตั้งอยู่มันคือสิ่งก่อสร้างที่เป็สัญลักษณ์โรงงานช่างแห่งนี้ ใต้ประตูสำริดนี้มีเหล่าสาวน้อยที่สวมทั้งเครื่องแบบและเครื่องประดับเหมือนกันทุกอย่างยืนเรียงแถวกันอยู่โดยพวกนางเหล่านี้ ล้วนถูกฝึกสอนมาแล้วเป็อย่างดี แต่ละคนล้วนประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็มิตรคอยต้อนรับบรรดาลูกค้าที่มายังสถานที่แห่งนี้
“ยินดีต้อนรับค่ะมีอะไรให้ข้าพเ้ารับใช้หรือไม่เ้าคะ?”
สาวน้อยคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับลูกค้าคนหนึ่งอย่างเป็มิตรลูกค้าคนนี้เป็ชายหนุ่มที่สวมผ้าคลุมสีดำเอาไว้ ขนาดตัวไม่สูงนักสวมใส่หน้ากากที่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ ดูลึกลับเต็มไปด้วยปริศนา
สาวน้อยที่ออกมาต้อนรับลูกค้าคนนี้ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือรังเกียจเลยนางเคยเจอลูกค้าที่ไม่้าเปิดเผยตัวตนมาหลายคนแล้ว อีกทั้งสีหน้าของนางกลับแฝงไปด้วยความยินดีด้วยซ้ำเพราะว่าลูกค้าประเภทนี้ เวลาทำการซื้อขายแต่ละทีมักจะมีมูลค่าค่อนข้างสูง
“สวัสดีข้าอยากจะซื้อวัตถุดิบบางอย่าง แล้วก็อยากได้ห้องช่างด้วยสักห้อง ข้าจะสร้างอะไรเสียหน่อย”
“ได้เ้าค่ะ”สาวน้อยรับคำด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนพร้อมกับรับใบรายการสินค้าจากมือของอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“ต้องเป็การซื้อขายครั้งใหญ่แน่เลย”นางแอบคาดเดาในใจ แต่เมื่อนางมองดูใบรายการในมือแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็เจื่อนลงทันที
“ผลึกไฟ, ผลึกเหล็กดำ, แร่อวิ๋นหมู่...” และอื่นๆ อีกรวมเป็สิบชนิดพอดี ถึงจำนวนมันจะดูเยอะก็ตาม แต่วัตถุดิบแต่ละอย่างล้วนเป็ของธรรมดาทั่วไปทั้งหมดมีราคาไม่ถึง หนึ่งพันตำลึง ซึ่งมันต่างจากการค้าขายครั้งใหญ่ในแบบที่นางคาดหวังไว้ค่อนข้างมาก
“ทำไมมีปัญหาอะไรรึ?” ชายหนุ่มลึกลับเห็นการตอบสนองของหญิงสาวเข้าจึงเอ่ยปากถาม
สาวน้อยผู้นี้รีบเรียกคืนรอยยิ้มของตัวเองกลับมา“ไม่มีปัญหาอะไรเ้าค่ะ” พวกนางล้วนเคยได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดจากผู้ฝึกสอนมาแล้วไม่มีทางชักสีหน้าเพียงเพราะสินค้าที่ลูกค้าซื้อมันถูกหรอก พวกนางแค่ต้องทำใจว่าวันนี้มองคนผิดไปหน่อยช่างมันไปก็แล้วกัน
“ท่านลูกค้าคะของที่ท่านสั่งไว้เดี๋ยวข้าจะเตรียมให้ท่านเอง อาจจะต้องใช้เวลาเสียหน่อยให้ข้าพาท่านไปที่ห้องช่างก่อนแล้วกันนะเ้าค่ะ ท่านจะได้นั่งดื่มชารอแบบสบายๆ”
การบริการแบบเอาใจใส่ของสาวน้อยผู้นี้ทำให้ชายหนุ่มลึกลับผงกหัวหลายที“อย่างนั้นก็ดี เอ่อนี่ ของสิ่งนี้ข้าให้เ้าแล้วกันถือเป็สินน้ำใจเล็กน้อย”
ฟึบ
ชายหนุ่มโยนตั๋วเงินออกไปใบหนึ่งล่อนไปวางอยู่บนมือของสาวน้อยพอดี
หนึ่งร้อยตำลึง
สาวน้อยอึ้งไปครู่หนึ่งค่าแรงของนางทั้งเดือนยังได้ไม่ถึงห้าร้อยตำลึงเลย นางทำงานที่นี่มาก็หลายปีแล้วการซื้อขายใหญ่ๆ หลักแสนตำลึงก็เคยเห็นมาแล้ว แต่ลูกค้าที่ใจกว้างให้สินน้ำใจมากขนาดนี้นานๆทีถึงจะเห็น ทำให้นางดีใจอย่างมาก
“ข้าน้อยสวี่เหยา ขอขอบพระคุณสำหรับสินน้ำใจเป็อย่างมาก ไม่ทราบว่าท่านมีนามอันสูงส่งว่าอะไรเ้าคะ? ข้าน้อยสัญญาว่าจะจัดการเื่ของท่านให้เรียบร้อยโดยเร็วแน่นอนเ้าค่ะ”สวี่เหยาแย้มยิ้มที่ดูราวกับดอกไม้กำลังผลิบาน
ชายหนุ่มลึกลับผู้นั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า“ข้าสกุลหลิน ส่วนสินน้ำใจนั่นเ้าสมควรได้รับอยู่แล้ว เ้านำทางเถอะ”
“เ้าค่ะคุณชายหลิน”
สวี่เหยาก้าวนำไปข้างหน้าอย่างร่าเริงบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพต่างมองมาที่นางด้วยแววตาอิจฉา พวกนางนึกตัดพ้อว่าทำไมตัวเองถึงไม่มีโอกาสได้เจอลูกค้าที่ใจกว้างเช่นนี้บ้าง
ส่วนชายหนุ่มลึกลับที่ถูกเหล่าหญิงสาวจ้องมองด้วยแววตานับถือนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นหลิหยางนั่นเอง
หลินหยางได้เงินมาห้าพันตำลึงจากการชนะประลองกับเวินโฮ่วและในถุงฟ้าดินของครูฝึกหวังนั่นถึงจะไม่ได้มีของมีค่าอะไรมากมายแต่ก็มีตั๋วเงินอยู่ถึงสามพันตำลึง เมื่อรวมๆ กันแล้วหลินหยางได้เงินมามากถึงแปดพันตำลึงซึ่งเป็จำนวนที่มากพอสมควรเลย
ใน่ห้าวันที่ผ่านมาเขาสามารถเก็บรวบรวมวัตถุดิบสำคัญได้ครบทุกอย่างแล้วที่เขามาโรงงานช่างเลี่ยนเทียนเฮ่าในวันนี้เขามาเพื่อซื้อวัตถุดิบทั่วไปที่ยังขาดอยู่แค่นั้น
และที่เลี่ยนเทียนเฮ่าแห่งนี้ยังมีบริการให้ใช้ห้องการช่างด้วยเช่นกันตรงตามความ้าของหลินหยางทุกอย่างพอดี
ขอแค่เขาสร้างของสิ่งนั้นได้สำเร็จเขาก็จะสามารถประกาศศักดาให้ตระกูลเวินได้เห็น และเขาก็จะได้เป็แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลเวินอย่างสมภาคภูมิ
ส่วนสินน้ำใจที่ให้สวี่เหยาไปนั้น...
ใช่แล้วมันคือละครลิงที่หลินหยางตั้งใจแสดงออกมาให้ผู้อื่นเห็น เงินนี่ไม่ได้เสียไปฟรีๆเขาสามารถล้วงข้อมูลข่าวสารจำนวนมากที่ปกติคงหาไม่ได้ง่ายๆ จากสวี่เหยาได้
“คุณชายหลินท่านถามว่าใครคือนักการช่างที่เก่งที่สุดของเราใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นคงเป็ใครอื่นไปไม่ได้นอกจากประมุขของตระกูลเวินท่านเวินติ่งเทียน ตอนนี้ท่านได้เป็ถึง ‘ช่างตีอาวุธิญญา’ ขั้นกลางแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังมีอีกมาก แต่ข้าจะบอกอะไรท่านอย่างหนึ่งนะเ้าค่ะที่จริงแล้วยังมีนักการช่างที่เก่งกว่าท่านประมุขเวินอยู่คนหนึ่งได้ยินว่าเขาได้เป็ถึง ‘ช่างตีอาวุธิญญา’ ขั้นสูงแล้ว แม้แต่ประมุขเวินเวลาเจอหน้าเขายังต้องเกรงใจเลยเ้าค่ะ”
โอ้
หลินหยางได้ยินข่าวนี้เข้าไปที่มุมปากถึงกับยกสูงขึ้น
ไม่คิดว่าจะได้ยินข่าวที่มีประโยชน์เข้าจริงๆ
นักการช่างของทวีปชี่อู่นั้นจะแบ่งตามระดับอุปกรณ์ที่ตัวเองสามารถสร้างขึ้นมาได้
ถ้ายกตัวอย่างเป็อุปกรณ์ประเภทอาวุธจะแบ่งได้เป็ อาวุธธรรมดา อาวุธนิลกาฬ อาวุธิญญา อาวุธราชัน อาวุธจักรพรรดิอาวุธ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดเจ็ดระดับ โดยนอกจากอาวุธธรรมดาแล้วอาวุธแต่ละระดับก็ยังแบ่งตามคุณภาพได้อีกสามขั้น คือ ขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง
นักการช่างที่สามารถสร้างอาวุธนิลกาฬขั้นกลางได้ก็จะมีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าช่างตีอาวุธนิลกาฬขั้นกลางส่วนนักการช่างที่แฝงตัวอยู่ในเลี่ยนเทียนเฮ่าผู้นั้น ถูกเรียกว่าช่างตีอาวุธิญญาขั้นสูงก็แสดงว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะสร้างอาวุธิญญาขั้นสูงได้นับได้ว่าเป็ตัวตนที่ไม่ธรรมดาแล้ว
ต้องบอกก่อนว่าทั้งอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นมีอาวุธิญญาขั้นสูงอยู่ไม่ถึงยี่สิบชิ้นซึ่งมันล้วนถูกจัดอยู่ในระดับสมบัติของชาติเลยทีเดียว และการที่ตระกูลเวินสามารถสร้างอาวุธิญญาระดับนี้ได้นั่นก็พอแล้วที่ตระกูลนี้จะมีตำแหน่งที่สำคัญในอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นแห่งนี้
“อย่างนั้น...ถ้าข้าอยากจะไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ท่านนี้มีวิธีอะไรหรือไม่?” หลินหยางลองถามไป
สวี่เหยาตะลึงรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ได้หรอกเ้าค่ะ อาจารย์ท่านนั้นปกติไม่ต้อนรับลูกค้าคนไหนเลยพวกเราเองก็ได้ยินที่คนอื่นเล่ามาอีกที ได้ยินว่ามีแค่ลูกค้าที่สำคัญที่สุดเท่านั้นที่จะทำให้อาจารย์ยอมออกมาหาด้วยตัวเอง”
“อย่างนี้นี่เอง”หลินหยางผงกหัว “อย่างนั้นพวกเราไปที่ห้องการช่างกันดีกว่า”
หลินหยางกลับยังคิดในใจว่าถ้าสามารถติดต่อกับนักการช่างที่แม้แต่เวินติ่งเทียนยังต้องเคารพได้ และสามารถใช้ทักษะของเขาเอาชนะได้ละก็การจะแทรกเข้าไปในตระกูลเวินยิ่งทำได้ง่ายมากกว่าเดิม
สวี่เหยาไม่รู้ว่าหลินหยางกำลังคิดเื่อะไรอยู่นางเดินนำทางอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มสดใส “คุณชายหลินเ้าคะเราใกล้จะถึงกันแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อเข้าไปข้างในเขตเลี่ยนเฟิงเฮ่าอันกว้างขวางนี้แล้วสิ่งแรกที่หลินหยางเห็นก่อนเลยก็คือเมืองขนาดใหญ่ภายในเต็มไปด้วยกลุ่มคนหลากหลายประเภทกำลังเดินกันขวักไขว่บรรยากาศครึกครื้นร้อนแรงจากนั้นหลินหยางก็เดินตามสวี่เหยาเข้าไปยังเขตการช่างที่อยู่ด้านหลัง
ส่วนนี้เป็อาณาเขตรูปวงแหวนขนาดใหญ่โตตรงใจกลางนั้นมีโรงงานสำหรับงานช่างขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายหลัง ดูคล้ายกับปราสาทขนาดใหญ่ด้านนอกถูกล้อมรอบไปด้วยห้องเดี่ยวเล็กๆสำหรับใช้ในการช่างอยู่เกือบร้อยห้องโดยประมาณโดยทั้งหมดถูกจัดวางไว้อย่างเป็ระเบียบสวยงาม
ส่วนห้องเดี่ยวขนาดเล็กที่อยู่ด้านนอกก็มีการแบ่งขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันด้วยเช่นกันห้องที่อยู่นอกสุดจะดูจืดชืดเหมือนบ้านของชนชั้นล่างส่วนห้องที่อยู่ในสุดมีขนาดใหญ่กว่าค่อนข้างมาก ทั้งยังมีกำแพงมาล้อมรอบโดยเฉพาะดูคล้ายกับบ้านพักตากอากาศขนาดเล็กเลยก็ว่าได้
สวี่เหยายืนอธิบายอยู่ด้านข้างของหลินหยาง“คุณชายหลิน ห้องช่างของพวกเราแบ่งได้สามระดับเ้าค่ะ ถูกสุดคือระดับมนุษย์จะมีค่าเช่าเพียงห้าสิบตำลึงต่อวัน ภายในจะมีให้แค่เตาหลอมแบบธรรมดา และไฟแห่งิญญาแบบธรรมดาให้เท่านั้นส่วนระดับ์ที่มีราคาแพงที่สุดจะมีอุปกรณ์เสริมทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้ให้อีกทั้งยังมีบริการไฟแห่งิญญาระดับสาม ซึ่งจะช่วยให้การช่างรวดเร็วยิ่งขึ้นโอกาสสำเร็จจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย แต่ก็อย่างที่ว่าไปเ้าค่ะ ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูงอยู่เล็กน้อยราคาอยู่ที่หนึ่งพันตำลึงต่อวันเ้าค่ะ”
“แพงกว่ากันเยอะเลยนี่”หลินหยางแอบใกับราคาค่าเช่าในแต่ละวัน