บทที่ 44 สอนวิธีปรุงยาอายุวัฒนะ
ลู่อวี่อมยิ้ม ต้นหยกฉยงหลินเป็ต้นไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งมาก แต่ยังมีรูปลักษณ์ใสราวกับหยก จึงสามารถนำมาหลอมทำเป็อาวุธได้ อีกทั้งต้นหยกฉยงหลินอายุพันปี ยังเป็หนึ่งในวัสดุหลักที่ใช้ทำเรือแสงตัดเมฆา์ของตระกูลลู่อีกด้วย ส่วนลำธารหมอกพระจันทร์ิญญาเป็เพียงลำธารเล็กๆ สายหนึ่ง แต่เพราะสภาพแวดล้อมและภูมิทัศน์ที่ดูแปลกประหลาด ทุกวันในยามรุ่งอรุณและก่อนที่ดวงจันทร์จะลาลับไป ที่ตรงนี้จะมีหมอกหนาแน่น สุดท้ายก็เกิดเป็ภูมิทัศน์ที่ดูแปลกตา ทั้งลำธารน้ำใส เมฆ หมอก และพระจันทร์ที่สะท้อนแสงสว่างสดใส และนี่ก็คือทิวทัศน์หนึ่งของูเาเทียนฉยงนั่นเอง!
“ไปเถิด แม้ว่าูเาเทียนฉยง จะเป็เขตควบคุมของตระกูลลู่ แต่ก็มีทั้งนกและสัตว์ประหลาดวิเศษมากมายอยู่บนูเา เรียกองครักษ์ให้ไปด้วย อย่าเอาตัวไปใกล้อันตรายเล่า!” หลังจากพูดจบก็หันไปพูดกับองครักษ์ที่เข้ามาว่า “เชิญผู้เฒ่าห้าเข้ามาเถิด!”
ลู่หนานจูงมือกับมู่เสวียนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว มองเห็นผู้เฒ่าห้าลู่หงิ แต่ไม่หยุดทำความเคารพ ทั้งยังทำเสียงประชดประชันด้วยความหยิ่งผยอง จากนั้นจึงจูงมือสหายวิ่งออกไปเลย ลู่หงิจ้องมองนางด้วยความโกรธ แต่เพราะมีคนนอกอยู่ด้วย จึงพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะรู้สาเหตุที่ทำให้นางโกรธอยู่บ้าง เป็เพราะตอนที่ลู่อวี่ออกจากเมืองเทียนตูเซียน เขาได้ส่งตัวนางกลับไปก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ใครจะไปคาดคิดว่านางจะคับแค้นใจยิ่งนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้!
หลังจากเชิญลู่หงินั่งลง ก็หยิบชุดน้ำชาออกมาจากแหวนลับ และชงชาวิเศษให้กาหนึ่ง จากนั้นลู่อวี่ถึงถามว่า “่ที่อยู่ในเมืองเทียนตูเซียน ท่านได้อะไรมาบ้าง?”
ลู่หงิเองก็เป็คนเรียบง่าย จึงรินชาวิเศษด้วยตัวเอง หลังจากดื่มด่ำรสชาติสองสามอึก ถึงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าติดยิ้มแย้มว่า “โชคดียิ่งนัก ลู่อวี่น้อยที่เ้ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ตอนที่ข้ากว้านซื้อวัตถุดิบยาทั้งหมดในเมืองเทียนตูเซียนมาได้จวนจะครบแล้ว ในเวลานั้นคนจากเขาหนิงชุยเฟิงก็เริ่มเข้ามากว้านซื้อวัตถุดิบยาจำนวนไม่น้อย ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงลิ่ว แต่ในเวลานั้นพวกเขาไม่สามารถหาซื้อวัตถุดิบที่ดีได้อีกแล้ว!” หลังจากเงียบไปสักพัก ก็กล่าวเสริมว่า “แต่ค่าใช้จ่ายในครั้งนี้นับว่ามหาศาลเสียจริง หากไม่ใช่เพราะยาอายุวัฒนะเ่าั้ที่เ้าทิ้งไว้ให้ เกรงว่าทางลู่เหว่ยผิงคงมีรายรับไม่พอกับรายจ่ายในปีนี้แน่ อ้อใช่สิ ยาวิเศษที่หาซื้อมาได้ทั้งหมดข้านำไปเก็บไว้ในคลังยาของตระกูลเราแล้ว หากเ้า้าอะไร ก็ใช้ให้คนไปเอามาได้!”
“เื่นี้ไม่รีบ เดียวอีกสองสามวันข้าจะเตรียมปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงให้ท่านผู้เฒ่าสูงสุด แต่ก่อนจะลงมือ ยังขาดยาวิเศษบางอย่างที่จำเป็ในการปรุงยาอายุวัฒนะนี้ จะต้องใช้เวลาเตรียมตัวสักระยะ! ่สองสามวันนี้ท่านนำคนไปจัดเตรียมยาวิเศษไว้ล่วงหน้าเสียหน่อยแล้วกัน!”
“อืม! ใช่สิ ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ได้ยินมาว่าเมิ่งเทียนอวิ๋น จากตระกูลเมิ่ง หายจากอาการาเ็แล้ว และดีขึ้นมาก อีกทั้งพลังยุทธ์ก็บรรลุขั้นขึ้นไปอีก กำลังโอ้อวดและขู่ว่าจะท้าทายเ้าอีกครั้ง ตอนนี้ประมุขมีแผนรับมืออื่นอยู่ หากเ้าออกไปข้างนอก ก็อย่าเผลอไปตกปากรับคำเล่า!”
“ท่านไม่ต้องเป็กังวล ข้าไม่มีทางเผลอแน่!” ลู่อวี่พูดและยิ้มไปด้วย อันที่จริง คำพูดนี้ฟังดูกำกวม เพราะเขาไม่คิดว่าเมิ่งเทียนอวิ๋นที่มีระดับพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจะเป็ภัยคุกคามร้ายแรงอะไร แต่ในเมื่อตระกูลลู่มีแผนการอย่างอื่นไว้ เื่เดือดร้อนเก่ายังไม่ทันหมด เขาไม่มีทางสร้างเื่เดือดร้อนใหม่อีกแน่
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ดื่มชาไปพลางพูดคุยกันไปพลาง ลู่หงิขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปรุงยา ลู่อวี่เองก็ไม่ลังเลที่จะให้คำชี้แนะ สำหรับคนนอกแล้วภาพนี้คล้ายกับการแลกเปลี่ยนความรู้ของบัณฑิต ช่างส่งเสริมกันยิ่งนัก
สิบวันต่อมา ในที่สุดวัตถุดิบยาที่ลู่อวี่ร้องขอก็ถูกรวบรวมมาจนครบ จากนั้นการปรุงยาอายุวัฒนะก็เริ่มต้นขึ้น
การปรุงยาอายุวัฒนะครั้งนี้ทำเพื่อท่านผู้เฒ่าสูงสุดของตระกูลลู่ และมีจอมเทพขั้นเกิดเทพเ้ามู่ซิงเหออยู่ด้วย เช่นนั้นแล้วจึงดูเอาจริงเอาจังยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้น ลู่อวี่ยังถือด้วยว่าการปรุงยาครั้งนี้เปรียบเสมือนโอกาสที่จะได้ยกระดับการปรุงยาอายุวัฒนะของตระกูลให้สูงขึ้น จึงอนุญาตให้คนปรุงโอสถทุกคนในตระกูลมาดูได้ รวมถึงลู่หนาน มู่เสวียนและคนอื่นๆ รวมแล้วมีประมาณสิบคนเห็นจะได้
วัตถุดิบหลักของยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงคือ “หญ้าอำพราง์” หากกินแค่อย่างเดียวจะทำให้เกิดอาการเพ้อฝัน ฤทธิ์ของยาสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน หากไม่มีใครช่วย ก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถยืนหยัดอยู่ในภาพลวงตาได้นาน จึงไม่ใช่เื่เกินจริงหากบอกว่ามันคือยาพิษชนิดหนึ่ง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เพียงวัตถุดิบหลักในการปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิงเท่านั้น แต่ยังเป็วัตถุดิบหลักของคนในสำนักปีศาจจำนวนมากที่ใช้ในการปรุงยากล่อมประสาท
แต่ของสิ่งนี้จะต่างกันที่จำนวนและสีของใบ สรรพคุณก็แตกต่างกัน และทุกร้อยปีมันจะงอกออกมาเพียงใบเดียว และหลังจากงอกออกมาได้ทุกเก้าใบแล้ว อีกร้อยปีจะมีใบไม้ใบหนึ่งเปลี่ยนเป็สีน้ำเงิน และหลังจากนั้นอีกเก้าร้อยปี มันก็จะเปลี่ยนเป็สีแดง และสุดท้ายจะเป็สีดำ ดังนั้นของสิ่งนี้จึงมีทั้งที่พบเห็นได้บ่อยและหายาก ที่พบเห็นได้บ่อยคือหญ้าอำพราง์อายุหลายสิบปี แต่สีไม่เปลี่ยนพวกนั้น และที่พบเห็นได้ยากคือ หญ้าอำพราง์ที่เคยเปลี่ยนสีแล้ว ยาส่วนใหญ่ที่บรรดาสาวกสำนักปีศาจปรุงยาออกมานั้นจึงไม่เปลี่ยนสีทั้งหมด
และบังเอิญที่ลู่อวี่ถืออยู่นั้นคือหญ้าอำพราง์คุณภาพสูงสามใบที่เปลี่ยนเป็สีดำแล้ว ซึ่งมากเกินพอที่จะนำมาใช้ปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างเทียนเฟิง เดิมทีหญ้าอำพราง์นี้มีเพียงสามใบเท่านั้นที่เป็สีดำ ส่วนอีกหกใบเป็สีแดง และสามารถใช้เป็ยาได้เหมือนกัน แต่สรรพคุณจะแตกต่างกันไปคนละอย่างตามธรรมชาติ
ลู่อวี่ไม่ได้ตั้งใจจะประหยัดเงินให้กับลู่ไท่ชัง และไม่เคยคิดด้วยว่าตัวเองจะปรุงยาอายุวัฒนะออกมาให้ไม่ได้ ต่อให้ต้องกระอักเืจำนวนยาอายุวัฒนะที่ได้อาจมีน้อยไปเสียหน่อย นี่คือสิ่งที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว
ถอดใบไม้สีดำของหญ้าอำพราง์ออก นำมาแช่ไว้ในของเหลวิญญาตามสัดส่วนที่กำหนดแล้วพักไว้ ของเหลวิญญาเป็ของเหลวชนิดหนึ่งที่เตรียมขึ้นมาโดยการบดหินิญญาผสมกับยาวิเศษมากกว่าสิบชนิด เพื่อรักษาและใคร่ครวญถึงคุณสมบัติของยาวิเศษ แม้ว่าจะไม่มีค่า แต่ก็เป็สิ่งที่ขาดไม่ได้
หลังจากนั้นก็จะเป็ยาหลักอีกชนิดหนึ่งคือเืงูปีศาจลม แต่ของสิ่งนี้จำเป็ต้องได้รับการดูแลเป็พิเศษเพื่อกำจัดพิษ
เวลานี้ ลู่ไท่ชังและมู่ซิงเหอ และคนอื่นๆ ได้มานั่งรออยู่ตรงพื้นที่เปิดโล่งตรงทางเข้าห้องปรุงโอสถแล้ว ลู่หนานและมู่เสวียน นั่งแยกกันอยู่ด้านหลังยอดฝีมือขั้นเกิดเทพเ้าทั้งสองคน จ้องมองภาพเบื้องหน้าอันวุ่นวายของ ลู่อวี่ด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น
ที่ตอนนี้กำลังจัดการกับรากของ “ต้นซวีเถิงแดง” ซึ่งเป็รากทรงกลมสีน้ำตาลเข้มที่มีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นของผู้ใหญ่เล็กน้อย แม้ว่ามันจะดูมีขนและแปลกตา แต่รากทั้งหมดนั้นแข็งมาก
ลู่อวี่พูดกับลู่หงิ และลู่เหว่ยเซิ่ง ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างว่า “ต้องสกัดเอาน้ำของมันออกมา แต่คนปรุงโอสถส่วนใหญ่จะหั่นมันเป็ชิ้นๆ แล้วกดเอา และสุดท้ายจะกรองจนได้น้ำของต้นซวีเถิงแดงที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ แต่การบีบเอาน้ำออกมาด้วยวิธีการเช่นนี้ย่อมมีสิ่งเจือปนหลงเหลืออยู่ ข้าจึงต้องสอนเคล็ดลับหนึ่งให้เ้า”
ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ดวงตาของลู่หงิและลู่เหว่ยจุนเท่านั้นที่เบิกกว้าง แต่คนอื่นๆ ที่ดูอยู่ก็ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าลู่อวี่จะจัดการกับวัตถุดิบยานี้อย่างไร
ในขณะที่พูด ลู่อวี่ก็ถือมันไว้ในมือและใช้พลังลมปราณถ่ายทอดเข้าไปในรากอย่างช้าๆ เพื่อค้นหาเส้นลมปราณที่อยู่ภายใน ในจังหวะที่ลู่อวี่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น พลังปราณที่เข้าไปในนั้นก็สั่นะเือย่างรุนแรง ทั้งรากมีเสียงดัง “ผัวะ”เปล่งออกมา รากกลมๆ แต่เดิมที่แข็งเหมือนหินก็หดขยายตัวและในที่สุดมันก็นิ่มลง แต่ผิวด้านนอกไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย จะเห็นได้ว่าการควบคุมช่องทางพลังของลู่อวี่มาถึงระดับที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“นี่คือกระบวนท่า ‘เจิ้น’ และกระบวนท่า ‘หลี’ ใน ‘วิชาทดแทนสิบสอง’ ที่ข้าลู่อวี่คิดค้นขึ้นมา แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกันบางประการกับสูตรเจิ้นในตอนที่เราฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกตน แต่นักพรตส่วนใหญ่ล้วนฝึกฝนสูตร ‘เจิ้น’ เพื่อใช้เป็พลังทำลายล้าง แต่เคล็ดวิชานี้ของข้าเน้นไปที่พลังการควบคุม หลังจากใช้พลังปราณตรวจจับการแยกตัวของเส้นลมปราณของต้นซวีเถิงแดงแล้ว ก็จะเข้าควบคุมช่องทางพลังและบดขยี้เนื้อเยื่อของมันได้ จากนั้นก็ใช้กระบวนท่า ‘หลี’ แยกมันออกจากกัน แต่ในกระบวนท่านี้จะถอดพลังปราณกลับออกมาไม่ได้!”
จากนั้นมืออีกข้างของ ลู่อวี่ก็มีแสงสีแดงเปล่งประกายขึ้น ตบลงไป้าเบาๆ ทันใดนั้นก็มีกลิ่นไหม้แปลกๆ โชยออกมา เมื่อมองดูรากต้นซวีเถิงแดงในมือของเขาอีกครั้ง ก็พบว่าเวลานี้บริเวณที่ถูกลู่อวี่ตบถูกไฟเผาจนหมด คล้ายกับเปลือกแตงโมที่ถูกปอกออกเป็ชิ้นเล็กๆ สิ่งที่ห่อหุ้มอยู่เปลือกนอกของรากที่เหลืออยู่คือของเหลวสีขาวน้ำนมจากต้นซวีเถิงแดงที่สกัดออกมา
จากนั้นจึงเอื้อมมือวางสิ่งของนั้นไว้ที่ปากขวดหยกใบหนึ่ง และภายใต้การควบคุมของพลังลมปราณ ของเหลวสีขาวน้ำนมก็ไหลออกมาทันทีและไหลลงไปในขวดหยกช้าๆ ในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมแรงของพรรณพืชก็ลอยโชยเตะจมูก
“วิธีสุดท้ายคือวิธี ‘เผาไหม้’ แต่ต้องใช้การควบคุมของพลังปราณที่สูงกว่า พวกเ้ารู้ไว้ก็พอ ไม่จำเป็ต้องใช้วิธีนี้ ขอเพียงนำสิ่งแปลกปลอมแยกออกจากกัน จากนั้นก็เจาะรูเล็กๆ อีกด้านหนึ่ง ก็จะได้น้ำสกัดที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ และวัตถุดิบอื่นก็ทำเช่นนี้ได้เหมือนกัน!”
หลังจากที่ลู่อวี่สกัดน้ำต้นซวีเถิงแดงออกมาแล้ว ก็หยิบม้วนตำราหยกออกมาสองม้วน แล้วยื่นให้ลู่หงิและลู่เหว่ยเซิ่งว่า “นี่คือ ‘หกกระบวนท่าในวิชาทดแทนสิบสอง’ ซึ่งแบ่งออกเป็ เจิ้น (กระแทก) หนิง (ควบแน่น) หลี (แยกตัว) ฉาน (พัวพัน) ชวน (เจาะทะลุ) และเจี่ยว (บีบ)! หากมีเวลาก็ศึกษาด้วยตัวเองได้ วิธีนี้ไม่เพียงแต่นำมาปรุงยาอายุวัฒนะได้ หากมีความเข้าใจที่เพียงพอ ในเวลาที่เหมาะสมยังมีพลังที่คาดไม่ถึงเมื่อใช้ในการต่อสู้กับศัตรู!”
แม้ว่าวิชาทดแทนสิบสอง ลู่อวี่จะเป็คนคิดค้นขึ้นมา แต่ก็เป็ทักษะอันเป็เอกลักษณ์ เหตุผลที่ส่งต่อให้ทั้งสองคนโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลักๆ แล้วคือหวังที่จะยกระดับความสามารถในการปรุงยาอย่างก้าวะโ เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือการบำเพ็ญเพียร เื่ปรุงยาหากมีคนทำแทนก็ดี อีกสาเหตุหนึ่งคือตอนนี้เขามีแิและความเข้าใจต่อวิชาทดแทนสิบสองใหม่ เพียงแต่่นี้ยังไม่มีเวลาทำความเข้าใจ หรือใช้มันได้อย่างชำนาญการก็เท่านั้น แต่เมื่อมีความคืบหน้าเมื่อใด มันจะต้องมีพลังที่ลึกลับมากกว่าวิชาทดแทนสิบสองในตอนนี้แน่นอน
ลู่หงิและลู่เหว่ยเซิ่งรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่กลับไม่กล้ารับไว้ในทันที ทันใดนั้นเสียงพูดช้าๆ ของลู่ไท่ชังก็ดังขึ้น พร้อมถามว่า “ลู่อวี่น้อย วิชาในสำนักห้ามถ่ายทอดกันเองโดยพลการ สิ่งนี้เป็ข้อห้ามของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่มีปัญหา?”
ลู่อวี่หันกลับมาแล้วพูดกับลู่ไท่ชังว่า “ท่านผู้เฒ่าสูงสุดอย่าได้เป็กังวล หากมีปัญหาข้าคงไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน!”
หลังจากได้ยินที่ทั้งสองคนสนทนากัน ลู่หงิและลู่เหว่ยเซิ่งจึงวางใจหยิบม้วนตำราหยกทั้งสองมาไว้ในมือ แต่ลู่ไท่ชังกลับกล่าวว่า “แม้ว่าสำนักของเ้าจะอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้กันเองได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็เคล็ดวิชาในสำนักของเ้า จะถ่ายทอดความรู้สืบต่อกันง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้ ลู่หงิ ลู่เหว่ยเซิ่ง วิชาทดแทนสิบสองนี้หากลู่อวี่ไม่อนุญาตก็ห้ามนำไปถ่ายทอดให้กับผู้อื่น!”
“ทราบ!” ทั้งสองรีบโค้งคำนับรับทันที
เมื่อมู่ซิงเหอเห็นวิธีที่ลู่อวี่จัดการกับต้นซวีเถิงแดงแล้ว ก็จับตาดูต่ออย่างจริงจัง ต้นซวีเถิงแดงนี้แข็งยิ่งนัก เขาเคยเห็นคนปรุงโอสถทุกคนที่จัดการกับต้นนี้ต่างก็ใช้อาวุธคมมาสับออกเป็ชิ้นๆ หลังจากนั้นก็ใช้เครื่องมือพิเศษในการสกัดน้ำด้านในออกมา แต่วิธีเช่นนี้จะมีสิ่งอื่นปะปนอยู่ในนั้น สิ่งนี้จะทำให้การปรุงยาอายุวัฒนะสำเร็จน้อยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่วิชาทดแทนสิบสองที่นายน้อยตระกูลลู่ใช้อยู่มันลึกลับไม่น้อย มันต้องมีวิธีการถ่ายทอดต่อกันมาในแบบที่ไม่ธรรมดาอยู่ในตัวของมันแน่นอน แต่เขาก็ไม่กล้าพูดว่ารู้จักคนปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งหมด แต่ก็รู้จักเป็ส่วนใหญ่ แต่คนที่สามารถสอนคนปรุงโอสถในวัยเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีให้เป็ได้ใน่เวลาสั้นๆ มันดูน่าเหลือเชื่อเกินไป ในโลกบำเพ็ญเพียรของเทียนตูไม่มีทางมีคนที่มีระดับความสามารถในการปรุงยาอายุวัฒนะเช่นนี้แน่ นอกเสียจากว่าจะเป็คนนอกเทียนตู หากเป็เช่นนี้ยังพอเป็ไปได้