เดิมทีหรงซิวจะไถ่ถามทุกข์สุขกับอวิ๋นอี้ต่างๆ นานาอยู่แล้ว เมื่อรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันแล้ว คืนนี้เขาก็ยิ่งใส่ใจเป็พิเศษ
บนโต๊ะอาหารนางแทบจะไม่ต้องทำอะไรเองเลย เขาทั้งหยิบอาหารและเอาน้ำชามาให้ บริการอย่างกระตือรือร้นมาก เหลือแค่ไม่ได้เคี้ยวและช่วยนางกลืนเพียงเท่านั้น
อวิ๋นอี้รู้สึกอึดอัดจนกลอกตาขาวนับครั้งไม่ถ้วนใส่เขาระหว่างมื้ออาหาร
หรงซิวไม่สนใจ เขายื่นผ้าเช็ดหน้าออกไปช้าๆ ยังไม่ทันที่นางจะรับไป เขาก็ชิงเช็ดปากนางแล้วกล่าวชมเสียงเบา “อวิ๋นเออร์งดงามเยี่ยงนี้ได้กระไร กลอกตาขาวก็ยิ่งงาม!”
“เพลาๆ บ้างเถิดเพคะ” อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก"หากยังชมต่อไป ข้าจะเขินไม่ไหวแล้วนะเพคะ"
“มีกระไรให้อายกัน?” หรงซิวเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา พูดอย่างจริงจังว่า “ชายาข้า ข้าพูดจริงทั้งสิ้น อีกอย่าง ดูสิว่าขาของเ้าเรียวยาวปานนี้ เอวก็บาง ผิวก็ขาว ตายังสวยเช่นนี้ ริมฝีปากก็เย้ายวน ข้าพูดชมแล้วหรือ? เปล่าเสียหน่อย! ข้าเพียงชมว่าเ้างดงาม นี่ถือว่าถ่อมตนแล้วนะ!”
อวิ๋นอี้พ่นลมหายใจ อดหัวเราะไม่ได้
ทั้งที่รู้ว่าเขาหยอกล้อ แต่หากชายหนุ่มยินดีที่จะแสดงทำให้นางสบายใจ ในใจของนางมีความสุขมาก
“หัวเราะกระไร?" หรงซิวแสดงเกินจริง "ข้าพูดจริงนะ!"
"ข้ารู้เพคะ ข้ารู้แล้ว" อวิ๋นอี้ให้ความร่วมมืออย่างช่วยไม่ได้ "ฝ่าาตาถึงมากเพคะ"
“ก็ต้องเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว” หรงซิวส่ายหัวอย่างภาคภูมิใจ “กระนั้นเ้าชอบข้าหรือไม่?”
อวิ๋นอี้อึ้ง เขาพูดอ้อมมาทั้งนาน เพื่อรอคำนี้จากนาง
นางแสร้งเลิกคิ้วสูง เมื่อเห็นชายหนุ่มดูระแวดระวังและคาดหวัง หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรักอันนุ่มนวล นางเข้ามาใกล้และมองเข้าไปในดวงตาของเขา “ข้าเกลียดคนตาถึงไม่ลงหรอกเพคะ”
“กระนั้นก็แปลว่าชอบน่ะสิ?” หรงซิวทุบหม้อถามจนถึงที่สุด
“จะเป็อื่นไปได้หรือเพคะ?”
เขาเป็ราวกับเด็ก ดีใจขึ้นมาก็หุบยิ้มบนใบหน้าไว้มิได้
ทั้งสองเดินไปที่ห้องเคียงข้างกัน ทันใดนั้นเขาะโขึ้น อุ้มนางขึ้นบนบ่าของเขา แล้ววิ่งออกไปสองสามร้อยเมตร
อวิ๋นอี้ใมาก กรีดร้องอ้อนวอนอยู่บนหลังของเขา ชายหนุ่มเพียงแค่หัวเราะอย่างสบายใจ แล้วก็มีเสียงลมพัดเข้ามาในหู
พอถึงห้อง จึงได้แต่หอบ
เขาโยนนางลงบนเตียง หัวใจของอวิ๋นอี้ยังคงเต้นแรง มองดูหรงซิวอีกครั้งเอนตัวลงกับเตียง อกสั่นอย่างรุนแรง ทว่าดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่รู้ว่าเหตุใด นางที่หน้าไม่อาย กลับแก้มแดงขึ้นทันที
ยอมแล้ว
บุรุษผู้นี้มีพิษร้ายแรงจริงๆ
โคมไฟใต้ชายคานอกห้องถูกจุดขึ้นอย่างเงียบๆ แสงที่สง่างามปกคลุมไปด้วยความคลุมเครือ
ลมหายใจค่อยๆ สงบลง บรรยากาศก็ค่อยๆ ตึงเครียด
อวิ๋นอี้มองดูหรงซิวเข้ามาใกล้ มองดูเขาเอนตัวลงมา มองริมฝีปากของเขาที่เข้ามา ความนุ่มชุ่มชื้นเข้าพัวพันกับในปากของนาง
คืนนี้เป็คืนแห่งการสู้ที่ดุเดือด
ชายหนุ่มร่างกายแข็งแรง เพียงครั้งเดียวไม่สามารถดับกระหายเขาได้ นางร้องอ้อนวอนขอความเมตตาภายใต้ร่างของเขา ยิ่งกระตุ้นเขามากขึ้น
ยิ่งนางร้องไห้เขาก็ยิ่งดุร้ายและหยุดลงมิได้
อวิ๋นอี้จำได้แค่ว่าก่อนที่จะสลบไป สิ่งเดียวที่อยู่ในสมองคือท่าทีราวกับสัตว์ร้ายของหรงซิว!
สัตว์ร้ายต่อสู้จนรุ่งสาง ถึงได้นอนลงอย่างพึงพอใจ
สองวันติดต่อกันของการปล่อยตัว ไม่เพียงแต่มิได้ทำให้เขาดูโทรมแต่ยังรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นอีกด้วย
ความมืดมิดภายนอกหน้าต่างกลายเป็ฟ้ารุ่งสาง รุ่งอรุณเข้ามาแทนที่ดวงดาว
หรงซิวเอนกายลงบนเตียง ใช้นิ้วลูบแก้มที่เนียนนุ่มเรียบลื่นของนาง ดวงตาเหม่อมองด้วยความเศร้าโศก
เนื่องจากการปรากฏตัวของอวิ๋นอี้ ทำให้แผนการของเขาเละเทะไปหมด
การเตรียมการนานกว่าสามปีกำลังเผชิญกับความเป็ไปได้ที่จะต้องยอมแพ้
เขาไม่ใช่ผู้ที่ทำอะไรตามใจตนเอง ก่อนจะทำสิ่งใดเขาจะต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียและพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่
แต่อวิ๋นอี้คุ้มกับการเสี่ยงอันตรายหรือไม่?
หรงซิวไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
ความรักที่เขามีต่อนางนั้นเป็จริง แต่ที่เขาเคยหลอกใช้นางนั้น ก็เป็จริงเช่นกัน แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังปฏิเสธไม่ได้ ว่าเขายังไม่ได้เปิดใจให้นางอย่างหมดสิ้น
เพราะอย่างไร...นางมีโอกาสจะเป็ศัตรูของเขา
หรงซิวรู้สึกหงุดหงิดมาก ภายในหัวยุ่งเหยิงไปหมด ไม่สามารถหาทางออกได้เลย
มีชั่วขณะที่เขา้าลืมทุกสิ่ง เพียงเพื่อ้าอยู่กับนางอย่างเรียบง่ายและมีความสุข ไม่ต้องคิดถึงเื่ความแค้นเ่าั้
เขาจะทำได้หรือไม่?
คำตอบไม่จำเป็ต้องให้ผู้ใดมาตอบ เขาตอบเองได้เลย ทำมิได้
ท่านพ่อสู้รบมาทั้งชีวิตอุทิศโลหิตเพื่อแผ่นดินนี้ ความรักของเขาช่างลึกซึ้ง เขามีเพียงแค่แคว้นและพสกนิกร เพียงแค่ตอนที่เขาอายุสิบสองสิบสามปี ท่านพ่อพาท่านแม่ออกไปเที่ยวูเา ผู้ใดจะรู้ว่าจะได้พบกับผู้ลี้ภัยและติดโรคระบาดมา
ตอนที่คนใช้พาท่านพ่อกลับมา เขายังฝืนพูดได้ไม่กี่คำ
ต่อมาโรคก็ควบคุมไม่ได้เสียแล้ว
ั้แ่เริ่มมีอาการจนท่านพ่อจากไป เป็เวลาเพียงแค่เจ็ดวันเท่านั้น
เขามองดูท่านพ่อเต็มตาอย่างช่วยไม่ได้ จากคนที่กำยำสมบูรณ์จนอ่อนแอ และในที่สุดก็ถึงแก่กรรม
ก่อนหน้านั้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าร่องรอยการมีชีวิตอยู่ของคนคนหนึ่งสามารถลบล้างได้ภายในเวลาเพียงเจ็ดวัน
หากจะบอกว่าไม่เศร้าก็คงเป็การโกหก แต่เป็ความไม่พอใจต่อความอยุติธรรมของ์เสียมากกว่า โกรธเกลียดที่วีรบุรุษอย่างเขากลับอายุสั้น
หรงซิวที่เป็เด็กในขณะนั้น ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดแปลกใจ
จนกระทั่งไม่กี่ปีหลังจากที่ท่านพ่อของเขาเสียไป มีครั้งหนึ่งที่ท่านแม่ไปถวายเครื่องหอมที่วัดนอกเมืองหลวง เพื่อสวดมนต์ขอพรให้ท่านพ่อ เขายุ่งกับงานรบไม่ได้ไปดูแลท่าน จึงมอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปดูแลความปลอดภัยของท่าน
สวดมนต์เป็เวลาหกวัน ในตอนแรกท่านแม่ก็ส่งจดหมายนกพิราบมา เนื้อความในจดหมายกล่าวถึงความรักและห่วงใยที่มีต่อเขา
มีเพียงในตอนท้าย ที่บอกว่าได้เจออวิ๋นเส่าต้าว
จดหมายต่อมาที่ได้รับจากท่านแม่ ก็คือหลังจากที่ท่านแม่หายตัวไป
มันเป็จดหมายอำลา
ในจดหมายท่านแม่บอกว่า เพราะว่าคิดถึงท่านพ่อมากเกินไป นางฝันว่าิญญาของพ่อยังคงวนเวียนอยู่ในมนุษย์โลก นางจึงเดินตามรอยของท่านพ่อไป และบอกให้เขาใช้ชีวิตคนเดียวให้ดี
หรงซิวจะใช้ชีวิตให้ดีได้อย่างไร!
ไม่มีท่านพ่อแล้ว ท่านแม่ก็ตามไป เขาค้นหาท่านแม่อย่างบ้าคลั่ง ไม่เชื่อว่าท่านแม่จะทิ้งเขาได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้
แต่ก็ไม่พบสิ่งใด
ไม่มีแม้แต่เบาะแสใดๆ
เขา้าพิสูจน์ว่าท่านแม่ของเขาถูกลักพาตัวและจดหมายนั้นก็ถูกบังคับให้เขียน อย่างไรก็ตาม ไม่มีวี่แววของการต่อสู้อยู่ในห้อง
ในที่สุดหรงซิวก็ยอมเชื่อ เชื่อว่าเขาถูกทอดทิ้งอีกครา
ความขมขื่นทั้งแปด[1] ของการจากลาทั้งเป็และตาย เขาััความขมขื่นเ่าั้มาหมดแล้ว
ระหว่าง่เวลานั้น เขาหมดอาลัยตายอยาก ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่พบเจอผู้ใด เขาเริ่มดื่ม ดื่มจนเมาก็นอน นอนตื่นขึ้นก็ดื่มอีก
สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดร่างกายกำลังเจ็บอยู่แท้ๆ กลับรู้สึกเ็ปที่หัวใจ
การใช้ชีวิตอย่างไร้ค่านั้นผ่านไปนานแล้ว นานจนเขาเกือบลืมวันเวลา นานจนเขาคิดว่าชีวิตของคนคนหนึ่งจะจบลงเช่นนี้ เขาก็ได้รับจดหมายนิรนามฉบับหนึ่ง
จดหมายเขียนว่าการเสียชีวิตของท่านพ่อของเขา หรงอี้เจินแปลกประหลาด ให้เขาตรวจสอบให้ละเอียด จะต้องพบสิ่งใดอย่างแน่นอน
จดหมายยังบอกอีกว่าการหายตัวไปของท่านแม่ของเขาก็มีเบื้องลึกเื้ัเช่นกัน บางทีนางอาจกำลังทุกข์ทรมานอยู่ที่ใดสักแห่ง
แน่นอนว่าหรงซิวนั่งเฉยมิได้!
เขา้าการสนับสนุนทางด้านจิตใจ ทำให้เขาได้มีชีวิตต่อไปได้ ดังนั้นเขาจึงเป็ราวกับคนจมน้ำ คว้าหญ้ายื้อชีวิตไว้ได้ ราวกับว่าเขากลับมามีชีวิตได้อีกครา
หลังจากตรวจสอบจดหมายซ้ำหลายครั้ง ปะติดปะต่อเื่ทั้งหมดในตอนนั้น เขาก็ตระหนักว่าการคาดเดาในจดหมายนั้นไม่ได้ไร้มูล
บางทีอาจมีความลับยิ่งใหญ่อยู่ภายใน
สิ่งที่เขา้าคือความจริง มิใช่การที่ถูกผู้อื่นปิดตาไว้ ใช้ชีวิตอยู่ในการโดนลวงหลอก
หรงซิวมีชีวิตชีวาขึ้นมา ภายนอกเขายังคงทำสิ่งที่ควรทำต่อไป แต่แอบส่งคนไปสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตของท่านพ่อและการหายตัวไปของท่านแม่
หลังจากการตรวจสอบมานานกว่าหนึ่งปี รายละเอียดนับไม่ถ้วนก็มารวมกัน และตรงกันอย่างน่าเหลือเชื่อชี้ไปที่อวิ๋นเส่าต้าว
เขาไม่อยากเชื่อ แต่กลับรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล
จึงได้เกิดการไปเยี่ยมเขาเมื่อสามปีก่อน
ครานั้นเขาได้พบกับอวิ๋นอี้ในวัยแรกแย้ม ในตอนที่มองมาที่เขาก็มีความรักที่ไม่สามารถเก็บซ่อนได้ในแววตา
กระนั้นแผนการหลอกลวงและแสวงประโยชน์ก็เริ่มต้นขึ้น...
เชิงอรรถ
[1] ความขมขื่นทั้งแปด 人生八苦 หมายถึง ความขมขื่นที่ทุกชีวิตต้องประสบ คือ 生 เกิด 老 แก่ 病ป่วย 死ตาย 爱别离จากลาจากคนรัก 怨长久 ความเคียดแค้นยาวนาน求不得 ไม่สมปรารถนา 放不下 ปล่อยวางไม่ลง
