เล่มที่ 1 บทที่ 15
ในขณะที่ผู้คนต่างรีบนำถังน้ำเข้ามา เฉินเทียนหยูก็คว้าถังน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนรดลงไปที่มู่หรงฉิงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“จ๊อกๆ”
หลังจากรดน้ำหมดถัง เฉินเทียนหยูรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เขาจึงะโขอน้ำเพิ่ม คนใช้นำน้ำห้าถังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขารดน้ำกระทั่งระดับน้ำสูงถึงเข่าของมู่หรงฉิง เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าของนางถูกน้ำล้างออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับดอกพุดตาน ปิ่นมุกบนศีรษะของนางก็พลอยถูกน้ำชะจนหลุดออกไปด้วย ผมยาวสลวยของนางเวลานี้ยุ่งเหยิงกระจัดกระจาย สภาพม่อล่อกม่อแล่กเป็อย่างมาก!
โชคดีที่เป็่เวลากลางฤดูร้อน ไม่เช่นนั้นการถูกรดน้ำหลายถังรวด จะต้องทำให้นางถูกแช่แข็งเป็แน่!
“อืมๆ น้ำเยอะแล้ว พร้อมปลูกแล้ว พร้อมปลูกแล้ว” หลังจากทิ้งถังน้ำ เฉินเทียนหยูปรบมืออย่างมีความสุข ก่อนหยิบชะแลงที่โยนทิ้งไปด้านข้างขึ้นมาพร้อมจะกลบดิน
“ท่านพี่ช้าก่อน” มู่หรงฉิงลอบสูดอากาศหายใจเข้าอย่างไร้ร่องรอยแล้วพูดว่า “ฉิงเอ๋อร์ปลูกไม่ได้ ฉิงเอ๋อร์้าการดูแลที่ดี ถึงจะหวานได้ ถ้าปลูกฉิงเอ๋อร์ อย่าว่าแต่ความหวานเลย แม้แต่ความหอมก็จะไม่เหลืออีกต่อไป”
“ทำไมหรือ?” เฉินเทียนหยูกำลังจะขุดดิน ทว่าทันทีที่ได้ยินคำพูดของมู่หรงฉิง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “ทำไมไม่หอมแล้วล่ะ?”
“ถ้าท่านพี่ไม่เชื่อฉิงเอ๋อร์ ท่านพี่ลองดมดูก็ได้” มู่หรงฉิงเดินเข้าหาเฉินเทียนหยูอย่างเป็ธรรมชาติ “ฉิงเอ๋อร์ในเวลานี้ไม่หอมแล้ว ถ้าท่านพี่อยากให้ฉิงเอ๋อร์ทั้งหอมทั้งหวาน ก็จะต้องดูแลเอาใจใส่ให้ดี ไม่สามารถตบตีได้ ไม่สามารถดุด่าได้ สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น จะต้องไม่ทำให้เจ็บแม้แต่เศษเสี้ยว จะต้องดูแลให้ดีเท่านั้น”
นางไม่อยากมีชีวิตที่ต้องอยู่กับความกลัวในวันข้างหน้า นางมักจะกลัวอยู่เสมอว่าเฉินเทียนหยูจะปลูกนางทุกครั้งที่คลุ้มคลั่งอีก
หลังจากมู่หรงฉิงพูดจบ เฉินเทียนหยูก็รีบหมอบลงบนพื้น กอดคอของผู้เป็ภรรยา พร้อมสูดดมกลิ่นอย่างดุเดือด หลังจากดมกลิ่นไปชั่วครู่หนึ่ง เขาก็ะโว่า “ไม่หอมแล้ว ไม่หอมแล้ว น้องหญิงไม่หอมอีกต่อไปแล้ว”
“ถ้าคุณชายรองยังไม่ช่วยประคองฮูหยินน้อยขึ้นมาอีก ฮูหยินน้อยก็จะไม่หอมอีกต่อไปแล้ว”
ในระหว่างมู่หรงฉิงกำลังจะร้องขอให้เฉินเทียนหยูดึงนางออกจากหลุม เสียงอันเ็าของจ้าวจื่อซินก็ดังมาจาก้าหลุม
“ใช่ ช่วยประคองขึ้นมา ช่วยประคองขึ้นมา ไม่หอมไม่ได้ เป็เช่นนี้ไม่ได้จริงๆ” เฉินเทียนหยูดึงมู่หรงฉิงผู้ซึ่งแขนขาอ่อนแรงออกจากแอ่งน้ำขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนอุ้มมู่หรงฉิงไว้ในอ้อมแขน และวิ่งไปยังห้องหอโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด
เมื่อเดินผ่านจ้าวจื่อซิน มู่หรงฉิงเห็นจ้าวจื่อซินจ้องมองมาที่นาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม...
เฉินเทียนหยูะโว่า “น้องหญิงไม่หอมอีกต่อไปแล้ว” และอุ้มมู่หรงฉิงกลับไปที่ห้องหอ ระหว่างที่เขาวางมู่หรงฉิงในสภาพเลอะเทอะเปียกโชกลงบนเตียง จ้าวจื่อซินกลับยืนอยู่ด้านหน้าเตียง “คุณชายรอง ฮูหยินน้อยใมาก ้าแช่น้ำอุ่นและพักผ่อนก็จะมีกลิ่นหอมแล้ว”
มู่หรงฉิงเหลือบมองจ้าวจื่อซินอย่างซาบซึ้ง จากนั้นพูดสมทบ “จ้าวจื่อซินพูดถูก ท่านพี่ปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์พักผ่อนก่อน และเวลาอีกสองชั่วยามต่อมา ฉิงเอ๋อร์ก็จะมีกลิ่นหอมอีกครั้งแล้ว”
“จริงหรือ?” ชายหนุ่มมองมู่หรงฉิงอย่างสงสัย มู่หรงฉิงยังไม่พูด แต่จ้าวจื่อซินกลับตอบอย่างเด็ดขาด “แน่นอน ตราบใดที่ฮูหยินน้อยได้พักผ่อนอย่างดี ฮูหยินน้อยก็จะมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ บางทีฮูหยินน้อยอาจจะหวานด้วยก็ได้”
ครั้นได้ยินว่ามู่หรงฉิงมีความเป็ไปได้ว่าจะหวาน เฉินเทียนหยูก็คลี่ยิ้มอย่างมีความสุข “ได้ ถ้าอีกสักพักนางไม่หวาน ข้าจะปลูกนางอีกครั้ง”
คำพูดนั้นทำให้มู่หรงฉิงถึงกับตะลึงพรึงเพริด
แต่เฉินเทียนหยูไม่ได้ให้โอกาสมู่หรงฉิงได้ตอบโต้ เขาโยนนางคล้ายโยนหมอนไปทางจ้าวจื่อซิน “ตอนนี้นางไม่หอมแล้ว ข้าไม่ชอบนาง นางตัวเปียก และเสื้อผ้าของข้าก็เปียกด้วย ข้าไม่ชอบเลย ข้าจะรออยู่ตรงนี้ เ้าชำระล้างตัวนางให้สะอาดด้วยล่ะ ข้า้าน้องหญิงที่ทั้งหอมทั้งหวาน”
ขณะที่เฉินเทียนหยูโยนมู่หรงฉิงทิ้ง เด็กสาวได้แต่เปล่งเสียงอุทาน จ้าวจื่อซินจะไปทันสนใจถึงกฎธรรมเนียมระหว่างหญิงชายได้เสียที่ไหน เขารีบเข้าไปรับมู่หรงฉิงไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
เป็จังหวะเดียวกับที่ฮูหยินผู้เฒ่าเดินมาถึงประตูด้านนอกห้อง นางถึงกับหยุดชะงักฝีเท้าอย่างกะทันหันพร้อมร้องห้ามไม่ให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า “พวกเ้ามีงานอะไรต้องทำ ก็ไปทำเถอะ! แล้วสาวใช้ของฮูหยินน้อยล่ะ? ไม่ไปรับใช้หรือ?”
ในดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าคล้ายมีเปลวไฟ ยวี้เอ๋อร์และปี้เอ๋อร์ รวมทั้งแม่นมฟางและแม่นมจิ่นรีบเดินออกมาจากด้านหลัง
แม่นมฟางลอบกัดฟัน ครู่ก่อนมู่หรงฉิงถูกเฉินเทียนหยูลากกลับมา พวกนางทั้งสี่คนเหมือนถูกคนจงใจขวางทางให้อยู่ด้านหลัง เมื่อใดก็ตามที่พวกนาง้าจะออกมาข้างหน้า พวกนางก็ถูกบีบให้ถอยกลับหลังอยู่เสมอ แต่ในลานเรือนมีคนจำนวนมาก นางจึงเห็นไม่ชัดเจนว่าใครมีจิตมุ่งร้ายทำไม่ดี!
ครั้นได้ยินเสียงฮูหยินผู้เฒ่าะโอย่างโกรธเกรี้ยว คนที่ขวางทางเ่าั้ก็ไม่เล่นกลอีกต่อไป ทั้งสี่คนถึงได้รีบเข้าไปในห้องหอ
ยามนี้จ้าวจื่อซินได้วางมู่หรงฉิงไว้บนเก้าอี้แล้ว โดยมีสาวใช้สองคนพร้อมด้วยแม่นมสองคนเข้ามาในห้อง จ้าวจื่อซินจึงเอ่ยว่า “ได้โปรดอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฮูหยินน้อยที”
ห้องด้านข้างมีอ่างอาบน้ำ แม้เฉินเทียนหยูจะนั่งอยู่ในห้องหลัก แต่เขากลับยิ้มแย้มอย่างโง่งม ทุกคนรู้ว่า ท่าทีเช่นนั้นของเฉินเทียนหยูจะไม่ก่ออันตราย! จึงไม่มีความกลัวและทยอยนำน้ำอุ่นเข้ามาอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย
หลังจากเห็นมู่หรงฉิงถูกประคองด้วยสาวใช้สองคน พาเข้าไปในห้องด้านข้าง เฉินเทียนหยูจึงหมายจะติดตามโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด
“เทียนหยู! เ้านั่งลง!”
ในห้องมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินเฉิน เฉินเทียนหยูและจ้าวจื่อซินเท่านั้น แม้กระทั่งเหล่าสาวใช้ก็ถูกไล่ให้ออกจากห้อง
ขณะเฉินเทียนหยูกำลังจะเข้าไป ฮูหยินเฉินก็รีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและจับเขาไว้ทันที “ฉิงเอ๋อร์อาบน้ำ เ้ารออยู่ที่นี่เถอะ”
“ไม่เอา ข้าจะอาบน้ำกับน้องหญิง พวกเขาบอกว่าแต่งงานแล้ว จะต้องกินข้าว อาบน้ำและนอนกับน้องหญิง”
“เมื่อครู่เ้ายังบอกอยู่เลยว่านางไม่หอมแล้ว เ้าไม่ชอบใช่หรือไม่? ยามนี้นางไม่หอม เ้าตามไปด้วยก็ไม่มีอะไรน่าสนุก จะเป็การดีกว่า ถ้าเ้ารอให้นางมีกลิ่นหอมก่อนแล้วค่อยกินข้าวด้วยกัน”
ฮูหยินเฉินดึงเฉินเทียนหยูด้วยอาการปวดศีรษะ ถึงกระนั้นนางก็กลัวว่าคำพูดคำจาจะผิดพลาดไป และส่งผลให้ผู้เป็ลูกชายคลุ้มคลั่ง
“ไม่เอา ข้าอยากจะดูนางกลิ่นหอม ข้าอยากจะดูนางกลิ่นหอม” เฉินเทียนหยูสะบัดมือและเริ่มจะเตะประตูที่ปิดอยู่
“คุณชายรอง ถ้าคุณชายรองเข้าไปในเวลานี้ ฮูหยินน้อยก็จะไม่มีกลิ่นหอมอีกต่อไปแล้ว” ถ้าจะกล่าวว่าถ้อยคำนั้นถูกเอ่ยออกมาสายเกินไป ถึงอย่างไรมันก็ยังนับว่าทันเวลา ในจังหวะที่เท้าของเฉินเทียนหยูยกขึ้น จ้าวจื่อซินก็ย้ายไปยืนอยู่ข้างหน้าประตูและขวางกั้นฝ่าเท้าของอีกฝ่ายด้วยความเร็วดุจแสง เสียงเ็าของเขาพูดกับเฉินเทียนหยูว่า “ถ้าฮูหยินน้อยไม่มีกลิ่นหอมแล้ว คุณชายรองจะไม่เศร้าเสียใจหรือ”
เฉินเทียนหยูได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีเหตุผล พริบตาต่อมาเขาพูดกับจ้าวจื่อซินด้วยความดีใจอีกหน “เสื้อผ้าของข้าก็เปียกด้วยแล้ว เ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าที มิเช่นนั้นอีกสักพักนางถูกน้ำแล้ว จะไม่มีกลิ่นหอมอีก”
“ได้ ผู้น้อยจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณชายรองเดี๋ยวนี้”
มู่หรงฉิงอยู่ด้านหลังประตู ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินจากไป นางจึงอิงแอบในอ้อมแขนของแม่นมจิ่นอย่างโล่งอก หยาดน้ำตาในดวงตาของนางพลอยไหลซึมออกมาทันที
“คุณหนูใหญ่อาบน้ำก่อน...”
เมื่อเห็นหยาดน้ำตาของมู่หรงฉิง แม่นมจิ่นก็รู้สึกปวดหัวใจราวกับถูกคนอื่นกวน นางไม่อาจหาคำปลอบโยนได้จริงๆ และทำได้เพียงช่วยประคองมู่หรงฉิงลงไปในอ่างเพื่อชำระล้างร่างกาย
มู่หรงฉิงทำความสะอาดศีรษะและร่างกายอยู่ในห้องด้านข้าง เฉินเทียนหยูซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่ข้างนอก โดยไม่ได้ก้าวไปไหน สายตาจ้องมองประตูที่ปิดสนิทอย่างตั้งใจ
“แม่นมเอาน้ำมันทาผมนั้นมาให้ข้า” หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ยวี้เอ๋อร์ก็รับหน้าที่เกล้าผม มู่หรงฉิงพูดกับแม่นมจิ่นด้วยเสียงแ่เบาโดยปราศจากความรู้สึก “คุณชายรองดูเหมือนจะชอบกลิ่นของน้ำมันทาผมนั้นมาก”
“ใช่”
มู่หรงฉิงมองใบหน้าของตนเองบนกระจกโดยปราศจากอารมณ์ใดๆ ในสมองของนางหวนนึกถึงคำพูดของมู่หรงยวี่ในวันนั้น มีหน้าตาที่สวยงามแล้วอย่างไรหรือ? นางก็ต้องแต่งงานกับคนโง่งมอยู่ดี!
เฮ้อ... ใช่แล้ว มีหน้าตาที่สวยงามแล้วอย่างไรเล่า? ในเมื่อนางก็ต้องแต่งงานกับคนโง่งมอยู่ดีไม่ใช่หรือ!
หลังจากแม่นมจิ่นนำน้ำมันใส่ผมเข้ามา มู่หรงฉิงกลับไม่ได้ทาลงบนศีรษะ แต่นางควักออกมาบางส่วน แล้วทาลงบนมือ
ถ้าเดาไม่ผิด สิ่งนี้จะต้องทำจากผลไม้ชนิดนั้นอย่างแน่นอน! บางทีอาจจะต้องรบกวนจ้าวจื่อซิน ให้เอาผลไม้มาใส่ในตู้เสื้อผ้า!
‘แอ๊ด’ เสียงเปิดประตูดังขึ้น มู่หรงฉิงได้เปลี่ยนเสื้อคลุมแล้ว นางเพิ่งก้าวไปหนึ่งก้าว เฉินเทียนหยูผู้ซึ่งสวมชุดคลุมสีดำก็โผล่พรวดมายืนอยู่เบื้องหน้าของนางไวดุจแสง
มู่หรงฉิงยังไม่ทันได้ปริปากพูด เฉินเทียนหยูก็เหยียดแขนออกและกอดนางพร้อมลดศีรษะสูดดม มู่หรงฉิงรีบยกมือขึ้นโดยวางมือไว้ใต้จมูกของเฉินเทียนหยู
“อืมๆ! น้องหญิงกลิ่นตัวหอม กลิ่นตัวหอม” เฉินเทียนหยูจับมือของมู่หรงฉิง ก่อนดมอย่างมีความสุขอย่างยิ่งยวด
“กลิ่นหอมมากก็ดีแล้ว เข้ามานั่งสิ” ฮูหยินเฉินมองไปทางมู่หรงฉิงด้วยรอยยิ้ม บ่งชี้ให้เห็นว่าผู้พูดพอใจกับวิธีการของนาง
เฉินเทียนหยูที่คลุ้มคลั่ง ในจวนแห่งนี้มีใครไม่กลัวบ้าง? แต่ครั้นมู่หรงฉิงได้เปลี่ยนอันตรายให้กลายเป็เื่ง่ายด้วยคำพูดเพียงสองสามคำ ก็สามารถกล่าวได้ว่านางเป็เด็กฉลาดจริงๆ
เฉินเทียนหยูจับมือของมู่หรงฉิงเดินไปนั่งด้านข้างฮูหยินเฉินอย่างมีความสุข หลังจากคิดพิจารณา เขาก็เข้าประชิดมู่หรงฉิงก่อนเลียริมฝีปากของนางต่อหน้าทุกคน
ด้วยการเลียนี้ทำให้มู่หรงฉิงตะลึงงัน แต่อย่างไรก็ตามเฉินเทียนหยูกลับฟาดฝ่ามืออย่างหนัก ขณะจ้องไปที่มู่หรงฉิงด้วยความขุ่นเคือง “เ้าโกหกข้า เ้าไม่หวาน เ้าไม่หวาน ข้าจะปลูกเ้าแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเฉินเทียนหยูกำลังจะคลุ้มคลั่งอีกหน มู่หรงฉิงจะมีเวลาไปสนใจการกระทำของเขาได้เสียที่ไหน นางรีบหยิบผลไม้หวานบนโต๊ะขึ้นมาและถูบนริมฝีปาก “ฉิงเอ๋อร์หวาน เมื่อครู่แค่ท่านพี่ไม่ได้ลิ้มรสมันก็เท่านั้น”
“เ้าโกหกข้า เ้าไม่หวาน”
“ฉิงเอ๋อร์หวานจริงๆ” มู่หรงฉิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฉินเทียนหยูถึงได้คลุ้มคลั่งเป็ครั้งคราว? หากวันข้างหน้าเขายังคงเป็เช่นนี้ นางจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวั่นกลัว วิตกกังวลถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตตลอดเวลากระนั้นหรือ?
ไม่ได้! นางใช้ชีวิตอยู่กับความหวั่นกลัวเช่นนี้ต่อไปไม่ได้! นางจะต้องแจ้งพี่ชายใหญ่ นางต้องไม่ปล่อยให้พี่ชายใหญ่ประสบอุบัติเหตุ นางต้องไม่ปล่อยให้คนโง่คนนี้กลายเป็ภาระ นางต้องหาวิธีที่จะทำให้คนโง่งมคนนี้มีอารมณ์มั่นคงให้ได้ ทางที่ดีควรคิดแก้ปัญหาเพียงครั้งเดียวและได้ผลลัพธ์ที่ดีตลอดกาล
ครั้นเห็นเฉินเทียนหยูจับมือของมู่หรงฉิงโดยไม่ปล่อยมือด้วยความสุข ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่ากลับไปแล้ว และก่อนที่ฮูหยินเฉินจะกลับ นางได้มองไปที่มู่หรงฉิงผู้ซึ่งติดอยู่ในอ้อมแขนของเฉินเทียนหยูโดยไม่อาจกระดุกกระดิกเคลื่อนไหว นางดูเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่กลับต้องหยุดพูดไว้อย่างนั้น…
ท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด นอกจากถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินออกไป
“ปี้เอ๋อร์ ยวี้เอ๋อร์ พวกเ้าไปถามทีว่าจะสามารถยกอาหารกลางวันได้หรือไม่? เกรงว่าคุณชายรองจะหิวแล้ว” ในวันแต่งงาน นางกินไม่ได้ แต่การแต่งงานเช่นนี้ นางยังต้องทำตามกฎธรรมเนียมด้วยหรือ?
“รับทราบ” ปี้เอ๋อร์เอ่ยตอบก่อนเดินออกไปพร้อมกับยวี้เอ๋อร์
“แม่นมฟาง แม่นมจิ่น แม่นมทั้งสองออกไปเฝ้าข้างนอกที ข้ามีเื่จะพูดกับคุณชายรอง” แม้เื่นี้ไม่ควรจะหลีกเลี่ยงสองแม่นม แต่คนทั้งคู่ถูกเปลี่ยนความทรงจำไปแล้ว นางจึงต้องป้องกันอย่างไม่มีทางเลือกอื่น!
แม่นมทั้งสองออกอาการประหลาดใจ มู่หรงฉิงจะพูดอะไรกับคนโง่งมคนนั้นหรือ? แต่หลังจากที่เห็นจ้าวจื่อซินผู้ซึ่งอยู่ด้านหลังเฉินเทียนหยูแวบหนึ่ง ดวงตาก็เป็ประกาย “รับทราบ”
ฉะนั้นในห้องจึงเหลือเพียงสามคน มู่หรงฉิงหยิบพุทราหวานที่วางอยู่ ป้อนเข้าปากของเฉินเทียนหยู “ท่านพี่ลองพุทราหวานนี้กันเถอะ มันหวานคล้ายๆ กับฉิงเอ๋อร์”
เฉินเทียนหยูอ้าปากกินพุทรา เขาออกอาการดีใจทันทีที่กินพุทราหวาน จึงปล่อยมู่หรงฉิงและกินพุทราหวาน
“ฮูหยินน้อยฉลาดจริงๆ เพียงแต่เมื่อก่อนคุณชายรองจะอาเจียนออกมาทุกครั้งที่เขาััลูกพุทราหวาน คุณชายรองมักจะบอกว่ามันไม่อร่อย วันนี้เป็เพราะฮูหยินน้อย คุณชายรองถึงได้ชอบมาก”
จ้าวจื่อซินมองไปทางเฉินเทียนหยูผู้ซึ่งกำลังกินพุทราหวานด้วยความสุข ขณะพูดกับมู่หรงฉิงด้วยท่าทางเ็า
ในที่สุดนางก็ออกห่างจากเฉินเทียนหยูระยะหนึ่งแล้ว มู่หรงฉิงจึงรีบเอ่ยถาม “จ้าวจื่อซิน ที่ข้าถามเ้าในวันนั้นว่ามีอะไรในใต้หล้าที่สามารถเปลี่ยนความทรงจำของผู้คนได้ เ้าได้คำตอบหรือยัง?”
ความทรงจำของแม่นมฟางและแม่นมจิ่นถูกเปลี่ยนไปแล้ว และพวกนางดูเชื่อมั่นในตัวยวี้เอ๋อร์เป็อย่างมาก ถ้าเป็เช่นนั้นต่อไป ย่อมเป็ผลเสียต่อนางเป็แน่
“ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง”
ดวงตาของมู่หรงฉิงเป็ประกายทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของจ้าวจื่อซิน “เ้าทำได้อย่างไรหรือ?”
“เป็ยาพิษที่ได้รับการคิดค้นจากปรมาจารย์ปรุงยาพิษในเหมียวเจียง โดยยาพิษนี้มีชื่อว่า ‘เลือก’ มันสามารถลบความทรงจำส่วนหนึ่งของผู้คนได้ หาก้าเปลี่ยนความทรงจำ คนวางยาพิษจะต้องรู้คาถาพิศวาส”
เหมียวเจียงหรือ? คาถา? เลือก? คาถาพิศวาสหรือ?
มู่หรงฉิงตกตะลึง ยวี้เอ๋อร์เป็เพียงสาวใช้ธรรมดาทั่วไป นางจะรู้เกี่ยวกับสิ่งเ่าั้ได้อย่างไร?