ทันทีที่สั่งคนไปเก็บวัสดุก่อสร้าง ก็เจอเื่ยุ่งยากอย่างที่คิดไว้
ทว่าไม่ใช่หลิวเทียนเฉวียนที่สร้างความลำบากให้กับเขา
เป็ทางหน่วยงานของเซียงมี่หูที่ไม่พอใจกับขนย้ายวัสดุกลับของหลิวหย่ง
ปีหน้าก็จะเปิดให้บริการกับบุคคลภายนอกแล้ว งานก่อสร้างทั้งหมดได้เริ่มเข้าสู่การเก็บงาน่สุดท้ายของโครงการ ก่อนหลิวหย่งจะเข้ามาทำงานตกแต่งภายในเขาเองก็ได้ลงบันทึกเอาไว้ ตอนนี้เพิ่งทำได้เพียงครึ่งเดือน แต่กลับบอกว่าจะถอนตัว?
หลิวหย่งรู้สึกกลุ้มใจ เขาขอให้พานซานกับหลี่ต้งเหลียงออกโรงจัดการ พูดเหตุผลไปก็คงคุยกันไม่จบไม่สิ้น
พอเสียเวลานานเข้า ก็เจอกับหัวหน้าที่มาตรวจความคืบหน้าของโครงการเซียงมี่หู ตัวแทนของเครือเท่อเหนิงกับเจิ้งไท่ก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน และได้พบหลิวหย่งกับคนของเซียงมี่หูกำลังทะเลาะกันพอดี
หลิวหย่งถูกเชิญให้ไปคุยด้วย
หัวหน้ายืนฟังอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนพูดกับคนข้างกายว่า “ต้องทำให้ทุกคนมีความสามัคคีกัน เห็นภาพรวมของโครงการเป็หลัก อย่าปล่อยให้มีผลกระทบต่อการเปิดหมู่บ้านพักตากอากาศปีหน้าล่ะ”
หัวหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ พวกตัวแทนทั้งหลายเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พอใจหลิวหย่งเป็อย่างมาก
พอหัวหน้ากลับไปเหล่าตัวแทนจึงเรียกหลิวหย่งให้อยู่คุยกันต่อ
พอสอบถามต้นสายปลายเหตุจึงรู้ว่าหลิวหย่งได้รับงานมาจากเทียนเฉิน เื่คุณสมบัตินั้นไม่มีปัญญา หย่วนฮุยเคยทำงานตกแต่งภายในให้กับบ้านพักรับรองเทศบาลเมือง ที่มีปัญหาคือเทียนเฉิน เขาเอาความคืบหน้าของโครงการตกแต่งภายในของเซียงมี่หูไปล้อเล่นได้อย่างไร
หลิวเทียนเฉวียนจึงถูกเรียกตัวมา และเขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“ผมบอกแล้วว่าเหตุเกิดจากความสะเพร่าของลูกน้อง ตอนร่างสัญญาจึงเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ลูกน้องที่ทำงานพลาดผมก็ไล่ออกไปแล้ว อย่างไรพวกเราก็สามารถเซ็นสัญญากันใหม่ได้นะครับ”
หลิวเทียนเฉวียนยืนพุงยื่น พูดด้วยเสียงสุภาพ คนของเซียงมี่หูพยักหน้าอย่างคล้อยตาม
แต่หลิวหย่งชักร้อนใจ เขาไม่มีทางเชื่อหลิวเทียนเฉวียนอีกต่อไป มีหรือที่จะยอมร่วมงานกันอีก!
รอยยิ้มของหลิวเทียนเฉวียนเจือไปด้วยความอดกลั้น “น้องชาย แผนงานที่บริษัทน้องทำออกมาจะมีใครเข้าใจดีไปกว่าพวกน้องเล่า ประธานพานแห่งเซียงมี่หูเองก็อยู่เป็พยาน เช่นนั้นพวกเรามาเซ็นสัญญากันใหม่เถอะ น้องทำงานนี้เสร็จเมื่อไร ใครยังจะกล้าเบี้ยวเงินน้องกันอีกเล่า”
ประธานพานคือตัวแทนของสองเครือใหญ่ผู้รับผิดชอบโครงการหมู่บ้านพักตากอากาศเซียงมี่หูแห่งนี้
งานเล็กๆ มูลค่าไม่กี่แสนหยวน ย่อมเป็เพียงเศษเสี้ยวของหมู่บ้านพักตากอากาศ
ประธานพานคงไม่ถามรายละเอียดปลีกย่อยกับเื่เล็กน้อยพวกนี้ วันนี้เขามาเจอพอดี หลิวเทียนเฉวียนรับปากว่าจะเซ็นสัญญาใหม่ต่อหน้าเขา ประธานพานรู้ดีว่าคงมีเื่ไม่ชอบมาพากลบางอย่าง เขาสอบถามถึงปัญหาแล้วก็เท่ากับเป็ ‘การการันตี’ อย่างหนึ่ง หากหลิวหย่งยังกังวลเื่อื่น เท่ากับว่าเขากำลังไม่เชื่อใจใครกันแน่?
ถ้าหลิวหย่งไม่อยากทำงานที่เซียงมี่หูต่อก็นับว่าเป็การหักหน้าประธานพานแล้ว เช่นนั้นวัสดุตกแต่งภายในของเขาเ่าั้จะขนย้ายออกจากโครงการได้อย่างไร!
“พี่เทียนเฉวียน ทำแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
ประธานพานมีหรือจะเสียเวลาอยู่กับงานเล็กๆ แค่ไม่กี่แสนหยวนนี้ พอเขากลับไป รอยยิ้มของหลิวเทียนเฉวียนก็ยิ่งมีเลศนัยกว่าเดิม หลิวหย่งเข้าใจทันที ที่วันนี้เกิดเื่ขึ้นคงเป็ฝีมือของหลิวเทียนเฉวียนสินะ หลิวเทียนเฉวียนรับเหมางานตกแต่งภายในไม่น้อย มีหรือจะไม่รู้ว่าหัวหน้าโครงการจะมาตรวจงาน แต่เขากลับไม่ได้บอกหลิวหย่งแม้แต่คำเดียว
ไม่บอกั้แ่ก่อนเกิดเื่เมื่อวานซึ่งตอนนั้นพวกเขายังไม่แตกหักกัน นี่หลิวเทียนเฉวียนหมายความว่าอย่างไร
เนื้อที่ข้างแก้มของหลิวเทียนเฉวียนสั่นเล็กน้อย “น้องหลิว นี่แสดงว่าดวงชะตาของเราสองพี่น้องยังตัดกันไม่ขาด ดูเหมือนว่ายังต้องร่วมงานกันอีกนะ”
หลิวเทียนเฉวียน้าบีบหลิวหย่งให้ตกอยู่ในกำมือ
เขาไม่รู้ว่าพานซานเป็ใครมาจากไหน แต่พานซานรู้เื่ ‘ธุรกิจ’ ของเขาที่มณฑลิ่ หลิวเทียนเฉวียนยิ่งไม่อยากปล่อยให้หลิวหย่งมีอิสระอีกต่อไป การควบคุมลักษณะนี้มีไว้เพื่อผลประโยชน์ ขอแค่หลิวหย่งหาเงินได้เพราะเขา นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาอยู่บนเรือลำเดียวกัน
ไม่ใช่หลิวเทียนเฉวียนไม่ยอมให้หลิวหย่งเก็บของกลับ แต่เป็ทางหมู่บ้านเซียงมี่หูต่างหากที่ไม่ยินยอม
ตอนคังเหว่ยพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาถึง ก็พบกับสถานการณ์เช่นนี้
“เสี่ยวหลาน หลาน...”
หลิวหย่งเต็มไปด้วยความเดือดดาล ไอ้อ้วนหลิวเทียนเฉวียนจะรังแกกันเกินไปแล้ว
“ของพวกนั้นทิ้งไปเถอะค่ะ ยกให้เถ้าแก่หลิวเถอะ เถ้าแก่หลิวมีกิจการใหญ่โต วัสดุพวกนี้คงนำไปใช้งานได้”
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกัน
หลิวเทียนเฉวียนกำลังร่วมมือกับคนของเซียงมี่หูรังแกผู้อื่น
เซี่ยเสี่ยวหลานต้องรีบไปขึ้นเครื่องบิน ไม่ว่างมาเสียเวลากับหลิวเทียนเฉวียน เธอมาเผิงเฉิงครั้งนี้ก็เพราะเป็ห่วงว่าลุงของเธอจะ ‘ตกหลุมพลางในสิ่งที่ผู้ชายทั้งโลกพลั้งพลาด’ ครอบครัวที่สงบสุขสำคัญกว่ากำไรหรือขาดทุน เื่เด็กนั่งดริงก์นั่นแค่ตื่นตูมไปเองเท่านั้น แถมยังทำให้หลิวหย่งไม่พลาดกระโจนลงไปในหลุมพรางที่หลิวเทียนเฉวียนขุดรอไว้
เสียหายแค่ไม่กี่หมื่น เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่ามันเป็เื่รอง
เซี่ยเสี่ยวหลานฟังจบก็เข้าใจทันทีว่าเื่ราวเป็มาอย่างไร หลิวเทียนเฉวียนยังไม่มีอำนาจมากพอ อาจเพราะคิดถึงด้านทังหงเอินด้วยจึงไม่กล้าลงมืออย่างเด็ดขาดนัก แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยให้หลิวหย่งได้ใจ นี่จึงเป็เหตุให้หลิวหย่งต้องถูกเล่นงานเช่นนี้
เพื่อเงินหลิวหย่งสามารถยอมก้มหัวให้ได้ แต่จะให้เขายอมทนตกเป็ทาสคนอื่น นี่ไม่ใช่นิสัยของเขา
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดเหมือนลุงของตน
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานบอกให้ทิ้งของ หลิวหย่งก็พาคนกลับจริงๆ
หลังออกจากหมู่บ้านพักตากอากาศ พานซานก็เดินมาหา “น้องสะใภ้...”
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าเขาอยากลงไม้ลงมือสักหน่อย
แต่เธอไม่ควรขอให้พานซานลงมือตอนนี้ จึงได้แต่ขอบคุณเขา “พี่ซาน พี่มาครั้งนี้เพื่อช่วยสืบประวัติของหลิวเทียนเฉวียน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”
ไม่ต้องสนใจว่าพานซานสืบข่าวมาได้อย่างไร ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้เื้ัของหลิวเทียนเฉวียนแล้ว พานซานยังบอกอีกว่าหลิวเทียนเฉวียนยังมี ‘ธุรกิจ’ อื่นอยู่ที่มณฑลิ่ ทังหงเอินเตือนเซี่ยเสี่ยวหลานว่าอย่าปะทะกับหลิวเทียนเฉวียนตรงๆ ก็เพราะหลิวเทียนเฉวียนมีเื้ัที่ไม่ธรรมดาสินะ
ตอนนี้เธอกับหลิวหย่งยังไม่แข็งแกร่งพอ หลิวเทียนเฉวียนมีเครือเชิงหรงคอยหนุนหลัง ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่หย่วนฮุยจะสามารถรับมือได้
หลังเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นเครื่องบินก็ยังคงคิดเื่นี้
เจอคนอย่างหลิวเทียนเฉวียนในโลกธุรกิจคือสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เธอควรจะสู้กับอีกฝ่ายดีหรือเปล่า?
—------------------------------------------------------------
คนของหลิวเทียนเฉวียนบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางออกจากเผิงเฉิงแล้ว
หลิวเทียนเฉวียนไม่ได้รับสัญญาณใดๆ จากทางนายกเทศมนตรีทัง และไม่ได้เจอคนใหญ่คนโตอย่างที่ฝานอวี่เล่าให้เขาฟัง เขารู้สึกขบขัน ก่อนหน้านี้เขาให้ความสำคัญกับเซี่ยเสี่ยวหลานมากเกินไปจริงๆ เถ้าแก่หลิวเรียกฝานอวี่มาด่า บอกว่าเธอนั้นตื่นตูมไปเอง
ฝานอวี่รู้สึกมึนงงไปหมด
หรือว่าที่ฝานเจิ้นชวนถูกจับ รวมถึงเคราะห์ร้ายที่คนตระกูลฝานเจอเป็แค่เื่บังเอิญเท่านั้น?
ฝานอวี่ไม่เชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่เ่าั้ ฝานเจิ้นชวนเคยบังคับผู้หญิงมานักต่อนัก มีแค่เื่เซี่ยเสี่ยวหลานเท่านั้นที่เขาถูกเล่นงาน
“เถ้าแก่คะ คุณต้องระวังตัวจริงๆ นะคะ ผู้หญิงคนนี้เธอร้ายกาจมาก”
หลิวเทียนเฉวียนเชยคางเธอขึ้น “เธอนี่ขี้ระแวงจริงนะ”
ฝานอวี่ก้มหน้าอย่างเขินอาย
เธอต้องพยายามไม่น้อยเพื่อแสดงท่าทางขวยเขินเช่นนี้ออกมาให้หลิวเทียนเฉวียนได้เห็น
ใบหน้าอวบอ้วนของหลิวเทียนเฉวียนสู้ฝานเจิ้นชวนไม่ได้ แม้กระทั่งหลิวหย่งที่ทั้งผอมทั้งดำ ก็ยังดีกว่าหลิวเทียนเฉวียน หลิวเทียนเฉวียนเ้าชู้เกินไป ไม่มีทางที่เธอจะสามรถพึ่งพาได้ตลอดชีวิต
น่าเสียดาย อีกนิดเดียวหลิวหย่งก็จะติดเบ็ดแล้ว
หลิวเทียนเฉวียนถามเธอว่าอยากแก้แค้นหรือไม่ ฝานอวี่หวั่นไหวก็จริง แต่เธอไม่รู้ว่าจะลงมือจากตรงไหน
ยั่วยวนหลิวหย่ง?
หลิวหย่งเป็แค่ลุงของเซี่ยเสี่ยวหลาน ฝานอวี่คิดว่าต่อให้ได้เป็ป้าสะใภ้ของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีความหมายอะไร ถ้าหลิวเทียนเฉวียนสามารถจัดการกับเซี่ยเสี่ยวหลานได้ก็คงดี ฝานอวี่คิดถึงตรงนี้ก็พลิกลิ้นกล่าวว่า “ผู้หญิงต่อให้ร้ายกาจแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าเถ้าแก่ก็ต้องเชื่อฟังทั้งนั้น...”
หลิวเทียนเฉวียนใจกระตุก เซี่ยเสี่ยวหลานช่างสวยจนหาตัวจับยาก
น่าเสียดายที่มีเ้าของแล้ว และเขาไม่สามารถแตะต้องได้ง่ายๆ
น้ำที่อยู่ไกลไม่อาจคลายความหิวกระหาย ขณะที่หลิวเทียนเฉวียนกับฝานอวี่กำลังเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เถ้าแก่ครับ ตอนนี้ห้องเต้นรำถูกตรวจสอบ คนของพวกเราถูกเ้าหน้าที่จับตัวไปไม่น้อยเลยครับ!”
หลิวเทียนเฉวียนหมดอารมณ์ทันที เมื่อกี้ฝานอวี่บอกว่าอะไรนะ เซี่ยเสี่ยวหลานร้ายกาจมากใช่หรือไม่?
บัดซบเอ้ย แม่นอะไรขนาดนี้!