“กูจะถือว่านั่นคือคำชม” มนธวิทย์เชิดคาง หลี่ตาใส่เพื่อนด้วยท่าทางภูมิใจสุดฤทธิ์
“ก็ชมจริงนี่วะ” พิมรดายักคิ้วขำ ๆ สลับกับส่งสายตาสำรวจหนุ่ม ๆ
มนธวิทย์กอดอกมองบรรยากาศตรงหน้าอย่างเคลิบเคลิ้ม “หื้มมม... มาครบองค์ประชุม แถมมีชะนีมาด้วยนะ แต่กูก็ถือว่ากูบุญหนักหนา เจอสองรอบในวันเดียว พรหมลิขิตแน่ปะวะ?”
“ยังค่ะ” เสียงเรียบนิ่งของวรวลัญช์ดังขึ้นข้างหลัง
มนธวิทย์หันขวับ “ยังไม่ลิขิตกูเหรออินังมิลล์?”
“ยังไม่ไปอี๊กกกกก...” วรวลัญช์ลากเสียงยาวอย่างรำคาญ “กูจะไปกินไอติมค่ะ ไม่ได้มาสวนสัตว์”
“อุ๊ยย แรงอีกแล้วแม๊” มนธวิทย์ทำท่าใเวอร์วัง ก่อนหันมาแลบลิ้นใส่เพื่อนสาว
วรวลัญช์ส่ายหน้าอย่างสุดจะเอือมระอา มองสองคนที่ตอนแรกบ่นหิวจนจะกินโต๊ะได้ แต่พอเจอหนุ่มหล่อกลับทำตาเป็ประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่
“ดูแพพเดียวเอง อาหารตานะมึง ไม่ใช่อาหารปาก!” มนธวิทย์ยืนกรานหนักแน่น
“เออ ดูไปเถอะค่ะ นี่อ่ะอาหารตานะมึง ปากคอมึงนี่นะ”
วรวลัญช์พูดจบก็เดินฉับ ๆ ไปยังร้านขนมที่เล็งไว้ ทิ้งให้สองคนยังยืนเล็งหนุ่ม ๆ ตาละห้อย
“อีมิลล์รอด้วย กูไปด้วยยยยย” พิมรดารีบดึงแขนมนธวิทย์ให้ตามไปทันที
วรวลัญช์เดินตัวปลิวเข้าสู่ร้านขนม โดยไม่หันกลับมามอง ทั้งที่ใจหนึ่งก็แอบคิดสงสัย วันนี้เป็วันบ้าอะไรวะ ทำไมถึงได้เจอหมอนั่นบ่อย ๆ
มนธวิทย์ยืนนิ่ง พูดตัดพ้อเบา ๆ ตามหลัง “ไม่รอกูเลย”
“รอทำไมล่ะคะ กูอยากกินไอติมมากกว่าอยากดูคนอื่นกินข้าวค่ะ!” พิมรดาหันมายักคิ้วใส่ ก่อนจะลากมนธวิทย์เข้าไปในร้าน
มนธวิทย์ยังไม่วายถอนหายใจยาว “อาหารหูอาหารตานะยะ แต่พูดจริง... ผู้หญิงที่มากับพี่เมฆนั่นคือดาวคณะใช่ไหม?”
“ใช่ ดาวนั่นแหละมึง” พิมรดารีบเสริมทันที “แหมะ ระดับพี่เมฆทั้งที จะควงธรรมดาได้ไง ต้องสวยระดับนั้นแหละ”
มนธวิทย์พยักหน้าหงึกหงักตามความจริง “แต่กูพูดเลยนะ ถ้าอินังมิลล์มันยอมลงประกวดนะ ดาวคณะอะไรนั่นก็ร่วงหมดอ่ะ อันนี้เื่จริง!”
วรวลัญช์ที่กำลังจะหย่อนตัวนั่งถึงกับหันขวับมาหยิกแก้มเพื่อน “ตาถึงนะมึงมีมี่”
มนธวิทย์ยิ้มหวานส่ง “ก็คนมันรู้จริงอ่ะเนอะะะะะ”
วรวลัญช์ส่ายหน้า พลางบ่นงึมงำ “พูดแล้วอารมณ์เสีย คิดว่ากูจะมีเพื่อนเป็ดาวมหาลัยแท้ ๆ”
“มึงเลิกเพ้อเหอะค่ะ” วรวลัญช์ยกมือห้าม “ต้องซ้อม ต้องประชุม ไหนจะเรียนอีก กูเอาเวลาไปนอนดูซีรีส์บนเตียงอุ่น ๆ ของกูดีกว่า ี้เีเหนื่อย”
“หึ เลิกก็ได้” มนธวิทย์ถอนหายใจอย่างทำใจ
“ไปค่ะ ๆ นั่งแล้วสั่งขนมแดร๊กกันดีกว่า ร่างกาย้าน้ำตาล!” พิมรดารีบสรุปก่อนจะผลักเพื่อนสองคนให้เดินเข้าร้านไปด้วยกัน
“แปะ!”
เสียงตีมือดังขึ้นทันทีที่วรวลัญช์ยื่นช้อนหมายจะจ้วงไอศกรีมสีพาสเทลในจานตรงหน้า พิมรดารีบตีมือเพื่อนตัวดีไว้ก่อนแล้วร้องเบา ๆ อย่างใ
“เดี๋ยวค่ะอิมิลค์! ให้กูถ่ายรูปก่อน นี่มึงจะกินอย่างเดียวไม่เห็นหัวพวกกูเลยเหรอ?”
มนธวิทย์ถึงกับพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม ก่อนจะเร่งมือจัดพร็อพขนมบนโต๊ะด้วยท่าทางขึงขังประหนึ่งมืออาชีพ
“ทำดีมากอิพิม อินี่เผลอไม่ได้จริง ๆ”
“มึงจะถ่ายอะไรนักหนาละ ไอติมกูจะละลายแล้วเนี่ย” วรวลัญช์บ่นอุบ ทำหน้างอ พลางทิ้งตัวพิงพนักโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยากกับความเยอะสิ่งของเพื่อน
“เวอร์ละมึง! ยังไม่ถึงนาทีเลย รอแพพนึง...แพพเดียวจริง ๆ” พิมรดาเถียงขาดใจ มือยังเล็งมุมกล้องอย่างจริงจัง
“เยอะสิ่ง” วรวลัญช์กอดอกบ่น แต่ก็ยอมนั่งรอแต่โดยดี
“โอเค เสร็จละ! มึงนี่บ่นเก่งเนอะ” พิมรดาวางโทรศัพท์ลงแล้วยิ้มหวาน “เอ้า ชะนียิ้มค่ะ!”
เมื่อได้ภาพขนมเรียบร้อย มนธวิทย์ก็หมุนกล้องมาหาตัวเอง หัวเราะคิกคัก เรียกเพื่อนทั้งสองให้ยิ้มหวานแข่งกันอีกเซต
วรวลัญช์ที่ตอนแรกทำหน้ายุ่ง พอเห็นกล้องเท่านั้นก็เปลี่ยนโหมดทันที ส่งยิ้มละมุนจนแสงในร้านดูสว่างขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
“ขอดู ๆ” พิมรดารีบยื่นมือคว้าโทรศัพท์มาตรวจงาน
“ไม่อยากถ่ายนะอิดอก เสือกสวยกว่าพวกกูอีก” มนธวิทย์ค้อนขวับอย่างหมั่นไส้
วรวลัญช์ยักไหล่เบา ๆ ก่อนคว้าช้อนจ้วงไอศกรีมสีหวาน ๆ ตักเข้าปากไปหนึ่งคำเต็ม ๆ
“ช่วยไม่ได้ กูเกิดมาสวยอะเนอะ ลำบากใจหน่อยนะพวกมึงน่ะ” เธอกระพริบตาปิ๊ง ๆ อย่างน่าหมั่นไส้สุด ๆ
“คร่ะอิสวยยยย!” มนธวิทย์ลากเสียงประชด “อย่าให้กูแซ่บกว่าบ้างนะ จะสวยจนมึงหมองไปเลย”
“มึงจะทำไมคะ” วรวลัญช์หันมาถามด้วยความกวนตามสไตล์
“ไม่ทำไม ถ้ากูสวย ก็สวยไง”
“จ้าาาาา อยากเห็นอยู่เหมือนกัน” วรวลัญช์ว่าพลางอมยิ้มยั่ว ก่อนจะหันมายิ้มหวาน “งั้นเริ่มลุยของหวานกันเถอะค่าาาา!!” วรวลัญช์โบกช้อนในมือประกาศกร้าว
“มึงตักไปแล้ว!!!” สองเสียงประสานจากมนธวิทย์และพิมรดาดังขึ้นพร้อมกัน มองเพื่อนตัวดีที่มือไวตักไอศกรีมเข้าปากไปเรียบร้อยแล้วอย่างอึ้ง ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้