บทที่ 10 : เดิมพันรสหวาน และนายช่างในชุดสูท
45 วันต่อมา (Time Skip)
กลิ่นหอมหวานละมุนอบอวลไปทั่วโรงเรือน กลิ่นเหมือนน้ำผึ้งผสมดอกไม้ป่า เป็สัญญาณที่บอกว่า "ถึงเวลาแล้ว"
ฉันยืนอยู่หน้าต้นเมล่อนต้นแรก มือถือเครื่องวัดความหวาน (Refractometer) ด้วยความตื่นเต้น
ตรงหน้าฉันคือลูกเมล่อนทรงกลมดิกรราวกับลูกบอล ผิวสีเขียวเข้มมีลวดลายตาข่ายสีนูนเด่นชัดเจน ตัดกันสวยงามเหมือนงานศิลปะ ก้านผลเป็รูปตัว T (T-Shape) สมบูรณ์แบบ
ฉึบ!
ฉันเจาะเนื้อเมล่อนออกมาเล็กน้อย แล้วหยดน้ำหวานลงบนเครื่องวัด ส่องดูค่าผ่านกล้อง
[Quality Check: Japanese Musk Melon]
Appearance: Grade AA (ลายตาข่ายนูนสวย 100%) Weight: 1.8 kg (Standard) Sweetness (Brix): 16% (หวานฉ่ำระดับ Super Premium!)
“16 บริกซ์!” ฉันะโลั่นโรงเรือน “หวานกว่ามาตรฐานญี่ปุ่นอีก! เราทำได้แล้ว!”
พี่ดินที่กำลังเช็กระบบพัดลมอยู่เดินเข้ามาดู เขามองลูกเมล่อน 500 ลูกที่ห้อยระย้าเต็มโรงเรือนด้วยสายตาภูมิใจ
“สวยดีแฮะ... ไม่น่าเชื่อว่าดินแห้งๆ แบบนั้นจะปลูกไอ้นี่ได้”
“ไม่ใช่แค่สวยค่ะพี่ดิน แต่มันคือ เงิน!” ฉันยิ้มกริ่ม “ถ้าขายได้ตามเป้า เราจะได้เงินก้อนใหญ่พอจะโปะดอกเบี้ยธนาคารงวดแรกสบายๆ”
“แล้วจะไปขายใคร? ป้าศรีคงไม่ซื้อลูกละพันไปไหว้เ้าแน่”
“ถูกต้องค่ะ...” ฉันหันไปสบตาเขา แววตามุ่งมั่น “เป้าหมายของเราคือ โรงแรม 5 ดาว ในตัวเมืองเชียงใหม่!”
...
1 ชั่วโมงต่อมา ณ ห้องนอน(เก่า)ของพี่ดิน
“ไม่เอา! ตายยังไงก็ไม่ใส่!”
เสียงทุ้มะโดังลั่นออกมาจากห้อง
“ใส่เถอะน่าพี่ดิน! จะไปคุยธุรกิจกับเชฟโรงแรมหรู จะใส่เสื้อยืดตราห่านคู่ไปได้ไง!”
ฉันยืนดันประตูห้องนอนพี่ดินสุดแรงเกิด พยายามยัดเยียด "ชุดสูท" (ที่ไปขุดเจอในตู้เก่าสมัยเขาเรียนวิศวะที่กรุงเทพฯ) เข้าไปให้
“มันอึดอัด! ร้อนด้วย! ใส่เชิ้ตลายสก๊อตไม่ได้หรือไง!”
“ไม่ได้! First Impression สำคัญที่สุด! เร็วเข้าค่ะ เดี๋ยวไม่ทันนัดเชฟ!”
หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ 10 นาที ประตูก็เปิดออกผัวะ...
ฉันอ้าปากค้าง ตะลึงจนตาแทบถลน
ร่างสูงใหญ่ 185 ซม. ก้าวออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวรีดเรียบกริบ (ฝีมือแม่ฉันเอง) ทับด้วยสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูปที่ขับผิวสีแทนของเขาให้ดูผ่องขึ้น ไหล่กว้างทำให้สูทดูสง่าผ่าเผย กางเกงสแล็คขายาวเน้น่ขาที่ยาวเหยียด
เขาเซ็ตผมเปิดหน้าผากเล็กน้อย เผยให้เห็นเครื่องหน้าคมเข้มชัดเจน...
นี่มัน... CEO หนุ่มไฟแรง ชัดๆ! คราบช่างซ่อมรถเมื่อเช้าหายวับไปกับตา!
“มองอะไรนักหนา... ตลกมากหรือไง?” พี่ดินถามเสียงห้วน ขยับเนคไทไปมาด้วยความรำคาญ หูแดงเถือก
“ปะ... เปล่าค่ะ” ฉันรีบกลืนน้ำลาย “ไม่ตลกเลย... หล่อ... เอ้ย! ดูดีมาก ดูน่าเชื่อถือสุดๆ!”
“เออๆ รีบไปได้แล้ว ขืนชักช้าเดี๋ยวผมเปลี่ยนใจถอดทิ้งนะ”
...
ณ ห้องอาหารโรงแรมแกรนด์ ริเวอร์ไซด์ (Grand Riverside Hotel)
บรรยากาศหรูหรา แอร์เย็นฉ่ำ เสียงเปียโนบรรเลงคลอเบาๆ เราสองคนนั่งตัวเกร็งอยู่ต่อหน้า "เชฟปิแอร์" หัวหน้าเชฟชาวฝรั่งเศสผู้ขึ้นชื่อเื่ความเขี้ยว
บนโต๊ะมีเมล่อนลายสวยของเราวางอยู่ 1 ลูก
เชฟปิแอร์มองเมล่อนด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ หมุนดูรอบๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ
“รูปลักษณ์ภายนอก... Magnifique (ยอดเยี่ยม) ครับ ลายสวยมาก แต่ผมไม่แน่ใจว่ารสชาติจะสู้ของนำเข้าจากชิซูโอกะได้ไหม”
เขาหยิบมีดขึ้นมาบรรจงผ่าครึ่ง
กรึ๊บ...
เสียงมีดผ่านเปลือกบางๆ เข้าไป เนื้อในสีเขียวมรกตฉ่ำน้ำปรากฏแก่สายตา กลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายออกมาทันทีจนเชฟเลิกคิ้ว
เขาตักชิ้นเมล่อนเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ หลับตาลง
ฉันกับพี่ดินนั่งลุ้นจนมือเย็นเฉียบ ใต้โต๊ะพี่ดินเอื้อมมือมาบีบมือฉันไว้แน่น ให้กำลังใจ
“อืม...” เชฟลืมตาขึ้น “หวานมาก... เนื้อนุ่มละลายในปาก แต่ยังมี Texture ให้เคี้ยว กลิ่นหอมติดจมูก... นี่ปลูกที่ไหนนะครับ?”
“ที่สวนอำเภอ... ห่างจากที่นี่ 50 กิโลฯ ค่ะ” ฉันรีบตอบ “เราใช้ระบบ Smart Farm ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นตลอด 24 ชั่วโมง”
เชฟวางช้อนลง ประสานมือบนโต๊ะ สีหน้าเปลี่ยนเป็จริงจัง
“รสชาติดีครับ ผมยอมรับ... แต่ปัญหาคือ ความสม่ำเสมอ (Consistency) เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ปลูกรอบแรกดี แต่รอบต่อไปคุณภาพตก ผม้าของที่เกรดเป๊ะๆ ทุกวัน คุณรับประกันได้ไหม?”
ฉันชะงัก คำถามนี้ตอบยาก เพราะการเกษตรมีความเสี่ยงเสมอ
ทันใดนั้น มือหนาที่กุมมือฉันอยู่ก็คลายออก พี่ดินขยับตัวนั่งหลังตรง วางศอกลงบนโต๊ะด้วยท่าทางมั่นใจ (มาดนักธุรกิจจับทันที!)
“รับประกันได้ครับ” เสียงทุ้มหนักแน่นดังขึ้น
เชฟหันไปมองเขา “คุณมั่นใจยังไงครับ?”
“เพราะโรงเรือนของเราไม่ได้ใช้แค่ โชคช่วย ครับ” พี่ดินตอบเป็ภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะ! (OMG! ลืมไปว่าเขาเคยเป็นักเรียนนอก!)
“เราใช้ระบบ Engineering Control คำนวณค่าแสง ลม และน้ำ ด้วยเซนเซอร์ ผมเป็วิศวกรที่ออกแบบระบบเองกับมือ ถ้าวันไหนอุณหภูมิเพี้ยนแม้แต่ 1 องศา ระบบจะแจ้งเตือนและแก้ไขทันที...”
เขาจ้องตาเชฟกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“เราไม่ได้ปลูกด้วยความรู้สึก แต่เราปลูกด้วย ข้อมูล (Data) ครับเชฟ... ดังนั้น เมล่อนทุกลูกที่ส่งถึงมือคุณ จะเหมือนกันราวกับออกมาจากแม่พิมพ์แน่นอน”
เชฟปิแอร์นิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“Impressive... ผมชอบทัศนคติของคุณนะ มิสเตอร์...”
“ปฐีครับ”
“โอเค มิสเตอร์ปฐี ดร.ขวัญข้าว... ผมตกลงเซ็นสัญญา! ขอเหมาล็อตนี้ทั้งหมด และจองล็อตหน้าล่วงหน้า 3 เดือน!”
ปัง! (เสียงดีลธุรกิจปิดลงอย่างสวยงามในใจฉัน)
...
ตอนเย็น บนรถกระบะขากลับ
ฉันนั่งมองสัญญาซื้อขายในมือด้วยความปลาบปลื้ม ตัวเลขในสัญญาสูงพอที่จะทำให้เราหายใจคล่องคอไปอีกครึ่งปี
“พี่ดินเก่งมากกกก!” ฉันหันไปหวีดใส่คนขับ “พูดอังกฤษไฟแลบเลย! แถมบลัฟเื่ระบบซะเชฟเชื่อสนิทใจ”
“ไม่ได้บลัฟ พูดเื่จริงทั้งนั้น” พี่ดินคลายเนคไทออก ปลดกระดุมคอเสื้อสองเม็ด (ท่าทางแบบนี้ดาเมจรุนแรงมาก!)
“แต่ว่า... ตอนอยู่ในห้องแอร์ หนาวชะมัด” เขาบ่น
“คุ้มจะตาย! วันนี้พี่หล่อมากเลยรู้ตัวไหม?” ฉันชมจากใจ
พี่ดินชะงัก หันมามองฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบหันกลับไปมองถนน หูแดงขึ้นอีกรอบ
“เอ่อ... แล้วสัญญาที่ให้ไว้ล่ะ?”
“สัญญาอะไรคะ?”
“ก็ที่บอกว่า... ถ้าขายได้ลูกแรก จะให้กินลูกที่แพงที่สุดฟรีไง”
“อ๋อ!” ฉันหัวเราะ “ได้สิคะ! เดี๋ยวกลับไปขวัญปอกให้กินทั้งลูกเลย!”
“ดี...” เขายิ้มมุมปาก สายตาพราวระยับ
“เพราะผมเล็งลูกที่หวานที่สุดไว้แล้ว”
เอ๊ะ? ทำไมสายตาเขาไม่ได้มองไปที่ท้ายรถ (ที่มีเมล่อน) แต่มองมาที่... ฉัน ล่ะ?
หรือว่า... ‘ลูกที่หวานที่สุด’ ที่เขาหมายถึง จะไม่ใช่ผลไม้!?
[System Alert]
Din’s Flirting Skill: Level Up! (สกิลหยอดมุกเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง) Khwan’s Heart Rate: Critical High! (หัวใจเต้นแรงระดับวิกฤต)
บ้าจริง! นี่ฉันกำลังโดนหนุ่มวิศวะยุค 90 จีบอยู่เหรอเนี่ย!
