และจุดเริ่มต้นของคำสั่งที่ผมสั่งเธอออกไปแบบนั้น แม้การตอบรับของเธอที่แสดงกลับมาจะมีท่าทีว่าไม่ยินยอม แต่ด้วยความเ้าเล่ห์ของผมที่อ้างว่าผมจะให้เธอทำงานใช้หนี้ โดยงานที่ทำนี้จะมีมูลค่า 1 ล้านบาทต่องาน ขอต่อรองเ่าั้ที่แม้ว่าใครก็ยากที่จะปฏิเสธได้ ทำให้ ณ เวลานี้ได้บังเกิดความลังเลผสมกับความหมดหวังฉายขึ้นบนใบหน้าสวยอย่างเห็นได้ชัดดวง และนั้นยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเธอจะไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของผมอย่างแน่นอน
(โธ่...ก็แกเล่นไปขู่เอาเครื่องในเขาแบบนั้น เป็ใครจะไม่ทำล่ะย่ะ...ชิ...ไอ้คุณดีแลน)
จากนั้นผมที่ได้แต่นั่งรออย่างใจเย็น เพราะมั่นใจว่าบทสรุปมันต้องเป็ไปในแบบที่ตัวเอง้า...
และเมื่อสุดท้ายแล้วทุกอย่างก็เป็ไปอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้ ผมที่กระหยิ่มยิ้มย่องในใจก็ได้แต่รอเวลาเพื่อเล่นสนุกกับเธอ
จนกระทั่ง...เมื่อจู่ ๆ เธอก็อยากจะได้โทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา...และด้วยความ้านั้นมันกลับทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นเสียดื้อ ๆ
ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในใจผมอีกครั้ง เมื่อผมเผลอคิดไปว่าเธออาจจะอยากได้เพื่อเอาไปโทรบอกแฟนให้รับรู้ มันกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจนจะกลายเป็พาลใส่เธอ
โดยเฉพาะอาการหลังจากที่เธอรู้แล้วว่ากระเป๋าที่ใส่โทรศัพท์มือถือของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ณ ที่แห่งนี้ เธอก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข จนกระทั่งเมื่อเธอทำท่าเหมือนกับหยุดคิดอะไรบางอย่าง และหลังจากที่เธอยืนทบทวนอยู่นานเธอก็ได้ยื่นมือมาตรงหน้าของผม แล้วเอ่ยขอยืมมือถือผมทันที...
--- ลลิน Talk ---
สิ้นประโยคขอร้องของฉัน เขาถึงกับสีหน้ามึนงงใส่ฉันทันที ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาขึงขังตามเดิม
“เอาไปทำอะไร...” เขาถามพร้อมกับหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ก็ฉันขอสัญญาทำงานชำระหนี้จากนาย นายไม่มีให้ ฉันก็ต้องสร้างเองซิ” ฉันบอกไปตามความคิดของฉัน
ส่วนเขาเมื่อได้ยินคำตอบของฉันก็ค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดกันเป็ปมก่อนหน้านี้ออกทันที ก่อนจะทำปรับสีหน้าเป็นิ่งเฉยตามเดิม
“หึหึ...ฮ่าๆๆ เธอนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” เขาถึงกับะเิเสียงหัวเราะออกมา พร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างรู้สึกทึ่งในผู้หญิงตรงหน้า
ฉันเม้มปากแน่น พร้อมกับแสดงสีหน้าอย่างไม่พอใจที่ถูกหัวเราะเยาะใส่ นั่นก็เพราะใครกันล่ะที่ทำให้ฉันต้องรอบคอบให้มากขึ้นแบบนี้
“เอ้า...” เขาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วยื่นมาให้ฉัน
ทันทีที่ฉันรับมาก็กดััหน้าจอเพื่อ้าเปิด แต่ทว่า...หน้าจอมันดันล็อก
“ปลดล็อกให้ด้วยซิ...” ฉันยื่นโทรศัพท์กลับไป
ส่วนคนเ้าเล่ห์ที่แสยะยิ้มร้าย ก็ได้พูดประโยคที่ทำให้ฉันอึ้งไปไม่เป็
“ถอดเสื้อแลกกับปลดล็อก...” (^-^)
ฉันถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยินข้อเสนอของเขา และหลังจากได้สติกลับมาฉันก็แว้ดใส่เขาทันที
“นี่นาย...นายมัน...” ฉันชี้ไปที่ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูแล้วน่าจะหล่อแค่หน้า แต่จิตใจช่างต่ำตมจริง ๆ
ความโกรธที่พุ่งปรี๊ดขึ้นสมอง ยังไม่น่าโมโหเท่าท่าทียิ้มเยาะที่ถูกส่งมาจากคนตรงหน้า ที่คล้ายจะบอกเป็นัย ๆ ว่าเขานั้นถือไพ่เหนือกว่าตน
ฉันที่กำหมัดแน่นโดยที่ใจอยากจะพุ่งทะยานไปชกหน้าหล่อ ๆ นั้นสักหมัดสองหมัด แต่ ณ ตอนนี้กลับทำได้เพียงแค่กักเก็บความเจ็บช้ำน้ำใจเอาไว้
ใบหน้าคมเข้มสไตล์หนุ่มชาวตะวันออกกลาง ยกยิ้มเย้ยหยันรอการตอบสนองจากฉัน และด้วยสถานการณ์ที่ตัวเองตกเป็เบี้ยล่างอย่างนี้ จึงทำได้เพียงแค่กลั้นใจทำในสิ่งที่น่าอับอายที่สุด
สองมือบางจับไปที่กระดุมเม็ดแรกจากชายเสื้อด้วยมืออันสั่นเทา ความโกรธที่รุมเร้ากลบความเขินอายที่มีจนหมดสิ้น
ดวงตากลมโตเสมองไปยังด้านข้างอย่างไม่อาจมองหน้าคนตรงหน้าได้อย่างเต็มตา พร้อมกับฟันกรามที่ขบกันแน่นอย่าง้าระบาย
มือที่สั่นสะท้านปลดกระดุมเม็ดแรกออกด้วยความยากลำบากเนื่องจากมือที่สั่นเทา ก่อนที่มือบางจะค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปยังรังดุมเม็ดต่อไปด้วยใจที่อึดอัดเต็มที
กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเล่าต่างทยอยออกจากที่ยึดเหนี่ยวจนเผยให้เห็นถึงความขาวเนียนของหน้าท้องที่โชว์ความสว่างใส จนทำให้คำที่กำลังจับจ้องมองลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
และก่อนที่กระดุมเม็ดสำคัญอันที่อยู่ตรงหน้าอกจะทันได้ถูกแกะออก เสียงทุ้มทรงเสน่ห์จากคนตรงหน้าก็ได้เอ่ยออกมาเพื่อบอกให้ฉันหยุดมือลง...
“หยุดก่อน มารินเหล้าให้กูหน่อย”
“เฮ้ออออ ~~” ฉันลอบถอนหายใจออกมา พร้อมกับใจที่เต้นตึกตักสั่นระรัว
ถาดเหล้าที่ถูกวางไว้ด้านข้าง พร้อมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่น่าจะใช้ผสมให้รสชาติไม่เข้มเกินไปต่างเรียงรายเต็มไปหมด โดยที่ร่างอรชรได้เดินไปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าถาดเครื่องดื่มเ่าั้ ก่อนที่จะมองมันด้วยสีหน้างุนงงเพราะทำอะไรไม่ถูก
ส่วนคนตัวโตที่จับตามองทุกอิริยาบถของคนร่างบางั้แ่ต้นอยู่แล้ว กลับต้องรู้สึกฉงนใจเมื่อเห็นทีท่าที่ไม่ประสีประสาอะไรของหญิงสาว
“เอ้า...นั่งบื้ออยู่นั้น ไม่เคยรินเหล้าหรือไง” เสียงดุเข้มเอ่ยจนฉันสะดุ้ง
(โอ๊ยยย...พ่อคุณดุเป็หมาเชียว...) ฉันลอบด่าเขาในใจ ก่อนที่ฉันจะจ้องมองเขาเขม็ง พร้อมกับตอบไปตามความจริง
“ไม่เคย...” (-_-) ฉันตอบหน้านิ่งพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้
และเขาที่เหมือนจะอึ้งกับคำตอบของฉัน เพราะไม่คิดว่าสมัยนี้จะยังมีผู้หญิงไร้เดียงสาถึงขนาดที่ว่ารินเหล้าไม่เป็หลงเหลืออยู่
“ซุงแหลโก่งราคาหรือเปล่า” คำพูดที่พ่นออกมาเหยียดหยามฉัน พร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอยากจะฉีกปากมอม ๆ ของเขา
ฉันจ้องมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจ...ชิ...คนอะไรปากปีจอสุด ๆ ยิ่งความคิดสกปรกยิ่งกว่ามีอาจมผสม ถ้าหากใครได้ไปเป็พ่อของลูกถือว่าซวยสุด ๆ
“นี่...ด่ากูในใจอยู่หรือไง...” เขาหรี่ตามองเมื่อเห็นฉันจ้องเขาไม่หยุด
“เปล๊าาาา...!!” ฉันที่ตอบกลับไปพร้อมกับยักไหล่น้อย ๆ ด้วยท่าทียียวน
“หึ...เสียงสูงเป็เปรตขนาดนี้ กูต้องเชื่อมึงไหม” เขาแค่นเสียงหัวเราะใส่ฉันอย่างคนรู้ทัน ก่อนจะพิงหลังลงกับพนักโซฟาด้วยท่าทางสบาย ๆ
ส่วนฉันที่เลือกจะไม่โต้ตอบเขากลับไป เพราะไม่อยากจะเสวนากับคนไร้มารยาทแบบเขาอีก ก่อนจะบอกให้เขาสอนรินเหล้าให้ เพราะอยากจะทำสิ่งนี้ให้มันจบเร็ว ๆ
(เหนื่อยแล้วคร่าาาา...อยากกลับบ้านแล้ว...มุแง้...) (-*-)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้