แม้ว่าหลิวฉีซื่อจะมีรายได้จากบ้านจวงจื่อในตัวจังหวัดบ้าง แต่นั่นก็เป็เพียงรายได้น้อยนิด ที่บ้านเดิมกับจวงจื่อสร้างบ้านใหม่พร้อมกันสองหลัง จนนางต้องควักเงินค่าโลงของตนเองออกมาด้วย ส่วนบุตรชายคนโตกับคนรองก็ขัดสน อีกทั้งหลานชายก็พากันเข้าโรงเรียน เงินเหล่านี้จึงไหลออกดุจสายธารน้ำไหล
วันขึ้นปีใหม่นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวซานกุ้ยส่งปลาเค็ม หมูเค็มและเนื้อเป็ด ไก่ หมูสดๆ ตอนนี้นางคงขัดสนนัก ทั้งครอบครัวมีสิบกว่าปากท้อง ล้วนเฝ้ารอแต่นางเพียงผู้เดียว หลิวฉีซื่อเองก็หงุดหงิด รู้สึกว่าสักวันกระดูกเฒ่าของตนเองคงโดนแทะจนไม่เหลือ
หลิวต้าฟู่พอใจมากกับบุตรชายคนที่สามของเขา ยามปกติเวลามีอะไรอร่อยก็มักจะให้หลานสาวนำมาตอบแทนให้เสมอ ชุดเสื้อผ้าแปดชุดต่อปีก็มีของเขาด้วย
เขาเอื้อมมือออกไปััเสื้อเหมียนอ๋าวตัวอุ่น ไม่รู้เพราะเหตุใด นี่เป็ครั้งแรกที่สวมชุดใหม่แล้วรู้สึกเบาสบายตัว ไม่เหมือนกับชุดที่หลิวฉีซื่อทำให้ทุกปีที่มักจะมาพร้อมกับเสียงบ่นไม่หยุดว่านางใช้เงินไปเท่าไรต่อเท่าไร ของเหล่านี้เป็สินเ้าสาวที่นางนำติดตัวมาและออกดอกออกผล
สองพี่น้องหลิวเต้าเซียงยืนอยู่ด้านหลังหลิวซานกุ้ย ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสายตาอำมหิตที่ทิ่มแทงมา
นางเงยหน้าขึ้นมอง ที่น่าแปลกใจคือไม่ใช่สายตาของหลิวฉีซื่อ หากแต่เป็ชุ่ยหลิวที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างหาก นางแอบลูบท้ายทอย เหตุใดจึงจำไม่ได้ว่าเคยไปทำให้ชุ่ยหลิวเคืองโกรธั้แ่เมื่อไร?
ทันใดนั้นเสียงที่คมชัดก็ดังขึ้น ราวกับไม่รับรู้ถึงบรรยากาศผิดปกติในห้องอย่างไรอย่างนั้น “นี่ น้องสาม นี่คือบุตรสาวสองคนของเ้าสินะ รูปร่างหน้าตาดีทีเดียว ตัวเล็กแค่นี้แต่กลับมีสง่าราศี หากไม่พูดออกมา ในตัวจังหวัดมองไปแบบนี้ คงต้องคิดว่าเป็ลูกคุณหนูบ้านผู้ดีเป็แน่!”
หลิวเต้าเซียงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่ตาคู่นั้นเกือบจะบอดด้วยเครื่องประดับทองบนศีรษะของสตรีคนหนึ่ง นางอึ้งไปพลันรู้สึกเจ็บคอชอบกล
เครื่องประดับทองบนศีรษะของสตรีคนนั้นมีน้ำหนักอย่างน้อยสองหรือสามชั่ง ปิ่นปักผมทองสิบอันที่กว้างและใหญ่ปักอยู่บนผมที่เกล้าอยู่ ไม่ได้หนักธรรมดา
สตรีคนนั้นมองกลับมาอย่างมีชัย ก่อนจะถามด้วยสีหน้าเป็มิตรว่า “สามี ดูท่าทางของหลานสาวเราสิ เหมือนจะจำข้าไม่ได้อย่างนั้นแหละ”
หลิวสี่กุ้ยรีบเอ่ย “ชิวเซียง เต้าเซียง นี่คือป้าใหญ่ของพวกเ้า ตอนนั้นพวกเ้าคงยังเด็ก เกรงว่าคงจำไม่ได้แล้ว”
โอ้ ที่แท้ก็คือสะใภ้ใหญ่หลิวหลี่ซื่อที่หลิวฉีซื่อเคยเอ่ยถึงนี่เอง
แม้ว่าหลิวซานกุ้ยจะมาจากครอบครัวชาวนา แต่บุตรสาวของเขาก็มีมารยาทที่ดี ทั้งสองรีบทำความเคารพต่อหน้าแล้วขานทักทาย
จู่ๆ หลิวเต้าเซียงก็เข้าใจว่าเหตุใดหลิวฉีซื่อถึงชอบหลิวหลี่ซื่อมากนัก
รูปร่างหน้าตาของหลิวหลี่ซื่อบอกได้เพียงว่างดงามและสะอาดสะอ้าน ดีที่บุตรทั้งสามนั้นเหมือนหลิวสี่กุ้ยมากหน่อย
รูปร่างหน้าตาของตระกูลหลิวไม่ได้นับว่าแย่ ส่วนซุนซื่อกับจางกุ้ยฮัวก็นับว่าหน้าตาดีมาก
ดวงตาของหลิวหลี่ซื่อหันกลับมามองเด็กทั้งสองคน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร และไม่ได้ให้ของขวัญการเจอหน้าใดๆ แก่สองพี่น้อง
หลิวซานกุ้ยนั่งอยู่ตรงนั้น ในใจเกิดความอัดอั้น เขาเข้าบ้านมาได้ราวครึ่งก้านธูป [1] ในห้องนี้นอกจากหลิวต้าฟู่ที่ถามว่าจางกุ้ยฮัวเป็อย่างไรบ้าง คนเหล่านี้ก็ไม่มีใครแสดงความยินดีกับเขาแม้แต่คนเดียว
ราวกับว่าเขาจะมีบุตรชายหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
หลิววั่งกุ้ยไม่พอใจมากกับการปรากฏตัวของหลิวซานกุ้ย เพราะทำให้เขาไม่มีเกียรติ พี่ชายหนึ่งคนที่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่ถึงสองปีก็สามารถสอบผ่านถงเซิงได้ นี่เป็การตบหน้าเขาอย่างเต็มแรง
ในขณะเดียวกันก็ทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ความภูมิใจของเขาที่อยู่เหนือกว่านั้นหายไปหมดสิ้น แต่เขาก็ห้ามหลิวต้าฟู่ที่สั่งให้หลิวจื้อไฉไปเรียกหลิวซานกุ้ยมาไม่ได้
“เอาเถิด เื่อื่นเลิกพูดเถิด ท่านแม่ ท่านว่าเื่นี้ควรทำอย่างไร?”
หลิวฉีซื่อตอบด้วยความละอายใจเล็กน้อย “จะทำอย่างไรได้อีก? ในเมื่อเป็แบบนี้แล้วจะให้ทำอย่างไร?”
“ท่านแม่ อะไรคือเป็แบบนี้? ถึงอย่างไรก็ควรมีบทสรุป” หลิววั่งกุ้ยเลื่อนสายตาไปที่ชุ่ยหลิว ราวกับดอกไม้แสนบอบบางที่เปล่งประกายรับแสงอรุณยามเช้า ท่าทางอ่อนช้อยงดงามนั้นทำให้จิตใจของเขาระส่ำระส่ายเป็พักๆ
หลิวเต้าเซียงมองเห็นท่าทีเช่นนี้ แล้วย้อนนึกถึงความสัมพันธ์รักสามเส้าที่ยุ่งเหยิงระหว่างหลิววั่งกุ้ย หลิวเหรินกุ้ยและชุ่ยหลิว มุมปากก็ยกยิ้มอย่างไม่ชัดเจนนัก
ที่แท้ หลังจากที่ทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษเสร็จ แม้หลิวต้าฟู่จะรู้สึกผิดที่ภรรยาตนเองไม่ยินดีจะเรียกหลิวซานกุ้ยและครอบครัวกลับมา แต่เมื่อเห็นลูกหลานรวมตัวกันอยู่ในนี้ หลิวจื้อไฉกับหลิวจื้อเซิ่งเองก็น่าภูมิใจ ช่วยเขาไขว่คว้าตำแหน่งถงเซิงมาได้สองคน รวมกับหลิวซานกุ้ยที่ไม่ได้อยู่ในนี้ ตอนนี้ครอบครัวเขามีถงเซิงถึงสี่คน ในละแวกนี้นับว่าเป็อันดับต้นๆ
เขาหัวเราะอย่างมีความสุขและสั่งให้หลิวฉีซื่อไปหยิบเหล้าหนี่ว์เอ๋อร์หง [2] ที่หมักไว้หลายปีมาหนึ่งไห นี่คือเหล้าที่ฝังไว้ั้แ่หลิวเสี่ยวหลันเกิด
เหล้ารสเลิศ สร้างความสุขให้แก่คืนปีใหม่
ขณะที่ผ่านพ้นโส่วซุ่ยและทานอาหารโต้รุ่งกัน พ่อลูกสี่คนก็ชนเหล้าดื่มกันอย่างสบายอกสบายใจ
ส่วนหลิวฉีซื่อนั้นกำลังไม่สบายใจเพราะเื่เงินในบ้านที่ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ และทนมองพ่อลูกทั้งสี่คนเมามายไม่ได้ จึงนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา
ในขณะนั้นชุ่ยหลิวเดินเยื้องย่างเข้ามาพร้อมกับกำผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กอย่างอ่อนช้อย นางสวมชุดอ๋าวสีแดงกับกระโปรงสีเขียวปักลายสีสัน เอวบางดุจงูน้ำ ดวงตาคู่สวยชายตามอง ยิ้มแล้วเอ่ย “ฮูหยิน ข้าเตรียมเหล้าอุ่นไว้ให้นายท่านกับนายทั้งสามแล้วเ้าค่ะ”
ภาพในสมองของหลิวฉีซื่อมีเพียงการวางมาดของฮูหยินใหญ่หวงในอดีตลอยเข้ามา จึงเลียนแบบท่าทางนั้น นางพยักหน้าและเอ่ยชม “ข้าชอบเด็กสาวอย่างพวกเ้าที่หน้าตางดงาม เห็นแล้วอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย”
ชุ่ยหลิวตอบรับอย่างเขินอาย แล้วเอ่ย “เพราะได้รับความเมตตาจากฮูหยิน บ่าวจึงมีวาสนาเช่นนี้”
นางเดินไปข้างหลังหลิวฉีซื่ออีกครั้ง ช่วยบีบไหล่เบาๆ และยิ้ม “ฮูหยิน สบายขึ้นหรือไม่เ้าคะ?”
เมื่อใดก็ตามที่หลิวฉีซื่อได้ยินนางเรียกว่าฮูหยิน ก็รู้สึกราวกับว่าตนเองคือฮูหยินใหญ่หวงที่กำลังอยู่ในจวนตระกูลหวง ตอนนี้นางเองก็มีเด็กรับใช้แล้ว แม้ว่าเงินในมือจะค่อนข้างไม่คล่องตัว แต่ชีวิต่นี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
นางรู้สึกได้ใจ ยามที่นึกถึงสายตาอิจฉาริษยาของคนเก่าคนแก่ที่ยังอยู่ในจวนตระกูลหวง ก็ทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของชุ่ยหลิว หลิวฉีซื่อก็เลียนแบบท่าทีของฮูหยินใหญ่หวง ยิ้ม แล้วตำหนิ “เด็กบ้า คงกลัวว่าวันรุ่งขึ้นข้าจะไม่ให้ซองแดงสินะ ถึงได้มาอ้อนข้าแต่เนิ่น”
ชุ่ยหลิวยิ้มแล้วเอ่ย “ใครใช้ให้ฮูหยินมีเงินเยอะล่ะเ้าคะ บ่าวไม่อ้อนขอซองแดงจากฮูหยิน แล้วจะไปอ้อนขอใครได้”
เพียงแต่รอยยิ้มของนางนั้นมองไม่เห็นก้นบึ้ง ภายใต้ดวงตาที่หลุบลงนั้นมีความดูแคลนปนอยู่เล็กน้อย เชอะ คิดจะเลียนแบบท่าทางสง่างามสูงส่งของฮูหยินใหญ่หวง คิดจะยกเกี้ยวให้ตนเองหรือ ชุ่ยหลิวอยู่ในจวนตระกูลใหญ่มาก่อน ย่อมไม่เห็นค่าของหลิวฉีซื่อที่ทำตัวเป็คางคกขึ้นวอ
นางมีแผนในใจ แต่ตอนนั้นดันติดกับฮูหยินใหญ่หวง เพื่อไม่ให้ตนเองตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เกินไป จึงใช้แผนการให้ฮูหยินใหญ่หวงยกนางให้แก่หลิวฉีซื่อ ช่างน่าขัน หลิวฉีซื่อยังคงคิดว่าตนเองคือฮูหยินตระกูลสูงศักดิ์!
ชุ่ยหลิวเป็คนปากหวานเสมอ อีกทั้งนี่คือเทศกาลปีใหม่ หลิวฉีซื่อยิ่งถูกนางหลอกให้ดีใจยกใหญ่
ั้แ่หลิวหลี่ซื่อได้เห็นชุ่ยหลิว นางก็ไม่อยู่ห่างจากหลิวสี่กุ้ย ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อยู่คนเดียว ชุ่ยหลิวเป็คนเช่นไรนางรู้ดีกว่าใครในนี้
ตอนนั้นแม้ว่าฮูหยินใหญ่หวงจะปิดบังเื่นี้ไว้อย่างดี แต่ท่านลุงของนางก็เป็พ่อบ้านในจวนตระกูลหวง รวมถึงพี่ชายคนโตของหลิวฉีซื่อด้วย ดังนั้นหลิวหลี่ซื่อจึงเป็หลานสาวห่างๆ ของหลิวฉีซื่อเช่นกัน
เพียงแต่ว่าบิดาของหลิวหลี่ซื่อนั้นมีคุณงามความดีั้แ่รุ่นบรรพบุรุษ จึงได้รับการปลดแอกจากจวนตระกูลหวงมานาน ต่อมาบิดาของหลี่ซื่อได้เป็ซิ่วไฉ และมีการเชื่อมสัมพันธ์จากพี่ชายของหลิวฉีซื่อ ทำให้ได้แต่งงานกับหลิวสี่กุ้ย
นางมองดูอย่างเ็า คนในตระกูลหลิวกลับไม่มีใครล่วงรู้เื่ราวบัดสีของชุ่ยหลิว รวมถึงแม่สามีจอมโหดอวดดีคนนี้
หลิวหลี่ซื่อรู้ว่าชุ่ยหลิวเป็สาวใช้ที่อยู่ไม่สุข นี่ปะไร ปีใหม่ปีนี้ นางจึงอาสาออกตัวกลับมาบ้านเดิมพร้อมกับหลิวสี่กุ้ย หากเป็ปีก่อนๆ นางคงพาบุตรทั้งหลายไปร่วมเทศกาลปีใหม่ที่บ้านบิดาตนเอง
ยามจื่อ เสียงประทัดต้อนรับปีใหม่ดังขึ้นไม่ขาดสาย แต่ละคนเมามายจนหูแดงก่ำ หลิววั่งกุ้ยเดินเมากลับห้องของตนเอง แล้วนอนลงบนเตียงอย่างสบายใจ และได้ใจที่วันนี้ตนเองได้แอบถูกเนื้อต้องตัวนางตอนกลางคืนไปหนึ่งที ขณะที่หวนรำลึกถึงมือน้อยที่เนียนละเอียดของชุ่ยหลิว แล้วก็นึกถึงว่าไม่ได้ลิ้มรสชาติหอมหวานของนางมานานแล้ว ชั่วขณะนั้นสติหลุดลอย ทว่าพอได้สติ ด้านนอกก็สว่างแล้ว
เขาไตร่ตรองว่าวันนี้คือวันขึ้นปีใหม่ทั้งที จึง้าเริ่มต้นปีด้วยการเอาใจ จากนั้นหยิบปิ่นปักผมเงินโมราที่ทับไว้ใต้หมอนออกมาแนบไว้กับอกอย่างระมัดระวัง แล้วรีบลุกจากเตียงโดยไม่ทันได้ล้างหน้าล้างตา แอบย่องไปทางห้องเอ่อร์ฝางทิศตะวันออกบนเรือนหลัก ที่แห่งนั้นคือสถานที่อาศัยของชุ่ยหลิว
ห้องนั้นกั้นด้วยหน้าต่างกระดาษที่ขาวสะอาด แสงด้านในส่องสว่าง หลิววั่งกุ้ยดีใจ คงไม่ใช่ว่าชุ่ยหลิวตื่นขึ้นแล้ว เมื่อนึกถึงร่างบางของนาง ทั่วร่างของเขาก็แทบทนไม่ไหว
เขาคิดแผนได้ จึงยื่นมือออกมาปาดน้ำลายเล็กน้อยแล้วจิ้มเข้าไปในหน้าต่าง เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว หน้าต่างกระดาษก็ถูกเจาะเป็รูโดยไม่มีเสียง ก่อนจะอาศัยรูนั้นมองเข้าไปเพื่อสอดส่องดูว่าชุ่ยหลิวกำลังทำอะไร
อีกไม่กี่วัน เขาจะเอ่ยกับมารดาเื่ขอชุ่ยหลิวมาเป็สาวใช้ห้องข้าง [3]
ใครจะรู้ว่า…
เขาเดาจุดเริ่มต้นได้ แต่กลับคาดเดาตอนจบไม่ได้
หลิววั่งกุ้ยมองไปที่ห้องด้วยดวงตาที่ร้าวฉาน ชุ่ยหลิวสวมเสื้อชั้นในสีแดงตามคาด และกำลังนอนหลับอย่างเกียจคร้าน นี่ก็ตามคาด เพียงแต่ ใครก็ได้บอกเขาที เพราะอะไร เหตุใดบนเตียงจึงมีคนเกินมาหนึ่งคน เกินมาหนึ่งคนไม่เท่าไร เหตุใดจึงต้องเป็พี่รองแสนดีของเขา?
หลิววั่งกุ้ยรู้สึกว่าบนศีรษะของตนมีน้ำมันสีเขียวย้อมไปทั่ว ชั่วขณะนั้นราวกับถูกฟ้าผ่าจนไหม้เกรียม
เปลือกตาของเขากระตุก แววตาฉายความชิงชัง เขาที่อารมณ์เดือดดาลจึงไม่คิดให้รอบคอบ ก่อนจะยกเท้ากระทืบประตูห้องแล้วตวาดเสียงดัง “พี่รอง ท่านทำอะไรน่ะ?”
ต้องเป็พี่รองที่ขืนใจชุ่ยหลิวแน่นอน ในฐานะคนรับใช้ของบ้านตนเอง เขาเข้าใจดีว่าชุ่ยหลิวไม่มีอำนาจพูดคำว่า ‘ไม่’
หลิวเหรินกุ้ยสะดุ้งตื่นจากความฝันแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นพินิจอย่างละเอียด เสียงนี้ไม่เหมือนเสียงภรรยา จากนั้นก็จ้องอย่างมีสติ นี่มันน้องสี่แสนดีของเขา ทันใดนั้นก็โล่งอกแล้วตอบรับอย่างสบายใจ “ข้าว่าน้องสี่ แม้ว่าเราจะเป็พี่น้องแท้ๆ และสนิทกันที่สุด แต่ข้ากำลังอยู่ใน่ทำหน้าที่อยู่ เหตุใดเ้าถึงบุกพรวดพราดเข้ามาเช่นนี้ ต่อไปชุ่ยหลิวต้องเป็พี่สะใภ้รองของเ้าเชียวนะ”
-----
เชิงอรรถ
[1] เวลาหนึ่งก้านธูป 一炷香อี๋จู้เซียง เท่ากับ สามสิบนาที ครึ่งก้านธูปคือราวสิบห้านาที
[2] เหล้าหนี่ว์เอ๋อร์หง 女儿红 เป็เหล้าขึ้นชื่อที่มีมาแต่โบราณของ เมืองเส่าซิง มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เป็เหล้าสีเหลือง ใช้ข้าวเหนียวในการหมัก คำว่า หนี่ว์เอ๋อร์ ในชื่อเหล้าแปลว่า ลูกสาว ซึ่งเหล้าประเภทนี้มักจะไว้ให้เกียรติลูกสาว โดยจะมีการเตรียมไว้ในวันที่ให้กำเนิดลูกสาว
[3] สาวใช้ห้องข้าง หรือ 通房 ทงฝาง คือ ทาสหรือสาวรับใช้ที่เป็นางบำเรอของเ้านาย หรือคุณชายที่ยังไม่แต่งงานมีภรรยาเอก ชะตาชีวิตของสาวใช้ห้องข้างคือ ยังมีความเป็ทาส แต่ฐานะสูงกว่าทาส หน้าที่หลักคือรับใช้เื่บนเตียง สามารถเลื่อนฐานะมาเป็อนุได้ แต่ไม่สามารถเลื่อนฐานะมาเป็ภรรยาเอกหรือภรรยารองได้ เพราะศักดินาเดิมมาจากทาสนั่นเอง ถึงแม้ตั้งครรภ์มีลูก ก็ต้องยกให้เป็ลูกของภรรยาเอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้