มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มเล็กน้อย นางสบตาฉู่ชิงและขยิบตาอย่างขี้เล่น “รอให้น้ำค่อยๆ ร้อน รอให้กบในน้ำรู้สึกร้อนจนทนไม่ไหว เหลือจะทนจนต้องะโหนีออกมา”
ความหมายในคำพูดของเหนียนยวี่นั้นชัดเจน ท่าทางตลกขบขันมีชีวิตชีวาของนางราวกับกำลังโบยบิน สีหน้าแววตายังแลดูตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย
ฉู่ชิงมองนางอย่างตกตะลึงไปเล็กน้อย
มุมปากใต้หน้ากากของฉู่ชิงยกยิ้มขึ้นเสี้ยวหนึ่ง
น้ำร้อนจน...กบ...ะโออกจากน้ำ
ฉู่ชิงตรึกตรองเนื้อหาในคำพูดของนาง คนฉลาดเช่นเขาย่อมรู้อย่างแน่นอนว่ากบที่นางพูดหมายถึงผู้ใดและ่เวลาใดที่กบจะะโออกจากน้ำ?
เขารู้สึกคาดหวังเล็กน้อย หลังจากที่กบะโออกจากน้ำ สตรีผู้นี้จะวางแผนจัดการพวกเขาอย่างไร!
ฉู่ชิงเบนสายตาออกไป เขาเมียงมองไปทางลานทางใต้ของเรือนพำนักอย่างครุ่นคิด
ณ จวนเหนียน
รถม้าของตระกูลหนานกงมาส่งเหนียนอีหลานที่ประตู แล้วออกไปทันที
ั้แ่ลงจากรถ เหนียนอีหลานก็ยืนอยู่ที่นั่นเป็เวลานานโดยไม่ได้เข้าไปข้างใน ภายใต้ดวงอาทิตย์ นางมองไปที่ประตูด้วยความงุนงง
"คุณ...คุณหนู..."
สาวใช้บางคนกำลังเดินออกไปที่ประตู ครั้นนางเห็นเหนียนอีหลาน นางร้องอุทานขึ้นมาทันที น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่มั่นใจ ทว่าในดวงตาของนางมิอาจปิดบังความประหลาดใจไว้ได้ นางจ้องมองอยู่สักพักใหญ่ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าสตรีใบหน้าซีดเซียว ดูอ่อนแอตรงหน้าจะเคยเป็คุณหนูใหญ่ผู้มีสง่าราศีคนนั้น
เวลาผ่านมาเนิ่นนานเท่าใดแล้ว คุณหนูใหญ่ในอดีตเป็ถึงสาวงามอันดับหนึ่ง อันดับสองแห่งแคว้นเป่ยฉี ทว่าสตรีตรงหน้าตอนนี้...
เหนียนอีหลานรู้สึกได้ถึงสายตาของเหล่าสาวใช้ ในใจนางรู้สึกไม่พอใจ เดิมทีนางก็กำลังกดความรู้สึกโกรธเกรี้ยวไว้มากมาย ครั้นเห็นเช่นนี้ นางจึงกวาดตามองใส่สาวใช้ตรงนั้นอย่างแข็งกร้าว “มองอะไร? รู้ว่าเป็เปิ่นเสี่ยวเจี่ย เหตุใดยังไม่รีบเข้ามาประคองข้าอีก?”
สาวใช้คนนั้นตกตะลึง คุณหนูใหญ่ในอดีตนั้นอ่อนโยนและสง่างาม...
สาวใช้ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว นางมิกล้ารีรอ ก้าวเท้าเข้าไปช่วยประคองเหนียนอีหลานทันที ทว่าสาวใช้คนนั้นกลับไปััโดนาแของนาง ความเ็ปแล่นไปทั่วร่าง ทันใดนั้นเหนียนอีหลานยกมือขึ้นตบลงบนใบหน้าของสาวใช้ “งุ่มง่าม”
“บ่าวสมควรตาย คุณหนูโปรดไว้ชีวิตบ่าวเถิดเ้าค่ะ” สาวใช้คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตื่นตระหนกและอ้อนวอนขอความเมตตา
"โอ้ นี่มิใช่คุณหนูใหญ่หรอกหรือ คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว!"
เสียงหนึ่งดังขึ้น ครั้นคนในจวนเหมือนจะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ประตู ลู่ซิวหรงจึงเดินเยื้องย่างบิดเอวเดินออกไป ครั้นนางเห็นใบหน้าไม่น่ามองของเหนียนอีหลาน นางพลันรู้สึกตื่นเต้นทันใด “คุณหนูใหญ่ คุณหนูกลับมาแล้ว ใน่ที่คุณหนูไม่อยู่ ฮูหยินนั้นเป็กังวลอย่างยิ่งเชียว”
เหนียนอีหลานมองดูท่าทางของลู่ซิวหรง นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลู่ซิวหรงอยากจะชมงิ้วสนุกๆ
นางกวาดตามองลู่ซิวหรงอย่างเ็า ท้ายที่สุดดวงตานางมองไปยังสาวใช้ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น “บ่าวต่ำต้อย พาตัวเองไปรับโทษจากแม่บ้าน!”
เหนียนอีหลานเอ่ยทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้ จากนั้นนางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นางเดินผ่านหน้าลู่ซิวหรงไปอย่างไม่สนใจและเดินเข้าประตูจวนเหนียนไป
เพราะท่าทีเช่นนี้ของเหนียนอีหลาน ทำให้ลู่ซิวหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าชั่วขณะหนึ่ง ลู่ซิวหรงที่จ้องมองแผ่นหลังนางพลันหัวเราะออกมาอย่างแ่เบา และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยกสูงขึ้น “คาดไม่ถึงเลยว่าการเข้าไปอยู่ในวังหลวงรอบเดียวจะทำให้นิสัยใจคอเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะดูแลคุณหนูใหญ่เป็อย่างดี”
ครั้นลู่ซิวหรงเอ่ยจบ เหนียนอีหลานพลันอึ้งงัน ฝีเท้าหยุดชะงักไปเล็กน้อย นางนึกถึงเื่ทั้งหมดที่นางต้องประสบพบเจอมา เหนียนอีหลานกำผ้าเช็ดหน้าลายปักในมือแน่น ควบคุมความรู้สึกในใจอย่างเคร่งเครียด นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ระงับความโกรธในใจและก้าวเดินต่อไปข้างหน้า...
หอหลานเยวี่ย
เหนียนอีหลานยืนอยู่ที่ประตู ระหว่างทางบ่าวรับใช้ทุกคนที่เห็นนางต่างมองสำรวจนางด้วยสายตาแปลกประหลาด แล้วกระซิบกระซาบกันด้วยเสียงอันแ่เบา นางรู้ว่าแม้แต่เหล่าบ่าวใช้ต่ำต้อยพวกนี้ในจวนยังหัวเราะเยาะนางทุกคน
"ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้" เสียงตวาดกระโชกรุนแรง ดึงสติของเหนียนอีหลาน ทันทีที่นางรู้สึกตัว นางเห็นสตรีชุดขาวกำลังออกมาจากห้องพอดี
เมื่อจ้าวอิ้งเสวี่ยเห็นเหนียนอีหลาน นางพลันตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง...กลับมาแล้วหรือ?
จริงสิ ที่อุทยานหลวงในวังหลวงวันนี้ ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสอย่างชัดเจนแล้วว่าให้ตระกูลหนานกงพานางออกไปจากวังหลวงได้
ทั้งสองมองหน้ากัน แทบจะในทันทีนั้น เหนียนอีหลานยืดอกผึ่งผายตามนิสัยดั้งเดิม นางเชิดหน้าทักทายจ้าวอิ้งเสวี่ย ทว่ากลับมิเอ่ยสิ่งใด ยามที่เหนียนอีหลานเดินผ่านจ้าวอิ้งเสวี่ย นางตั้งใจประคับประคองท่วงท่าการเดิน จ้าวอิ้งเสวี่ยเห็นทุกสิ่งในสายตา มุมปากภายใต้หน้ากากนางยกยิ้มเย้ยหยัน
"หึหึ ท่านหญิงเ้าคะ ท่านดูนางสิ เหมือนคนตกน้ำมาเลยเ้าค่ะ ทว่ายังทำตัวเป็ไก่ห่วงภาพลักษณ์อยู่เลย ช่างน่าขันเสียจริงเ้าค่ะ" ผิงเอ๋อร์หัวเราะเยาะเย้ย
ฝีเท้าของเหนียนอีหลานชะงักไปเล็กน้อย ความโกรธเกรี้ยวในใจนางยามนี้รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่นางพบลู่ซิวหรงที่ประตูเมื่อครู่นี้เสียอีก
ไก่หรือ?
ไม่ นางคือหงส์!
นาง ‘เหนียนอีหลาน’ เป็หงส์ แม้นยามนี้จะมีปัญหา ทว่านางยังคงเป็หงส์
คนพวกนี้...
เหนียนอีหลานกัดฟัน ดวงตาฉายแววดุดันแข็งกล้า
วันหนึ่งนางจะทำให้คนที่หัวเราะเยาะนางได้รู้ว่า ‘เหนียนอีหลาน’ เป็สตรีที่สูงส่งที่สุดในใต้หล้าแคว้นเป่ยฉี พวกนางไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่มีทางเอื้อมถึง ทำได้เพียงเงยหน้ามองขึ้นไปเท่านั้น!
ในตอนนั้น นางจะทำให้คนพวกนี้รู้ว่า ราคาที่ต้องแลกจากการหัวเราะเยาะเย้ยนางในวันนี้เป็อย่างไร!
เหนียนอีหลานสูดหายใจลึก ย่ำฝีเท้าก้าวเดินเข้าห้องโถงไปทีละย่างก้าว
"ข้าบอกให้พวกเ้าออกไปให้หมด ออกไป ไม่ได้ยินหรือ?"
เหนียนอีหลานทันทีที่ก้าวย่างเหยียบธรณีประตู ขณะที่หนานกงเยวี่ยกำลังะโออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ก็ราวกับได้ยินเสียงฝีเท้า หลายวันมานี้นางไม่ได้ยินข่าวคราวเื่อีหลานเลย ในใจนางรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก จนแทบจะไม่มีผู้ใดกล้าเฉียดกายเข้าใกล้หอหลานเยวี่ย
เหนียนอีหลานขมวดคิ้ว นางเห็นหนานกงเยวี่ยกำลังกุมหน้าผากตนเองอยู่ในห้องด้วยใบหน้าเศร้าโศก นางเอ่ยเรียกหนานกงเยวี่ยทันทีโดยไม่รู้ตัว “ท่านแม่...”
ทันทีที่เอ่ยออกไป เสียงของนางกลับสำลักอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยเสียงเรียกนี้ ร่างกายของหนานกงเยวี่ยพลันสั่นสะท้าน
ท่านแม่...เสียงนี้มัน...อีหลานหรือ?
หนานกงเยวี่ยรู้สึกดีใจ ทว่านางกลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง ่สองสามวันมานี้ นางเห็นอีหลานมาเรียกนางในฝันตลอด มาขอร้องให้นางไปช่วย ทว่าทุกครั้งที่นางจะยื่นมือไปจับอีหลาน นางกลับตื่นจากฝัน ในเรือนอันแสนว่างเปล่านี้มิมีผู้ใดเลย นอกจากนาง
อีหลานไม่ได้อยู่ข้างกายนางด้วยซ้ำ
และตอนนี้...มันเป็ความฝันอีกแล้วหรือ?
“ท่านแม่” เหนียนอีหลานเอ่ยปากเรียกอีกครั้ง ครานี้นางตั้งใจระงับความรู้สึกในใจของตนเอง ถึงแม้นอารมณ์ในใจนางจะปั่นป่วน ทว่านางจำต้องตั้งใจกดความรู้สึกนี้ไว้ให้ได้ นางไม่ยอมให้ผู้ใดเห็นเื่ตลกนี้ได้
คราวนี้เสียงเรียกนั้นชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ ดวงตาของหนานกงเยวี่ยเป็ประกาย ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้า เงยหน้ามองไปทางประตู
หญิงสาวผอมแห้งดูซีดเซียวปรากฏสู่สายตาของหนานกงเยวี่ย นางมองในดวงตาของเหนียนอีหลาน น้ำตาของหนานกงเยวี่ยพลันไหลรินอย่างปลื้มปริ่ม
“อีหลาน...เป็ลูกจริงๆ เร็ว...มาให้แม่ดู...” หนานกงเยวี่ยลุกยืนขึ้นทันที นางก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบและกุมมือของเหนียนอีหลานขึ้นมาจับไว้ พลางมองสำรวจนางอย่างละเอียด “อีหลานของแม่ ลูก...ในที่สุดลูกก็กลับมาแล้ว ลูกผอมลง!”
สีหน้านางดูซีดเซียว มิรู้เลยว่านางต้องทนทุกข์อย่างไรยามที่อยู่ในวัง
ครั้นหนานกงเยวี่ย หวนนึกถึงคำพูดของเหนียนยวี่วันนั้น หนานกงเยวี่ยมองดูหญิงสาวตรงหน้า น้ำตาไหลรินออกมาทันที “อีหลาน ลูกคงต้องลำบากมาก ทว่าตอนนี้ยังดีที่เ้าได้กลับมาแล้ว แม่จะดูแลร่างกายเ้าให้ดีเอง เร็วเข้า รีบเข้ามานั่งลงเถิด ใช่แล้ว ท่านยายเ้าเป็คนพาเ้าออกมาหรือ ข้ารู้ว่าท่านยายเ้ารักใคร่เอ็นดูเ้ามาั้แ่ไหนแต่ไร คงทำใจเห็นเ้าต้องลำบากมิได้...”