คนทั้งห้าในคฤหาสน์นั้นแบ่งชั้นที่อยู่ตามนี้ หร่านซวี่จือ อิงซาง และคนรับใช้ทั้งหมดอยู่ชั้นล่าง ส่วนชวนอวิ๋น หาวไห่กับฟู่หลิงอยู่บนชั้นสอง
ชวนอวิ๋นกับหาวไห่มักจะอยู่ด้วยกัน แม้ว่าบางทีจะเยาะเย้ยหร่านซวี่จือบ้างบางคราวแต่ก็ไม่เคยทำอะไรที่เกินเลยกับเขา ในทางกลับกันจะเป็ฟู่หลิงที่หร่านซวี่จือมักจะรู้สึกว่าเขาเป็คนอันตราย
ไม่ใช่การเห็นด้วยตาเปล่า หากแต่เป็ความรู้สึก อิงจากลางสังหรณ์หลายโลกก่อนหน้านี้ของหร่านซวี่จือ ฟู่หลิงไม่น่าจะใช่คนธรรมดาที่จะจัดการได้อย่างง่ายดายทั่วไป
หร่านซวี่จือเองก็ทนอยู่ว่างไม่ได้ เขาจึงอาศัย่ที่คนชั้นบนมีน้อยแล้วแอบย่องขึ้นไป
บนชั้นสองไม่มีใครอยู่ ชวนอวิ๋นกับหาวไห่นั้นไม่รู้ว่ารวมตัวกันไปเดินเล่นที่ไหน ก็น่าจะมีเพียงฟู่หลิงกับเฉินหนานอยู่
หร่านซวี่จือแอบย่องลับๆ ล่อๆ แล้วยื่นศีรษะไป มองลอดผ่านรอยแยกประตูจะมองเห็นห้องวาดภาพ
จริงตามคาด ฟู่หลิงกับเฉินหนานอยู่ข้างใน
หร่านซวี่จือยังนึกว่าตนเองจะได้เห็นอะไรที่มันไม่ควรเห็นเสียอีก ใครจะรู้ว่าผู้ชายสองคนดันมายืนคุยกันหน้ารูปวาดเสียอย่างนั้น
“เฉินหนาน คำขอของคุณน่าแปลกจัง” ฟู่หลิงสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เหมือนว่าเฉินหนานกำลังทำอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาไม่พอใจเป็อย่างมาก
เฉินหนานหันหลังให้ฟู่หลิงทำให้มองไม่เห็นใบหน้า แต่เดาว่าคงไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่
“คุณไปถามดูสิ ทั่วทั้งเมืองซี จะมีใครที่มีพร์กว่าผมอีก? ” ฟู่หลิงเอ่ย “ผมขอพูดตามตรงนะ ความคิดของคุณไม่มีวันเป็จริงได้หรอก! ”
พอฟู่หลิงพูดจบก็เดินดุ่มๆ ออกมาด้วยความโมโห หร่านซวี่จือสะดุ้งโหยงแล้วรีบหลบไปอยู่หลังตะแกรงที่วางแจกันตรงข้างประตู หลังจากที่ฟู่หลิงเดินพุ่งตัวออกมา เขาก็ออกจากคฤหาสน์ไปด้วยใบหน้าที่มืดมน
เฉินหนานยังคงอยู่ในห้องคนเดียว เมื่อผ่านไปสักพักถึงค่อยหันหลังแล้วออกจากห้องไป
หร่านซวี่จือนั่งอยู่ด้านหลังแจกันอันใหญ่ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเฉินหนานไกลออกไปจึงยื่นศีรษะออกไปกวาดมองรอบทิศ พอไม่เห็นเงาของเขาก็เดาว่าน่าจะไปหาฟู่หลิงหรือไม่ก็กลับเรือนหลังใหญ่
เื่อะไรทำไมรุนแรงจริง?
หร่านซวี่จือรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าโดยรอบไม่มีผู้คน เขาจึงแอบย่องเข้าห้องวาดภาพแล้วปิดประตูไว้
ในห้องวาดภาพนั้นเงียบสงัด คนรับใช้จัดการทำให้ห้องเป็ระเบียบ มีแสงแดดสาดส่องมาจากทางหน้าต่างทะลุผ่านม่านโปร่งแสงและปกคลุมชั้นวางภาพวาดในห้องทั้งหมด
หร่านซวี่จือเดินไปแล้วเปิดผ้าขาวบนชั้นวางรูปวาดออกทันใด
บนชั้นวางมีรูปอยู่ ในนั้นเป็เด็กหนุ่มที่มีรูปร่างอันผอมเพรียว เมื่อหันหลังเดินไปด้านหน้าก็เห็นว่าที่โดยรอบนั้นว่างเปล่า
หร่านซวี่จือพลิกดูจุดอื่นอีก พบว่าภาพแบบนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่งรูป ภาพวาดแทบจะทั้งห้องเป็แบบนี้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าภาพอื่นนั้นจะมีภาพพื้นหลังอยู่ บางรูปก็เป็ทะเล บางรูปก็เป็สวนดอกไม้
หร่านซวี่จือพลิกสำรวจไปมา ก็รู้สึกว่าภาพนี้ดูคุ้นเคย แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ระบบ: “คุณรัน ้าเปิดใช้งานตัวช่วยเนื้อเื่ไหมครับ? ”
หร่านซวี่จือ: “เยี่ยมเลย มีตัวช่วยแบบนี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน? ”
ระบบ: “เมื่อเข้าสู่่พิเศษของเื่ราวก็จะมีหลุดออกมาบ้างครับ”
หร่านซวี่จือ: “มีเงื่อนไขในการใช้อย่างไร? ”
ระบบ: “หักคะแนนสะสมห้าแต้ม ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดสิบแต้มครับ”
หร่านซวี่จือ: “ก็ได้ เปิดเลย ไหนไหนก็เข้ามาในห้องแล้ว”
ในสมองมีเสียงดัง “ติ๊ง” จากนั้นมือของหร่านซวี่จือก็หลุดจากการควบคุม มือนั้นหยิบพู่กันที่ยังไม่ทันแห้งซึ่งอยู่ข้างๆ ภาพวาดขึ้นมา
หร่านซวี่จือตาโตและก็อ้าปากค้าง จนแทบจะรีบหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของร่างกาย นี่ตายได้เลยนะ ใครที่กล้าแตะต้องภาพของเฉินหนาน??
เพียงแต่น่าเสียดายที่หร่านซวี่จือไม่สามารถหยุดมันได้ ร่างกายพาหร่านซวี่จือเลือกสรรสีบนถาดออกมา จากนั้นก็ใช้พู่กันแต้มแล้วเริ่มแต้มลงบนจุดว่างเปล่าบนภาพนั้น
สีเหลืองผสมกันปรากฏบนภาพวาดเป็ผืน คล้อยกับการเคลื่อนไหวของพู่กัน ภาพนี้ค่อยๆ ถูกเติมเต็ม แสงอาทิตย์อัสดงที่กำลังตกดิน ทะเลทรายสีทอง ชายเสื้อกำลังถูกลมพัดจนปลิวสะบัด
ภาพที่ปรากฏตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าคือภาพด้านหลังของทังเหวยในขณะที่เขาจากไป
หร่านซวี่จือลืมตาโตแล้วก็ถอยหลังสองก้าวพร้อมกับความรู้สึกยากที่จะบรรยายได้
ขณะเดียวกันนั้นเอง ประตูด้านหลังก็มีเสียงคนเปิดเข้ามา เมื่อหร่านซวี่จือหันศีรษะไปและก็สบตากับดวงตาเย็นะเืคู่นั้นของเฉินหนาน
“นายกล้าแตะต้องภาพวาดของฉันงั้นหรือ? ”
เสียงอันน่าหวาดกลัวถามเขา
“อา...” หร่านซวี่จือเหมือนแมวที่ถูกบีบคอ พยายามเค้นคำพูดอยู่ครึ่งค่อนวันก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว จนอยากจะโยนพู่กันทิ้งแล้วโกยอ้าว
สายตาของเฉินหนานนั้นเย็นะเืหาใดเทียบได้ ราวกับว่าวินาทีถัดไปจะพุ่งตัวมาฆ่าหร่านซวี่จือให้ตายเสียให้ได้ กระนั้น ขณะที่เขาช้อนตาขึ้นมองภาพวาดนั้น ม่านตาก็กลับหดลงทันใด
หร่านซวี่จือถูกเฉินหนานคว้าคอเสื้อไว้ “ปัง” กระแทกเข้ากับผนังห้อง“ใครเป็คนวาด? ”
“คือ คือว่า...” หร่านซวี่จือหวาดกลัวพร้อมกับคว้าข้อมือของเฉินหนาน เรี่ยวแรงที่มหาศาลกำลังบีบหลอดลมของเขาไว้ราวกับเหล็ก เหมือนว่าเสี้ยววิถัดไปก็จะหักเสียให้ได้ “ขอโทษ... ผมไม่ได้ตั้งใจ ผม...”
เมื่อสิ้นเสียง เฉินหนานก็ปล่อยมือ หร่านซวี่จือทรุดตามผนังลงไปกองกับพื้น เขาใจนไม่กล้าขยับ
เฉินหนานไม่ได้พูดอะไร เขานิ่งเงียบและเดินไปด้านหน้าภาพวาด ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ยื่นมือไปใช้นิ้วจิ้มบนผ้าคลุมของเด็กหนุ่มที่เพิ่งวาดเพิ่มเข้าไป
สียังไม่ทันแห้งทำให้นิ้วมือของเฉินหนานเปื้อนหมึกสีดำ
เมื่อดึงมือกลับมา เฉินหนานมองต่ำพลางจ้องมองสีบนนิ้วของตนเอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“นายบอกว่านายเคยรู้จักฉันใช่ไหม? ” ไม่รู้ว่าเฉินหนานมายืนอยู่ตรงหน้าหร่านซวี่จือั้แ่เมื่อไหร่
หร่านซวี่จือมองขึ้นและก็เห็นเพียงเน็กไทของเขา
“ใช่ครับ” หร่านซวี่จือพยักหน้า
เฉินหนานนิ่งเงียบไปไม่กี่นาที จากนั้นขณะที่หร่านซวี่จือกำลังเดาว่าเขาหลับไปแล้วหรือเปล่า เฉินหนานก็เอ่ยปากขึ้นอีก “พาตัวไป”
หร่านซวี่จือ “??? ”
บ้าจริง นี่มันอะไรกัน!!! นี่จะพาเขาไปที่ไหนอีกแล้ว???
หร่านซวี่จือหวั่นใจ เมื่อจู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดชายชุดดำเดินเข้าไปจับกุมตัวและมัดเขาไว้ จากนั้นก็ลากตัวแล้วโยนเข้าไปในรถ
หร่านซวี่จือถูกมัดเหมือนเป็ปูทำให้เขาขยับไม่ได้แม้แต่น้อย จากนั้นเฉินหนานก็ขึ้นรถพร้อมกับชุดสูทเต็มยศแล้วบอกที่อยู่กับคนขับรถด้านหน้า
ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็โรงแรมแห่งหนึ่ง หร่านซวี่จือมีลางสังหรณ์แปลกๆ บางอย่างที่ปรากฏขึ้นในใจ
จริงตามคาด รถคันนี้ขับไปจนถึงหน้าประตูโรงแรมที่ดูหรูหราแห่งหนึ่ง หร่านซวี่จือที่ถูกมัดอยู่โดนจับโยนลงบนเตียงในห้องพัก เขาจ้องเฉินหนานด้วยสีหน้างงงวย
เฉินหนานแกะเน็กไทของตนเองแล้วขมวดคิ้ว เหมือนว่ายังคงรังเกียจตัวหร่านซวี่จือเป็อย่างมาก
“คุณชายเฉิน คุณจะทำอะไรน่ะ? ”
นี่มันเนื้อเื่บ้าอะไรกัน??? หรือว่าเฉินหนานเป็พวกนายหน้าตีราคา???
เฉินหนานไม่ได้สนใจหร่านซวี่จือ แล้วก็เดินตรงไปดึงเสื้อของเขาออก จากนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พลันมองไปที่บางจุดของตนเอง
จริงด้วย ที่ตรงนั้นมันมีความรู้สึก
เฉินหนานใบหน้ามืดมนลงทันใด
ความจำอาจจะผิดพลาดได้แต่ร่างกายกลับยังคงจำได้ หากว่าเื่ที่เกิดขึ้นหลายปีก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับคนคนนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นความทรงจำที่ผิดพลาดเ่าั้ของเขานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หรือว่ามีคนชักใยอยู่เื้ั?