สถานที่ที่จะไปสำรวจเป็ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพราะอีกฝ่ายปิดวันจันทร์เหมือนกัน พวกเขาเลยนัดพิเศษมาดูในวันจันทร์
“เพราะอะไรถึงจัดงานเลี้ยงไวน์ในร้านอาหารอื่นแทนที่จะเป็ร้านฉือเซ่อล่ะคะ?” อี้สี่อยากรู้มาก ด้วยความที่ก็เป็ร้านอาหารเหมือนกัน แต่ทำไมต้องไปจัดงานเลี้ยงที่ร้านอื่นด้วย
“ในงานเลี้ยงไวน์มื้อค่ำมีผู้ขายรายหนึ่งเป็พ่อค้าไวน์ ครั้งนี้พ่อค้าไวน์เป็คนเลือกสถานที่ อาจเป็เพราะสไตล์การตกแต่งค่อนข้างคล้ายกับสไตล์ที่พวกเขา้า ต่างกับการตกแต่งของฉือเซ่อที่ค่อนข้างสดใสและสดชื่น เป็โทนสีขาว แต่พวกเขา้าความรู้สึกที่เป็ผู้ใหญ่และซับซ้อน” หลัวจ้งซีพูด อี้สี่ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับงานของหลัวจ้งซีมากนัก เขาน่าจะไม่ได้เป็แค่ผู้จัดการของทีมเบื้องหน้าเท่านั้น เธอรู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะมีอำนาจมากกว่านั้น แต่เธอก็ชอบฟังเขาพูดถึงเื่ต่างๆ ในที่ทำงานมาก ซึ่งทำให้เธอนึกถึงครั้งแรกตอนที่อยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาดูห่วงใยเธอ และให้คำแนะนำแก่เธอเหมือนกับผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือได้และอบอุ่น
“แง่มุมของการดำเนินงานของร้านเราดูเหมือนจะซับซ้อนมาก” เดิมทีอี้สี่คิดว่าร้านอาหารก็เป็เพียงร้านอาหารเท่านั้น ทุกคนทำอาหารอยู่ในครัว ส่วนลูกค้าก็ทานอาหารกันที่โต๊ะ ซึ่งเป็เื่ธรรมดามาก แต่ตอนนี้รู้สึกว่าร้านเหมือนจะไม่ธรรมดาขนาดนั้นแล้ว เป็ทั้งรับจัดงานจัดเลี้ยงและก็เป็ทั้งภัตตาคารอาหาร
“การทำงานที่หลากหลายจะนำไปสู่ผลกำไรที่มากขึ้น และก็ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ในยุคปัจจุบัน เป็ไปไม่ได้เลยที่จะรอลูกค้าอยู่ในร้านอย่างเดียว” เขาพูด เมื่อเขาพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ ดวงตาของเขาก็เฉียบคมมาก ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านสิ่งต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งลบล้างความความไร้สาระและนิสัยแย่ๆ ของเขาไปหมด
จากระยะไกล อี้สี่เห็นซ่งจื่อฉียืนอยู่หน้าร้านสเต๊ก ซ่งจื่อฉีสวมเสื้อยืดสีขาวที่รัดรูปเล็กน้อยกับกางเกงยีนส์เข้ารูป ท่อนแขนของเขาสวยงามมาก แนวเส้นแข็งแรง แต่กล้ามเนื้อไม่ได้ใหญ่เทอะทะ ร่างกายส่วนล่างแคบและเรียวมาก เขาสวมแว่นกันแดดเรย์แบนยืนอยู่หน้าร้านสเต๊ก ดูหล่อเหลาเหมือนนายแบบโฆษณาเสื้อผ้าของอเมริกาเลย
“คุณมาที่นี่ทำไม?” ซ่งจื่อฉีประหลาดใจมากที่เห็นอี้สี่ เมื่อเขาเห็นว่าหลัวจ้งซีสวมเสื้อผ้าของเมื่อวานก็เข้าใจได้ทันที เขาถอนหายใจแล้วพูดกับหลัวจ้งซีว่า “ทำไมนายถึงต้องเอามือสกปรกของนายสอดเข้ามายุ่งในที่ของฉันด้วย ไหนจะยุ่งกับเด็กอีก”
หลัวจ้งซีหัวเราะ อี้สี่คิดว่าเดี๋ยวเขาก็จะปฏิเสธความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน แต่เขากลับไม่ทำ ในทางตรงกันข้ามเขากลับพูดกับซ่งจื่อฉีด้วยรอยยิ้มว่า “โชคชะตาไม่อาจหยุดยั้งได้”
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีประสบการณ์มากนักนะ สายตามองคนถึงไม่ดีเลย” ซ่งจื่อฉีพูดกับอี้สี่ “แต่ไหนก็มาแล้ว งั้นก็เข้าไปดูด้วยกันเถอะ”
“ฉันไม่ดีตรงไหนกัน?” หลัวจ้งซีพึมพำ
“การที่ทำตัวเ้าชู้ไปเรื่อยๆ ดีตรงไหนงั้นเหรอ?” ซ่งจื่อฉีพูดอย่างเ็า เขาผลักเปิดประตูร้านเข้าไป ทันใดนั้นเมื่อเข้าไปในสถานที่ที่มีแสงค่อนข้างสลัว ซ่งจื่อฉีจึงต้องถอดแว่นตาเรย์แบนออก อี้สี่แทบไม่ค่อยเห็นเขาตอนไม่สวมแว่นตาเลย เธอรู้สึกเหมือนว่าเขาที่ไม่ได้สวมแว่นตาจะดูเด็กลงไปห้าปี และลดความน่าเกรงขามลงไปไม่น้อย
สีภายในร้านอาหารค่อนข้างมืด ด้วยผนังใช้อิฐแดง โต๊ะทานอาหารและเคาน์เตอร์บาร์เป็สีมะฮอกกานี พื้นปูด้วยพรมสีแดงเข้มมีลวดลาย ซึ่งโทนสีดูเป็ผู้ใหญ่มาก มีคนรออยู่ที่นั่นแล้วสองคน คนหนึ่งคือผู้รับผิดชอบในการเช่าสถานที่ของร้านอาหารแห่งนี้ ส่วนอีกคนคือคุณเฉิน เป็พ่อค้าไวน์ที่เป็เ้าของงาน
หลัวจ้งซีและคุณเฉินแลกเปลี่ยนนามบัตรกันอย่างสุภาพ หลังจากพูดคุยกันอย่างสบายๆ ไม่กี่นาที พวกเขาก็ไปยังที่นั่งรับรองเพื่อเริ่มพูดคุยรายละเอียดบางส่วน คนที่รับผิดชอบการเช่าสถานที่ได้พาซ่งจื่อฉีและอี้สี่เข้าไปในครัว มีเตาสไตล์ตะวันตก เตาทอด เตาอบ และตรงกลางมีกล่องเก็บอุณหภูมิวางอยู่ ห้องครัวค่อนข้างใหญ่ คนไม่เยอะ การหมุนเวียนอากาศก็ดี ไม่มีมุมอะไร และอุปกรณ์ก็ครบครัน
“ในเมื่อคุณได้มาเห็นแล้ว ในวันนั้นคุณก็ต้องมาเป็ผู้ช่วยในครัวของผม” ซ่งจื่อฉีพูด
“ฉันเหรอคะ?” อี้สี่ชี้มาที่ตัวเองด้วยความรู้สึกใ
“มีใครอยู่ที่นี่อีกไหม? แน่นอนว่าเป็คุณ”
“แต่ทักษะของฉันไม่ดีนะ!” อี้สี่ไม่มั่นใจว่าตัวเธอจะทำอะไรได้
“ผมบอกว่าคุณทำได้ ก็ต้องทำได้” เสียงของซ่งจื่อฉีนิ่งสงบเช่นเคย อี้สี่รู้ว่าทักษะของเธอยังไม่ได้รับการยอมรับจากเขาเลย ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมไม่เป็เฉินเจี้ยนฉวินล่ะคะ?”
“ไม่มีเหตุผล พอดีว่าหลัวจ้งซีบังเอิญพาคุณมาที่นี่” เขาพูดนิ่งๆ สรุปแล้วไม่ใช่ว่าเขามั่นใจในตัวอี้สี่ แต่เขามั่นใจมากในความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ของตัวเอง อี้สี่สามารถรู้สึกได้ แต่เธอไม่ได้รู้สึกผิดหวัง เพียงแต่รู้สึกว่าเธอควรพยายามให้หนักขึ้นเพื่อคว้าโอกาสนี้ไว้
ซ่งจื่อฉีมองดูอย่างรายละเอียดรอบด้านอย่างรอบคอบ เขาดูหม้อต่างๆ บนชั้นวาง และยังมีจานชามขนาดต่างๆ เขาหยิบจานแต่ละใบออกมาแล้วมองดูราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง และในที่สุดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ จากนั้นก็ออกจากครัวไปหลังจากทำการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีก
หลัวจ้งซีดูเหมือนจะกำลังคุยรายละเอียดกับคุณเฉินอยู่ ซึ่งซ่งจื่อฉีเองก็อยากเข้าร่วมบทสนทนาด้วย ทว่าอี้สี่ไม่รู้ว่าเธอเหมาะสมที่จะฟังหรือไม่ เธอจึงถามอย่างสุภาพว่า “ฉันต้องหลบออกไปก่อนรึเปล่าคะ?” เธอต่างจากเด็กฝึกงานคนอื่นๆ ซ่งจื่อฉีชอบการวางตัวได้อย่างเหมาะสมและความสุภาพของเธอมาก
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่มาฟังด้วยกันได้ ไม่มีอะไรที่จะฟังไม่ได้” ซ่งจื่อฉีให้เธอนั่งลงด้วยกัน หลัวจ้งซีแนะนำซ่งจื่อฉีต่อคุณเฉินเป็พิเศษ บนโต๊ะมีไวน์แดงวางอยู่สามขวด ซึ่งยังไม่ได้เปิดสักขวด
“ไวน์แดงสามขวดนี้จะเสิร์ฟพร้อมกับอาหาร เนื่องจากไม่ได้จัดในร้านของเรา ผมจึงไม่อยากให้มื้ออาหารยุ่งยากซับซ้อนนัก คงต้องประมาณสี่คอร์ส มีอาหารเรียกน้ำย่อย สลัด จานหลัก และของหวาน” หลัวจ้งซีอธิบายสั้นๆ เพื่อให้ซ่งจื่อฉีทราบถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดคุยกัน
คุณเฉินพูดว่า “วันนี้ใช้เวลาสำรวจสถานที่ไม่นานเท่าไหร่ ่เวลาที่ไวน์ระเหยต้องนานกว่านี้หน่อย คุณสามารถเอาทั้งสามขวดนี้กลับไปดื่มที่ร้านได้เพื่อใช้ในการอ้างอิงการคิดเมนูอาหาร แต่ผมหวังว่าอาหารจานหลักจะเป็สเต๊ก ในแง่ของขนาดมื้ออาหารไม่จำเป็ต้องอิ่ม แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องมีไวน์สอดแทรกอยู่ ในส่วนของสไตล์อาหารก็หวังว่าจะประณีต เพราะนอกจากนักข่าวและตัวแทนจำหน่ายแล้วก็ยังมีนักวิจารณ์อาหารเข้าร่วมในงานเลี้ยงด้วย ดังนั้นผมหวังว่าในภาพถ่ายจะมีไฮไลต์”
“งานเลี้ยงมื้อค่ำจะจัดขึ้นในอีกเดือนครึ่ง พวกเรานัดชิมอาหารในอีกประมาณสองสัปดาห์ดีไหม? โดยการลองชิมอาหารจะอยู่ที่ภัตตาคารฉือเซ่อ” หลัวจ้งซีพูด ซ่งจื่อฉีหยิบขวดไวน์ขึ้นมาพลิกดูฉลาก
“ตกลง” คุณเฉินจดวันเวลาลงไปบนโทรศัพท์ของเขา
“สำหรับกำลังคนเบื้องหน้า ร้านเราจะส่งมาสามคน โดยส่วนใหญ่จะช่วยพวกเราจัดเตรียมอาหารเป็หลัก หากรู้สึกว่ากำลังคนไม่เพียงพอ ทุกตำแหน่งจะมีการบวกค่าบริการเพิ่มคนละหนึ่งพันห้าร้อยหยวน” หลัวจ้งซีพูด
“น่าจะเพียงพอแล้ว นอกจากนี้บริษัทของเราเองก็จ้างหญิงสาวสวยมาโชว์อีกด้วย” คุณเฉินพูด เขาเดินไปถึงทางเข้า ยกมือทำท่าทางพลางพูดว่า “วันนั้นป้ายแบคดรอปจะมาติดตั้งอยู่ตรงนี้”
“โลโก้ของจ่านเฟิงและฉือเซ่อของพวกเราจะอยู่บนป้ายแบคดรอปไหมครับ?” หลัวจ้งซีถาม
“แน่นอน” คุณเฉินเปิดภาพบนไอแพดของเขา ชี้ไปที่มุมขวาล่างของป้ายแบคดรอป แล้วพูดว่า “จะอยู่บริเวณนี้ ขนาดประมาณยี่สิบคูณสิบห้าเิเ เดี๋ยวเราจะติดต่อบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ของบริษัทคุณไปเพื่อขอไฟล์ภาพ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้ฝ่ายศิลป์ของเราติดต่อคุณเลย” หลัวจ้งซีเอ่ยอย่างสุภาพ
คุณเฉินเดินไปตรงทางเดินกลางระหว่างที่นั่งลูกค้าแล้วพูดว่า “ตรงนี้ยังมีที่ว่างอยู่ ในเวลานั้นเราจะเชิญเ้าของโรงกลั่นไวน์มาพูดสักสองสามประโยค จากนั้นก็จะเชิญเชฟซ่งขึ้นมาบนเวทีด้วย”
“โอเค เดี๋ยวผมจะจดสรุปให้เชฟซ่งคอยดูอย่างละเอียด” หลัวจ้งซีหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วจดบันทึกพิเศษ
อี้สี่เคยเห็นเพียงหลัวจ้งซีที่ทำงานนอกสนามเท่านั้น แต่ไม่เคยเห็นเขาทำงานด้านนี้เลย เธอจึงรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าเขาค่อนข้างมีหัวด้านธุรกิจ เธอชอบที่จะได้เห็นเขาที่ทำงานอย่างจริงจังมาก เวลาที่เขาจริงจังเขาดูเซ็กซี่มากกว่ารูปลักษณ์ที่ดูขี้เล่นของเขามาก
จุดสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการสำรวจสถานที่ระหว่างทั้งสองฝ่าย สิ่งสำคัญก็คือการมาดูสถานที่ พวกเขาดูสถานที่เป็หลัก และไม่ได้วางแผนที่จะใช้เวลามากเกินไป หลังจากทำเครื่องหมายรายละเอียดต่างๆ อย่างละเอียดแล้ว ทั้งสี่คนก็เดินมาถึงประตู หลัวจ้งซีกล่าวคำอำลากับคุณเฉินอย่างสุภาพนอบน้อม
หลังจากที่คุณเฉินจากไปแล้ว ซ่งจื่อฉีก็แสดงสีหน้าเหนื่อยล้าออกมา
“ก็แค่มาดูสถานที่จัดงาน เหนื่อยมากเลยเหรอ?” หลัวจ้งซีพูด
“ตอนนี้อยู่ใน่วันหยุด ก้ำๆ กึ่งๆ มันค่อนข้างน่ารำคาญ” ซ่งจื่อฉีถอนหายใจ แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องแสงสว่างเจิดจ้า เขาจึงสวมแว่นตากันแดดเพื่อปกปิดสีหน้าเหนื่อยล้า “นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น หลายครั้งที่ฉันอิจฉานาย แต่วันนี้ฉันอิจฉานายเป็พิเศษ จะว่างอะไรขนาดนั้น”
“จะร้อนตายเหรอ?” หลัวจ้งซีพูดหยอกเขา
“เหนื่อยใจ” เขายิ้มอย่างขมขื่น หายากที่ซ่งจื่อฉีจะฝืนยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรไม่ถูก แล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ และพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูด
ซ่งจื่อฉีเปลี่ยนหัวข้อ ถามว่า “งบประมาณต่อคนสำหรับงานเลี้ยงอยู่ที่เท่าไร?”
“หนึ่งพันห้าร้อยขึ้นไป จำนวนคนโดยประมาณคือสี่สิบคน” หลัวจ้งซีพูด
“น้อยจริงๆ!” เขาพูด
อี้สี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฉันคิดว่ามันสมเหตุสมผลนะคะ”
“ถ้าทานอาหารในร้านอาหารก็อาจจะสมเหตุสมผล แต่ถ้าเป็อาหารงานจัดเลี้ยง ต้องใช้คนเยอะมาก และก็มีตั้งสี่คอร์ส ซึ่งสเต๊กเป็อาหารจานหลัก ด้วยงบประมาณเพียงเล็กน้อย อัตรากำไรของเราก็ต้องต่ำมาก” ซ่งจื่อฉีอธิบายให้อี้สี่ฟังอย่างจริงจัง
“เนื่องจากเป็การจัดงานร่วมกันจึงจะประทับชื่อร้านร่วมกัน ราคาจึงไม่สูงนัก เราไม่สามารถมองแค่ว่าเราสร้างรายได้จากงานนี้ได้มากเท่าไหร่ เพราะมันเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการโปรโมตครั้งนี้ ซึ่งพวกเราก็ยัง้าเงินจำนวนมากสำหรับการโปรโมต” หลัวจ้งซีเองก็บอกกับอี้สี่อย่างละเอียด มันเป็บทเรียนอีกบทเรียนหนึ่ง ซึ่งอี้สี่ก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
“กินมื้อเที่ยงแล้วหรือยัง? นายกำลังรออะไรอยู่อีก?” หลัวจ้งซีค่อนข้างห่วงใยซ่งจื่อฉี
“ฉันจะไม่รบกวน่เวลาของพวกนายแล้ว” เขาพูดกับหลัวจ้งซี “อย่ารังแกเด็กของฉันล่ะ! ถ้ามีคนออกจากงานโดยไม่มีเหตุผล ฉันจะมาเอาเื่นาย”
พวกเขาทั้งสามยืนพูดคุยกันอยู่ที่ประตูร้านอาหาร ต่อมาก็รถสปอร์ตสวยมากคันหนึ่งก็ขับเข้ามา และซ่งจื่อฉีก็เดินไปขึ้นรถแล้วจากไป เมื่อมองจากภายนอกน่าจะเป็ไหลลาที่เป็คนขับ อี้สี่ที่ยังคงสับสนจึงเอ่ยถามว่า “พวกเขาคบกันเหรอคะ?” เธอค่อนข้างพอจะรู้สึกได้ว่าซ่งจื่อฉีและไหลลาดูเหมือนไม่ได้มีความสุขเลย
หลัวจ้งซีหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนี้ เขาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับซ่งจื่อฉีมากนัก ราวกับว่าเขากำลังปกป้องน้องชายของเขา รู้สึกเหมือนว่าความรักที่เขามีต่อซ่งจื่อฉีนั้นบริสุทธิ์ยิ่งกว่าของอี้สี่เสียอีก “ฉันคิดว่าคุณค่อนข้างรักซ่งจื่อฉีมากเลยนะ ส่วนฉันเนี่ย ใช้คำว่ารักได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย” อี้สี่พูดอย่างติดตลกเล็กน้อย
“ไร้สาระ ผมก็มีความรักให้คุณ ไม่อย่างนั้นผมจะทำแบบนี้ไปทำไมกัน” หลัวจ้งซีดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขน
“น่าเบื่อ!” อี้สี่บิดตัวหนีผละออกจากอ้อมแขนของเขา ทั้งสองหยอกเย้ากันเหมือนคู่รักวัยรุ่น แม้ว่าหลัวจ้งซีจะอายุมากแล้วก็ตาม
“วันหยุดคุณอยากจะทำอะไรเหรอ?” เขาถาม
“แค่อยากนอนอยู่ที่บ้าน” อี้สี่แค่อยากจะนอนต่อจริงๆ เดิมทีเธออยากจะกลับไปนอนหลังจากกินบะหมี่เสร็จแล้ว
“ผมจะกลับไปพร้อมกับคุณด้วย”
“ไม่เอา” จะเกิดเื่ดีๆ ขึ้นเหรอไง อี้สี่คิด
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่ที่หนึ่งเป็เพื่อนผมหน่อย ไม่ไกลมาก เดินไปแป๊บหนึ่งก็ถึงแล้ว” หลัวจ้งซีพูด
อี้สี่ตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้