“ใช่แล้วศิษย์พี่ฉู่เฟิงก็ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้แต่ดูคนแต่ไหนแต่ไรก็ถือตัวว่าอยู่สูงดูถูกคนรอบข้าง สายตามีแต่ความดูแคลนศิษย์พี่ฉู่เฟิงไปที่ใด ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่นั่นก็ต้องระแวดระวังหายใจแรงยังไม่กล้า ไหนเลยจะเหมือนศิษย์น้องหวง ไม่มีวางท่าสักนิดอยู่กับศิษย์น้องหวงไม่มีกดดันแม้แต่น้อย”
ซุนอี้ชิวพูดอย่างตื่นเต้นมองออกได้ว่าเขานับถือเสวียนเทียนอยู่มาก
กู้เชียนโหรววิเคราะห์ว่า “ศิษย์พี่ฉู่เฟิงเริ่มฝึกฝนก็ก้าวหน้าเกินคนธรรมดาอายุสิบสามก้าวขึ้นชั้นเบิกนภา อายุสิบห้าเหยียบชั้นเบิกนภาขั้นสาม บรรลุจิตกระบี่ในด้านการฝึกฝนล้ำหน้ากว่าศิษย์น้องหวงไม่น้อยในวันข้างหน้าคงก้าวข้ามผู้าุโในสำนักใน กลายเป็จอมยุทธ์ชั้นปฐีไม่มีศิษย์คนใดเทียบเขาได้ ก็ไม่แปลกที่เขาจะหยิ่งยโสศิษย์น้องหวงจากศิษย์สำนักนอก ก้าวทีละก้าวๆ มาช้าๆสิ่งที่ประสบมาทั้งหลายล้วนเป็สิ่งที่ศิษย์พี่ฉู่เฟิงไม่มีบวกกับศิษย์น้องหวงไม่ชอบเด่นดัง นิสัยเก็บตัว สองคนเทียบกัน ย่อมแตกต่างกันมาก”
ซุนอี้ชิวเอ่ย “อย่างไรก็เป็ศิษย์น้องหวงดูแล้วน่านับถือมากกว่า”
เฟิงปู๋จื้อพูดขึ้น “ศิษย์น้องหวงไม่คิดเด่นดังคิดอยากเก็บตัวเงียบ เกรงว่าจะเป็ไปไม่ได้แล้ว”
“ทำไมล่ะ?” กู้เชียนโหรวกับซุนอี้ชิวหันไปมองเฟิงปู๋จื้อ
เฟิงปู๋จื้อตอบ “พวกเ้าลืมหอกระบี่แล้วหรือ?”
ฉับพลัน สองคนก็คิดขึ้นมาได้ ซุนอี้ชิวเอ่ยว่า “ก่อนกลายเป็ศิษย์สำนักในต้องผ่านการทดสอบก่อนการทดสอบก็คือผ่านหอกระบี่ ศิษย์น้องหวงสังหารมือกระบี่เงาผีได้คงผ่านชั้นที่สองได้ไม่มีปัญหา ถึงตอนนั้น ศิษย์ในคนใหม่อยู่ดีๆ โผล่ขึ้นมาในชั้นที่สองของการจัดอันดับศิษย์สำนักในไม่อยากเป็เื่ครึกโครมก็ยากแล้ว”
......
หอกระบี่เป็อาคารสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของสำนักกระบี่์ตั้งอยู่ที่ยอดเขากระบี่์ยอดเขาหลักของสำนัก อยู่ตรงกลางลานกระบี่์หน้าตำหนักกระบี่์
หอกระบี่แบ่งเป็เจ็ดชั้น สูงถึงร้อยเมตร กว้างประมาณสามสิบเมตร
ศิษย์ที่ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาจากสำนักนอกจะเข้าสู่สำนักในก่อนจะกลายเป็ศิษย์สำนักในต้องเข้ารับการทดสอบเสียก่อน
ศิษย์สำนักใน ศิษย์หลัก ผู้าุโสำนักนอกผู้าุโสำนักใน ทั้งหมดล้วนต้องทำการทดสอบที่หอกระบี่
ศิษย์สำนักนอกแบ่งเป็ศิษย์ชั้นสูงกับศิษย์ธรรมดาทุกปีจัดการแข่งขันจัดอันดับกำหนดลำดับความสามารถของศิษย์เป้าหมายก็เพื่อให้เกิดการแข่งขันในบรรดาศิษย์สำนักนอก แข่งขันกันก้าวหน้า
เมื่อกลายเป็ศิษย์สำนักใน เพราะเป็กำลังหลักของสำนักการสอบวัดความสามารถศิษย์สำนักในของสำนักจึงยิ่งสำคัญขึ้น
ดังนั้น รายชื่อของศิษย์สำนักในทุกคนจะถูกติดไว้บนกำแพงชั้นหนึ่งด้านนอกหอกระบี่ตรงข้ามกับตำหนักกระบี่์
รายชื่อศิษย์สำนักในไล่ตามชั้นของหอกระบี่ที่ผ่าน แบ่งออกเป็สี่ขั้น
ไม่ผ่านชั้นที่หนึ่งของหอกระบี่์ถึงพลังวัตรจะก้าวสู่ชั้นเบิกนภาเป็ศิษย์สำนักในแต่ในรายชื่อย่อมต่ำที่สุดในสี่ขั้น เป็ขั้นที่สี่
ผ่านชั้นที่หนึ่งของหอกระบี่ ไม่ผ่านชั้นที่สองรายชื่ออยู่เหนือจากขั้นที่สี่ เป็ขั้นที่สาม
ผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ ไม่ผ่านชั้นที่สามรายชื่ออยู่เหนือจากขั้นที่สาม เป็ขั้นที่สอง
ผ่านชั้นที่สาม รายชื่ออยู่เหนือขั้นที่สองเป็ขั้นที่หนึ่ง
ส่วนหอกระบี่ชั้นที่สี่ถึงชั้นที่หกเป็สนามสอบของศิษย์หลักรวมถึงผู้าุโสำนักนอก ศิษย์สำนักในผ่านชั้นที่สามก็นับว่าสูงสุดแล้ว
หอกระบี่มีเจ็ดชั้น แต่ละชั้นสอดรับกับพลังชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งถึงเจ็ดพลังวัตรอยู่ชั้นไหนผ่านชั้นนั้นได้ไม่ยากแต่มีศิษย์บางส่วนที่พลังวัตรบรรลุถึงแล้ว แต่ฝีมือการต่อสู้ไม่ถึงขั้นจำต้องผ่านการฝึกฝน่หนึ่งก่อนถึงจะผ่านได้
เสวียนเทียนกลับมาถึงสำนักกระบี่์ก่อนอื่นก็ไปพบหน้าหวงสือ สามเดือนที่ไม่ได้พบกันพลังวัตรของหวงสือก้าวขึ้นชั้นวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว เมื่อมียาควบปราณให้เขาฝึกฝนเพียงพอศักยภาพในร่างของหวงสือก็ค่อยๆ เผยออกมาพลังวัตรบรรลุถึงขีดสุดของชั้นวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดห่างจากการทะลุสู่ขั้นแปดไม่ไกลแล้ว
หลังจากนั้นเสวียนเทียนก็ไปรายงานตัวกับตำหนักระเบียนสำนักนอกเตรียมเข้าสู่สำนักใน
การทดสอบศิษย์ใหม่ขึ้นชั้นสำนักในไม่ได้จัดตลอดเวลาแต่มีวันกำหนดไว้ ทุกกลางเดือนแรกของฤดูกาลจะมีการทดสอบศิษย์ใหม่ขึ้นชั้นสำนักในครั้งหนึ่งเสวียนเทียนกลับบ้านไปสามเดือนกว่า ครั้งนี้กลับสำนักกระบี่์ตอนกลางเดือนสี่พอดีอีกเจ็ดวันให้หลังก็คือวันทดสอบ
นี่เป็การทดสอบศิษย์สำนักในครั้งที่สองหลังการแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกครั้งที่หนึ่งคือกลางเดือนหนึ่ง แต่เวลานั้นศิษย์สำนักนอกยังไม่มีใครทะลุขึ้นชั้นเบิกนภาเวลาสามเดือนกลับมีสี่คนที่เลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภา
นั่นก็คือหยางติ่งจวิน ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่ง หม่าเทา รวมกับเสวียนเทียนทั้งหมดห้าคนจะเข้าร่วมการทดสอบอีกเจ็ดวันให้หลังพร้อมกัน
ข่าวเื่เสวียนเทียนกลับสำนักกระบี่์พลังวัตรเลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแล้วกำลังจะเข้าร่วมการทดสอบศิษย์สำนักในราวกับติดปีกบินกระจายไปทั้งสำนักนอก ถึงเสวียนเทียนจะจากสำนักไปสามเดือนแต่เื่เล่าการคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกของเขาก็ยังคงถูกสรรเสริญในหมู่ศิษย์สำนักนอกตอนนี้ประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับเสวียนเทียนยิ่งร้อนแรงมากกว่าเดิม
เวลาเพียงแค่สามเดือน จากชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเื่นี้ถูกศิษย์สำนักนอกมองเป็ตำนานไปแล้ว
เจ็ดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เสวียนเทียนมาถึงตำหนักระเบียนของสำนักนอกแล้ว
หยางติ่งจวิน ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งหม่าเทาทั้งสี่คนมาถึงก่อนเสวียนเทียนก้าวหนึ่ง เมื่อเห็นเสวียนเทียนเข้ามาสายตาของทั้งสี่ก็ตวัดไปมองอย่างพร้อมเพรียง
สายตาของทั้งสี่คนล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่มียกเว้นที่ต่างออกไปคือในสายตาของหลินอู๋อิ่งกับหม่าเทามีแววนับถือไป๋จั่นเฮ่อมีแต่ความประหลาดใจล้วนๆ หยางติ่งจวินแฝงแววคับแค้น
“สามเดือนไม่พบศิษย์พี่หวงทำให้ข้าตกตะลึงยกใหญ่ ดูแล้วหลังศิษย์พี่หวงเข้าสำนักในไปก็คงมีชื่อเสียงไม่จบสิ้น”หลินอู๋อิ่งหันไปหาเสวียนเทียนแล้วยิ้มแย้มพลางพูดขึ้นทั้งสองประมือกันมาก่อนในงานแข่งขันจัดอันดับ นับว่ารู้จักคุ้นเคยกันดี
เสวียนเทียนยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยว่า “ศิษย์น้องหลินก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาเพลงกระบี่ในมือคงเร็วขึ้นจนไร้ขอบเขตแล้ว”
ไป๋จั่นเฮ่อกับหม่าเทามองเสวียนเทียนแล้วก็ยิ้มทักทายอย่างมีไมตรี เสวียนเทียนก็ยิ้มน้อยๆ พลางตอบกลับไป
หลินอู่อิ่งดูอับอาย พูดว่า “เทียบกับศิษย์พี่หวงอู๋อิ่งรู้กำลังของตัวเองดี ไม่ทราบว่าศิษย์พี่หวงจะผ่านชั้นที่สองของหอกระบี่ได้หรือไม่?”
เสวียนเทียนเดินไปข้างหลินอู๋อิ่ง ตอบว่า “จะลองพยายามดู”
“ฮึ!”
หยางติ่งจวินแค่นเสียงเบาๆ เอ่ยว่า “หวงเทียนปราณหยางเก้าแปรพิสดารของข้าฝึกฝนถึงขั้นสองแล้ว ขึ้นชั้นเบิกนภาได้เ้าก็ไม่ใช่คู่มือของข้าการทดสอบในหอกระบี่ ข้าจะให้เ้าได้รู้ ความห่างชั้นระหว่างข้ากับเ้า ฮึๆ!”
‘ปราณหยางเก้าแปรพิสดาร’ เป็วิชาปราณชั้นนิลเลื่องชื่อชนิดหนึ่งของสำนักกระบี่์เป็วิชาปราณชั้นนิลที่หลังฝึกฝนปราณหยางบริสุทธ์ถึงขั้นบรรลุสมบูรณ์เหมาะสมจะฝึกฝนที่สุด
ปราณหยางเก้าแปรพิสดารทั้งหมดมีสิบสองขั้น่แรกมีสี่ขั้นเป็ชั้นนิลขั้นต้น ่กลางมีสี่ขั้นเป็ชั้นนิลขั้นกลาง และ่ปลายอีกสี่ขั้นเป็ชั้นนิลขั้นสูง
โดยคุณสมบัติแล้วปราณหยางเก้าแปรพิสดารเป็วิชาปราณชั้นนิลขั้นสูงเพียงแต่ระดับชั้นของ่แรกค่อนข้างต่ำ ดังนั้น พลังเทียบกับวิชาปราณชั้นเดียวกันจึงแข็งแกร่งกว่ากันอยู่มากเหมือนกับปราณหยางบริสุทธิ์ในชั้นทองขั้นสูงที่เป็ระดับสุดยอด
หยางติ่งจวินฝึกฝนปราณหยางเก้าแปรพิสดารจนถึงขั้นสองแม้มีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง แต่ปราณแท้เบิกนภาลึกล้ำ ไม่อ่อนแอไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองแม้แต่นิดพลังทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองแล้ว
ไป๋จั่นเฮ่อกับคนอื่นๆ มองหยางติ่งจวินทีหนึ่งดวงตาล้วนมีแต่ความตะลึง เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าหยางติ่งจวินก้าวขึ้นชั้นเบิกนภา ไม่ถึงสามเดือนก็ฝึกฝน ‘ปราณหยางเก้าแปรพิสดาร’ ได้จนถึงขั้นที่สองแล้ว
ดูแล้วหยางติ่งจวินเมื่อถึงชั้นเบิกนภาก็ยังคงต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้นามอันดับหนึ่งสำนักนอกในวันวาน ชื่อเสียงไม่ใช่ของปลอมแต่อย่างใด
“ไม่รู้ว่าหวงเทียนเมื่อถึงชั้นเบิกนภาแล้วจะชนะหยางติ่งจวินได้หรือไม่?ทั้งสองคนน่ากลัวขนาดนั้น” ไป๋จั่วเฮ่อหลินอู๋อิ่ง หม่าเทาในใจคิดขึ้น
เสวียนเทียนยิ้มน้อยๆกับคำท้าทายของหยางติ่งจวิน เขาไม่สนใจ
เห็นปฏิกิริยาของเสวียนเทียน หยางติ่งจวินรู้สึกเหมือนกำปั้นชกเข้าบนปุยนุ่นไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก กำลังจะพูดอะไรสักอย่างหูอีิรองเ้าตำหนักของตำหนักระเบียนก็เดินออกมา
สายตาของหูอีิกวาดมองทั้งห้าคนทีหนึ่งเอ่ยว่า “ั้แ่วันนี้เป็ต้นไปพวกเ้าล้วนเป็ศิษย์ในของสำนักเรา ตามข้ามาจะนำพวกเ้าไปรายงานตัวที่ตำหนักระเบียนสำนักใน”
พวกเสวียนเทียนทั้งห้าคนตามหูอีิมาที่ตำหนักระเบียนสำนักในหลังจากลงทะเบียนเสร็จ หูอีิก็กลับสำนักนอกไปหม่าเจินหรูผู้าุโของตำหนักระเบียนสำนักใน นำพวกเสวียนเทียนมายังหอกระบี่กลางลานกว้างบนยอดเขากระบี่์
ลานกระบี่์กว้างขวางเป็อย่างมากกว้างยาวราวสองร้อยเมตร หอกระบี่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางลานสูงร้อยเมตร ดูใหญ่โตอลังการ
ประตูใหญ่ของหอกระบี่หันไปทางทิศตะวันออกของลานกว้างเหนือประตูใหญ่บนป้ายไม้มโหฬารสลักตัวหนังสือตัวโตราวสิบเมตรไว้สองคำ...หอกระบี่
ลายเส้นกล้าแกร่งมีพลังคมมีดคมดาบที่แกะสลักราวกับัเหินนาคาล่อง คมกระบี่อบอวลในอากาศมองคราหนึ่งก็ทำให้คนรู้สึกถึงกลิ่นอายพลุ่งพล่าน ราวกับกระบี่นับหมื่นกำลังเริงระบำ
เสวียนเทียนมองตัวอักษรหอกระบี่สองคำ ในใจก็คิด “คนที่สลักอักษรทั้งสองคำต้องเป็จอมยุทธ์มือกระบี่ชั้นปฐีเป็แน่จิตกระบี่เนิ่นนานยังไม่เลือนราง เกรงว่าอย่างน้อยก็คงเป็ขั้นหกขึ้นไป”
หม่าเจินหรูยืนอยู่บนบันไดหน้าประตูของหอกระบี่เอ่ยว่า “ในหอกระบี่ทุกชั้นล้วนเป็ทางเดินกว้างสิบเมตรยาวยี่สิบเมตรเส้นหนึ่ง ตรงทางเดินมีหุ่นพลกระบี่อยู่สามตัวล้วนมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาระดับพลังกับชั้นในหอเท่ากัน ความสามารถเทียบเท่ากับระดับกลางของระดับชั้นพลังนั้นการทดสอบของพวกเ้าคือผ่านการโจมตีของหุ่นพลกระบี่ทั้งสามไปถึงอีกฝั่งของทางเดินให้ได้ ต่อให้ไม่ผ่านด่าน จงอย่าเอาชีวิตเข้าแลกหุ่นพลกระบี่ไม่มีความคิดจิตใจ พวกมันออมมือไม่เป็ เข้าใจหรือไม่? ”
“เข้าใจแล้วขอรับ!” ทั้งห้าตอบพร้อมเพรียง
“ตามข้าเข้ามา!”
หม่าเจินหรูหมุนตัวมาถึงหน้าประตูใหญ่ของหอกระบี่ ฝ่ามือออกแรงผลัก ประตูใหญ่ก็เปิดออกอย่างช้าๆ
พวกเสวียนเทียนทั้งห้าคนติดตามหม่าเจินหรูเข้าไปในหอกระบี่
เข้ามาในหอกระบี่ก็เป็พื้นที่โล่งซ้ายขวาราวยี่สิบเมตรหน้าหลังราวห้าเมตร ด้านหน้าห่างไปห้าเมตร ซ้ายขวามีกำแพงสองฝั่งตั้งอยู่เชื่อมต่อกับส่วนหัวของชั้นที่หนึ่ง ระหว่างกำแพงทั้งสองคือทางเดินกว้างสิบเมตรยาวยี่สิบเมตรเส้นหนึ่ง
กลางทางเดินมีหุ่นพลกระบี่สีดำสูงราวหนึ่งเมตรแปดสิบยืนอยู่สามตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้า ประมาณห้าเมตรหลังเข้าไปในทางเดิน อีกสองตัวยืนเรียงไปข้างหลังตรงจุดที่เข้าไปในทางเดินราวสิบห้าเมตร
ชั้นที่หนึ่ง ที่ด้านซ้ายขวาสองข้างแต่ละฝั่งมีทางเดินกว้างห้าเมตรเส้นหนึ่งทอดยาวอยู่ สามารถไปถึงอีกด้านหนึ่งได้แต่ยามทดสอบย่อมไม่ใช่การเดินผ่านเส้นทางอันปลอดภัยทั้งซ้ายขวานี้แต่ต้องผ่านทางเดินตรงกลางที่หุ่นพลกระบี่กั้นขวางไว้ไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้