“ตาบ้า มาซะช้าขนาดนี้ ฉันจะนอนแล้ว นายกลับไปเถอะ” เมื่อซุนหลิงหลิงได้ยินเสียงอันคุ้นเคยเธอก็พลันดีใจขึ้นมา จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างโมโห
“งั้นเรามานอนด้วยกันเถอะ” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็กอดซุนหลิงหลิงเอาไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็จุมพิตที่ริมฝีปากของซุนหลิงหลิงไม่นาน ร่างกายของซุนหลิงหลิงก็อ่อนยวบ จากนั้นทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยเสียงหอบหายใจแน่นอนว่าครั้งนี้กัวไฮว่ก็รอบคอบโดยการทำให้ทั้งห้องนี้เก็บเสียงเอาไว้
“หลิงหลิง ในสายเธอบอกว่าคนของตระกูลซย่าโหวมาถึงอู่เฉิงแล้วข่าวนี่เชื่อถือได้ไหม อย่างอื่นฉันไม่กังวลหรอกนะขอแค่ไม่มาวุ่นวายวันที่พี่เปิดกิจการก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฉันก็ได้ยินมาจากคุณปู่ คุณปู่รู้เื่ของเราสองคนแล้วล่ะ” ซุนหลิงหลิงพูดด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
“ดูท่าฉันต้องหาเวลาไปไหว้คุณปู่หน่อยแล้วล่ะแล้วก็เตรียมสินสอดไว้ขอเธอแต่งเข้าบ้าน ไม่งั้นคงต้องมาที่แบบนี้อีกอย่างกับมาแอบคบชู้” กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างไม่กังวลแม้แต่น้อย
“ดีที่คุณปู่รู้จักชื่อนายหลังจากการแข่งวิชาการสิ้นสุดลงไม่งั้นถ้าปู่ได้ยินชื่อสี่ตัวอันตรายตัวอสรพิษเข้าตอนนี้ศพนายได้จมอยู่ในคูเมืองแน่” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ
“ถ้าโยนฉันลงคูเมือง ใครจะมานอนเป็เพื่อนเธอล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางโอบซุนหลิงหลิงเอาไว้พร้อมทั้งจูบแรงๆ ทีหนึ่ง
“ตาบ้า” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยความเขินอาย “ตระกูลหัวซย่ามีอิทธิพลในเมืองหลวงไม่น้อยเลย คราวนี้มากันสี่คนจากที่คุณปู่บอกเป็ผู้บำเพ็ญเพียรสองคน ถึงขั้นเซียนเทียนแล้วด้วยคุณปู่ให้ฉันบอกนายแบบนี้”
“ยอดฝีแดนเซียนเทียน น่าสนใจนี่ ให้พวกเขามาเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “หลิงหลิง เวลาเป็เงินเป็ทองเราอย่ามัวแต่พูดถึงปัญหาจู้จี้จุกจิกนี่เลย” จากนั้นทั้งสองก็ทำเื่สนุกๆกันอีกครั้งหนึ่ง
“เธอพกป้ายห้อยนี่เอาไว้นะ ส่วนที่เหลือเธอเอาไปให้พวกเสี่ยวซีคนละอันนะถ้าคนของตระกูลซย่าโหวมาหาพวกเธอก็บอกที่อยู่ของฉันกับพวกมัน เดี๋ยวฉันจัดการเอง” กัวไฮว่พูดพลางมอบป้ายหยกแก่ซุนหลิงหลิงบนป้ายหยกทุกอันมีตัวอักษรเขียนเอาไว้บนป้ายหยกของซุนหลิงหลิงเขียนอักษรคำว่าซุนเอาไว้
“นายไม่เอาไปให้พวกเขาเองเหรอ ถ้าฉันเอาไปให้เดี๋ยวพวกเขาจะหึงเอานะ” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ
“อันที่จริงจะให้พวกเขาวันเสาร์ แต่ว่าตอนนี้จัดการหลายเื่ไม่ไหวเธอเอาไปให้พวกเขาเถอะ เขตแดนเซียนเทียนหวังว่าจะเป็อย่างเขตแดนเซียนเทียนหน่อยนะ” กัวไฮว่หรี่ตาพร้อมกับพูดขึ้น
เป็เวลาหกโมงเช้า กัวไฮว่ค่อยๆ จูบซุนหลิงหลิงที่กำลังนอนหลับอยู่จากนั้นก็ขี่กระบี่กลับไปยังที่พักตระกูลกัวทำเอาทั้งหัวซย่าสะท้านะเืกันอีกระลอกหนึ่ง
“ตาบ้า กลับมาแล้วเหรอ สุดยอดเลยนะเนี่ยขี่กระบี่มาด้วยแสดงว่าที่ไปจีบสาวมาคราวนี้ได้ผล” เพิ่งจะมาถึงบ้านได้ไม่นานอวี้เอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“แค่กๆ ตื่นแล้วเหรอเมียหลวง ไม่นอนต่อสักหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้วไปนั่งข้างๆ อวี้เอ๋อร์
“ตาม้าพ่อพันธุ์!” อวี้เอ๋อร์ก่นด่าอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ “วันนี้ไปเป็เพื่อนฉันเดินเล่นเลยนะ ไม่งั้นพี่ได้ซวยแน่”
“วันนี้มีเื่ต้องทำ เธอกลับไปเยี่ยมคุณปู่ที่บ้านให้ฉันไปบอกเขาเื่ที่พวกเราเปิดคลินิกหน่อยสิ”
“พี่หาทางส่งของพวกนี้ไปให้เจี่ยหยวนเถอะแล้วก็ไม่ต้องใช้แหวนที่เก็บไว้ของพี่วงนั้นแล้วล่ะเปลี่ยนของไปเยอะในเวลาไม่นานแบบนี้ เดี๋ยวคนนอกเขาจะใเอา” อวี้เอ๋อร์ชี้ไปที่เฟอร์นิเจอร์หลากหลายชนิดในบ้านพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“อวี้เอ๋อร์เมียรักคิดรอบคอบจริงๆ มา มาให้จุ๊บหน่อย พี่จะให้รางวัลเธอ” กัวไฮว่พูดพลางยู่ปากไปหา
“ให้ตาย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยนะ เดี๋ยวตอนบ่ายๆฉันจะไปเล่นไพ่นกกระจอกที่สมาคมไพ่นกกระจอก” อวี้เอ๋อร์พูดพลางผลักกัวไฮว่ไป
“เล่นไพ่นกกระจอกที่สมาคมไพ่นกกระจอกถ้าพี่เธอรู้เข้าเธอว่าเขาจะมีท่าทียังไง” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าอึมครึมจากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้อง
“พี่บอกเองนี่ว่าชีวิตร้อยปีแดนมนุษย์ อยากเล่นสนุกอย่างไรก็อย่างนั้น” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “ไม่แน่ว่าผ่านไปสักพักหนึ่งพี่เขาอาจจะให้ฉันกลับไปถึงตอนนั้นอยากเล่นแบบนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ”
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงกัวไฮว่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็ไปรับประทานอาหารเช้ากันจากนั้นก็ขับรถออฟโรดบึ่งตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลกัว
“เด็กบ้า จะมาก็ไม่บอกก่อนเลยนะ แกกับยายหนูพักผ่อนกันก่อน เดี๋ยวฉันจะไปทำของอร่อยๆให้พวกเธอ” เมื่อกัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์กลับมาบ้านคนที่มีความสุขย่อมต้องเป็นายหญิงใหญ่เธอรีบวิ่งเข้าไปในครัวโดยไม่ฟังที่กัวไฮว่โน้มน้าวเลย
“อวี้เอ๋อร์มาแล้วเหรอ” เขามองอวี้เอ๋อร์พร้อมกับพูดขึ้นกัวเจิ้งหยางกลับมาจากข้างนอกโดยไม่ได้หันไปมองกัวไฮว่ “เด็กบ้า ลาออกเหรอ เื่ใหญ่แบบนี้ไม่รู้จักบอกฉันสักคำ”
“ตาแก่ กว่าหลานจะกลับมา แกทำอะไรของแกเนี่ย ก็แค่ลาออกเองไม่ใช่เหรออันที่จริงเข้าเรียนก็ไม่เห็นจะสนุกอะไรเลยฉันว่าเด็กพวกนั้นน่ะยังสู้หลานเราไม่ได้เลย” นายหญิงพูดยิ้มๆ
“เป็เพราะฉันให้ท้ายแก” กัวเจิ้งหยางพูดขึ้นจากนั้นเมื่อเขาเห็นว่านายหญิงโผล่หน้าเข้ามาก็เงียบโดยทันที “ไอ้หนู ตามฉันมาที่ห้องหนังสือฉันมีเื่จะคุยกับแก ยายหนูอวี้เอ๋อร์เธอเดินเล่นในบ้านก่อนนะ มีอะไรก็บอกยายแก่ได้”
“ตาไฮว่ ่นี้ฉันอยากให้แกไปอยู่ทางใต้สักพักหนึ่งฉันติดต่อปู่เหวินเซวียนของแกไว้เรียบร้อยแล้ว แกไปอยู่กับเขาสักปีนึงนะ” กัวเจิ้งหยางเองก็ไม่ได้อ้อมค้อม เขาพูดขึ้นตรงๆ
“ปู่ก็รู้เื่ตระกูลซย่าโหวแล้วเหรอครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ซย่าโหวเทียนตายไปแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย”
“ตามฉันเข้ามา” กัวเจิ้งหยางส่ายศีรษะพลางกดปุ่มที่อยู่บนโต๊ะหนังสือจากนั้นก็มีห้องเล็กๆ ปรากฏขึ้นในห้องหนังสือ ทำเอากัวไฮว่ใในความทรงเดิมเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับห้องขนาดเล็กนี่คุณปู่ปิดได้มิดใช้ได้เลยนะนี่
“ซย่าโหวหย่วน ให้เสี่ยวเทียนลงทะเบียนผู้มีพลังวิเศษให้เขาอยู่ในกลุ่มผู้มีพลังวิเศษแต่โดยดีเขาเรียนกับพวกผู้าุโไปได้สักพักแต่แกก็ไม่ฟังตอนนี้เกิดเื่มากมายแกจะให้กลุ่มผู้มีพลังวิเศษของเราทำยังไง” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดขึ้นกับซย่าโหวหย่วน ผู้นำตระกูลซย่าโหว
“จางจงเฉิง เื่นี้ตระกูลซย่าโหวของเราผิดเองแต่ไม่ว่ายังไงเสี่ยวเทียนก็ไม่สมควรตาย คุณก็รู้ความสามารถของเสี่ยวเทียนดีนี่คนธรรรมดาๆ ไม่มีทางทำร้ายเขาได้แน่ คนที่ทำร้ายของต้องเป็ผู้มีพลังวิเศษเื่นี้ให้สมาคมผู้มีพลังวิเศษของพวกคุณจัดการเถอะ” ซย่าโหวหย่วนพูดด้วยเสียงดัง
สามวันก่อน ซย่าโหวเทียนถูกส่งจากเมืองอู่เฉิงกลับไปยังเมืองหลวงซย่าโหวหย่วนคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าหลานชายผู้แสนจะน่าภาคภูมิใจของตนไปเมืองอู่เฉิงแค่ครั้งเดียวกลับมีสภาพเช่นนี้ได้ซย่าโหวหย่วนเชิญหมอชื่อดังที่จะสามารถเชิญมาได้ทุกคน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจรักษาชีวิตของซย่าโหวเทียนเอาไว้ได้จึงจำต้องติดต่อคนจากกลุ่มผู้มีพลังวิเศษหัวซย่า
“จะให้พวกเราจัดการเหรอ มีอะไรให้จัดการอีกล่ะคนที่เอาหัวเสี่ยวเทียนได้หรืออัดเสี่ยวเทียนได้น่าจะเป็ผู้มีพลังวิเศษเหมือนกันแถมยังเป็ผู้มีพลังวิเศษที่แกร่งในการควบคุมจิตอีกด้วยก่อนฉันมาได้ตรวจสอบระเบียนกลุ่มผู้มีวิเศษเรียบร้อยแล้วทั้งหัวซย่าไม่มีผู้มีพลังวิเศษแบบนี้หรอกเื่นี้กลุ่มผู้มีพลังวิเศษของพวกเราจัดการให้ไม่ได้หรอกนะ” จางจงเฉิงพูดพลางส่ายศีรษะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้