ซ่งอวี้แปลกใจยิ่งนัก อยากจะรู้ว่าหลี่เฉิงทำอย่างไรบ้างจึงไล่ถาม หลี่เฉิงเห็นสีหน้าอยากรู้ของนาง ความคิดเ้าเล่ห์ก็แล่นเข้ามาในใจ เขาดื่มน้ำชาด้วยความผ่อนคลาย ไม่ตอบคำถาม ทำให้ซ่งอวี้ร้อนใจยิ่งนัก
รอให้ซ่งอวี้หงุดหงิดและกำลังจะเดินจากไป หลี่เฉิงจึงกลั้นหัวเราะแล้วรั้งซ่งอวี้เอาไว้ "เ้าอยากรู้ไม่ใช่หรือ? เรียกข้าว่าสามีสักครั้ง แล้วข้าจะบอกเ้าทุกอย่าง"
หลังจากทั้งสองสารภาพความในใจ ซ่งอวี้ยังคงเรียกเขาว่าหลี่เฉิง ไม่เคยได้ยินนางเรียกเขาว่าสามีแม้แต่ครั้งเดียว หลี่เฉิงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงฉวยโอกาสนี้ยื่นข้อเสนอ รอดูสีหน้าเขินอายของซ่งอวี้
ทว่าซ่งอวี้กลับพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ "ได้เ้าค่ะ สามี"
หลี่เฉิงมองซ่งอวี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าของนางดูปกติไม่มีความเขินอายแม้แต่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะลูบคางตนเอง ดูเหมือนว่าซ่งอวี้จะปรับตัวได้ดีกว่าเขา
"ในเมื่อภรรยาอยากรู้ เช่นนั้นสามีย่อมบอกทุกอย่างที่รู้โดยไม่เก็บงำ" หลี่เฉิงหยอกล้อก่อนจะปรับสีหน้าเป็จริงจัง แล้วเล่าแผนการทั้งหมดของตนเอง
ความเป็จริง เขาไม่ได้วางแผนเก่งกาจแต่อย่างใด เพียงเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ สี่คำนี้ก็เท่านั้น
ซ่งอวี้ไม่เคยมีเจตนาปิดบังหลี่เฉิง ดังนั้นเขาจึงทราบเื่ที่หวังกุ้ยและซ่งอวี้เคยกระทำ เขาตัดสินใจั้แ่แรกแล้วว่าจะแก้แค้นหวังกุ้ยรวมถึงเฉินต้าฮวาภรรยาของเขา ที่เอาแต่นินทาว่าร้ายพูดติเตียนผู้อื่นลับหลังทุกวัน เขาจะปล่อยคนอย่างหวังกุ้ยและเฉินต้าฮวาไปได้อย่างไร
เขาเพียงลอบสืบเื่ที่เกิดขึ้นจึงรู้ว่าหญิงหม้ายสวีพบเห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้น เพียงแต่นางขวัญอ่อนจึงไม่กล้าพูดความจริง
"แล้วท่านพูดเกลี้ยกล่อมนางให้คล้อยตามได้อย่างไร? จากที่ข้าทราบ นางแทบจะไม่มีตัวตนในหมู่บ้าน ตั้งใจเลี้ยงดูลูกของนางเท่านั้น ไม่เคยสนใจเื่อื่น"
ซ่งอวี้ถามด้วยความสงสัย นี่ก็เป็เื่ที่นางไม่เข้าใจที่สุดเช่นเดียวกัน
หลี่เฉิงจิบน้ำชาอย่างสง่างาม แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม "ขอเพียงมีจุดอ่อน ผู้ใดบ้างที่จะไม่ใช้? จุดอ่อนของหญิงหม้ายสวีคือสิ่งใด ไม่ชัดเจนหรอกหรือ? ข้าเพียงรับปากนางว่าขอเพียงนางเป็พยานให้กับเื่นี้ ข้าจะส่งเสียลูกของนางให้ได้ร่ำเรียนในสำนักศึกษา ของไหว้ครูข้าก็จะเป็คนรับผิดชอบ ส่งเสียทุกอย่างจนกว่าลูกของนางจะเติบโตเป็ผู้ใหญ่"
ซ่งอวี้กะพริบตาปริบๆ "ง่ายเพียงนี้?"
เมื่อครู่นางคิดภาพน่าสะพรึงกลัวในหัว คิดไม่ถึงจริงๆ แค่เพียงให้ผลประโยชน์กับผู้อื่นเมื่อทำตามคำสั่งของตนเองเท่านั้น เป็จริงตามคาด เ้าชายในนิยายเป็เพียงเื่หลอกลวง
หลี่เฉิงชำเลืองไปที่นาง คล้ายยิ้มและคล้ายไม่ยิ้ม "ง่ายๆ เพียงแค่นี้ หรือเ้าคิดว่าข้าไปข่มขู่เด็กกำพร้าและหญิงหม้ายเช่นนั้นหรือ?"
ซ่งอวี้ยิ้มแห้งๆ ก็ได้ นางยอมรับว่าคิดเช่นนั้นจริงๆ เนื่องด้วยนิยายในยุคปัจจุบันโดยมากล้วนดำเนินเื่เช่นนี้ อย่าตำหนิที่นางคิดเช่นนี้เลย
ซ่งอวี้โยนความผิดในใจอย่างง่ายดาย แล้วถามต่ออย่างไม่ร้อนตัวแม้แต่น้อย "เช่นนั้นซุนหลานฮวาเล่า? ท่านทำให้นางประมาทเลินเล่อต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านได้อย่างไร?"
ไม่เคยเห็นผู้ใดนินทาว่าร้ายผู้อื่นต่อหน้าสามีของคนที่ตนนินทา ไม่ได้เบาปัญญาเสียหน่อย
หลี่เฉิงยักไหล่ น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำเล็กน้อย "ไม่มีผู้ใดเกลียดชังผู้อื่นโดยไร้เหตุผล คนที่เป็เช่นนี้ ย่อมมีสิ่งที่้า"
ธรรมชาติของมนุษย์นั้นเห็นแก่ตัว ใช้ธรรมชาติของมนุษย์ในการอ่านสถานการณ์ทั้งหมด ก็จะได้ผลลัพธ์ที่้า
ซ่งอวี้ไม่ใช่คนโง่ หลี่เฉิงพูดเช่นนี้ นางก็พอจะเข้าใจเล็กน้อยแล้ว "ความหมายของท่านคือที่ซุนหลานฮวาพูดนินทาว่าร้ายข้าต่อหน้าท่าน เป็เพราะอยากจะให้ท่านเชื่อนางแล้วเกลียดชังข้า? กล่าวเช่นนี้ ท่านช่างมีเสน่ห์เหลือล้น"
นวนิยายทะลุมิติมากมายนับพันนับหมื่น คุ้นเคยกับเหตุการณ์เช่นนี้มากไม่ใช่หรื? นางร้ายชมชอบพระเอก ป้ายสีนางเอกให้พระเอกฟังเพื่อทำให้ทั้งสองเข้าใจผิดกัน หลังจากนั้นก็ห่างเหินกลายเป็คนแปลกหน้า
ด้วยเหตุนี้ ซ่งอวี้พูดประโยคสุดท้ายอย่างไม่รู้ตัว นางรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
หลี่เฉิงฉงน "อ๊า?"
เหตุใดรู้สึกคล้ายว่าซ่งอวี้กำลังโมโห?
"เ้า...โมโหหรือ? หรือว่าข้ายังทำได้ไม่ดีพอ?"
มีเสี้ยววินาทีหนึ่ง ซ่งอวี้รู้สึกคล้ายมีก้อนหินกดทับอยู่ตรงหน้าอกของนาง ทำให้นางอึดอัดอย่างมาก เขาเห็นว่านางโมโหแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงยังไม่รู้เหตุผลสำคัญที่นางโมโห
เขาเจตนาใช่หรือไม่?
น่าจะเป็เพราะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอันตรายของกลอุบายต่างๆ ั้แ่เล็ก เวลานี้สัญชาตญาณของหลี่เฉิงจึงรู้สึกถึงความอันตราย เขาจำเป็ต้องพูดอะไรบางอย่าง ด้วยเหตุนี้เขาจึงครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น "ซุนหลานฮวาคนนั้นก็ช่างโง่เขลาเหลือเกิน ข้าเพียงยิ้มให้นาง นางก็ไล่ตามข้ามาจริงๆ แล้วพล่ามให้ข้าฟังเสียยืดยาว ช่างน่าขันยิ่งนัก"
ห๊ะ!
ซ่งอวี้ไม่อยากเสวนากับหลี่เฉิงแล้ว นางจึงหัวเราะเยือกเย็นให้เขา
ซ่งอวี้แสดงให้เห็นว่า การที่นางโกรธเคืองหลี่เฉิงเป็การสร้างความลำบากใจให้ตนเองอย่างแท้จริง ถึงอย่างไรสิ่งที่อยากรู้ก็ถามไปแล้ว ความใคร่รู้และสงสัยของตนได้รับการเติมเต็มแล้ว นางจึงไม่สนใจหลี่เฉิง ปล่อยให้หลี่เฉิงนั่งเค้นความคิด ว่าตนพูดสิ่งใดผิด
ยามค่ำคืน จู่ๆ หลี่เฉิงที่นอนหลับตาก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาไร้ซึ่งความง่วงงุน
เขาหันไปมองซ่งอวี้ช้าๆ เวลานี้นางกำลังนอนหลับสนิท ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขาสวมเสื้อตัวนอกช้าๆ แล้วเดินไปยังที่โล่ง
สถานที่ที่เดิมทีไร้ผู้คน ไม่รู้ว่ามีคนปรากฏตัวั้แ่เมื่อใด คนคนนั้นคุกเข่าตรงหน้าหลี่เฉิง "คุณชาย"
เขาคือเยี่ยสุย ตอนกลางวันในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวมีคนเดินกันขวักไขว่ เยี่ยสุยจึงไม่อาจปรากฏตัวได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกมาหาหลี่เฉิงในยามค่ำคืน
"เื่ที่ข้าสั่งให้ทำ ดำเนินไปถึงไหนแล้ว?" หลี่เฉิงใช้เสื้อคลุมตัว ภายใต้แสงจันทร์ทำให้ดูค่อนข้างเยือกเย็น
เยี่ยสุยรีบหยิบจดหมายออกมาจากเสื้อ มือทั้งสองข้างยกขึ้นเหนือศีรษะ "นี่คือจดหมายตอบกลับจากนายท่านขอรับ เมื่อคุณชายอ่านแล้ว ก็จะเข้าใจความลำบากของนายท่าน"
หลี่เฉิงขมวดคิ้วเป็ปม ไม่ได้รับจดหมายนั้น "ข้าบอกให้เ้าบอกสิ่งที่ข้า้ากับเขา เ้าไม่ได้บอกหรือ?" หากพูดแล้ว เขาน่าจะเข้าใจ สิ่งที่เขาอยากจะให้ ไม่ใช่สิ่งที่หลี่เฉิง้า ทุกอย่างไร้ประโยชน์
เยี่ยสุยได้ยินผู้เป็นายถามเช่นนั้น จึงรีบพูด "เื่ที่คุณชายสั่ง ข้าน้อยไม่กล้าเพิกเฉย ข้าพูดทุกอย่างตามที่คุณชายบอกแล้วขอรับ"
"ช่างเถอะ เอาจดหมายมา" หลี่เฉิงยกมือขึ้นนวดขมับ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าไม่ได้ฟังคำพูดของเขา แม้แต่คำเดียว
เยี่ยสุยรีบยื่นจดหมายให้หลี่เฉิง ทว่ายังคงคุกเข่าข้างเดียวดังเดิม "นายท่านอยากให้คุณชายไปพบ มีเื่สำคัญจะหารือกับคุณชายขอรับ สถานที่อยู่ด้านหลังจดหมาย"
หลี่เฉิงคว้าจดหมาย ดูแผนที่ ตัวอักษรเลือนรางใต้แสงจันทร์ เขาไม่เพียงแค่เคยไปที่นั่นหลายครั้ง แต่คุ้นเคยจนถึงขั้นเพียงเห็นชื่อสถานที่ก็นึกถึงต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้และก้อนหินทุกก้อนที่นั่น
"สามวันให้หลัง พวกเราจะออกเดินทาง" หลี่เฉิงพูดจบ เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ แล้วเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนของซ่งอวี้
แม้เยี่ยสุยจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดต้องรออีกสามวันค่อยออกเดินทาง แต่เขาในฐานะบริวารที่ทรงคุณวุฒิ ไม่ได้ถามเกินหน้าที่ของตนเอง เยี่ยสุยรับคำแล้วหายเข้าไปในความมืด หลังจากนั้นก็ไม่เห็นร่องรอยอีก
วันที่สอง หลี่เฉิงตื่นนอนด้วยสีหน้าที่ปกติเหมือนทุกวัน ทำอาหารเช้า แล้วคอยเป็ลูกมือให้ซ่งอวี้ คัดแยกสมุนไพรชนิดต่างๆ ซ่งอวี้ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาแม้แต่น้อย ถึงขั้นไม่รู้ว่าเมื่อคืนหลี่เฉิงลุกเดินออกไป
"หวังกุ้ย ท่านเฉินซิ่วไฉบอกว่าให้เ้าย้ายออกจากหมู่บ้านเสี่ยวหนิวภายในสิบวัน พวกเ้ารีบเก็บข้าวของเถอะ"
ซ่งอวี้กำลังเก็บสมุนไพรในมือ ได้ยินเสียงดังขึ้นที่ข้างบ้าน นางมองผ่านหน้าต่างเห็นผู้ใหญ่บ้านยืนอยู่หน้าประตูบ้านหวังกุ้ยด้วยสีหน้าจนปัญญา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้