บทที่ 7 กลิ่นหอมที่ลอยไปไกลถึงในวัง
หลังจากเปิดแผงขายขนม หอมหวานอวลรัก ได้เพียงไม่นาน ชื่อเสียงของร้านก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงซื่อจิง ข่าวลือเื่ขนมรสชาติอร่อย หน้าตาสวยงามและแปลกใหม่เป็ที่พูดถึงในทุกตรอกซอกซอย ทุกเช้าก่อนที่หลินชิงซาน จะนำขนมไปตั้งแผง ก็มีผู้คนมารอต่อแถวกันแล้ว
“ท่านพี่ ขนมขายหมดเกลี้ยงเลยเ้าค่ะ!” ชุนเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข
หลานหลานเองก็ช่วยนับเงินอย่างขะมักเขม้น “เงินที่ได้มาวันนี้มากกว่าเมื่อวานอีกนะเ้าคะ”
“ก็เราทำเพิ่มมากขึ้นน่ะซิ” ชุนเทียนตอบ
หลินชิงซานยิ้มอย่างพอใจ นางนั่งดูบ่าวทั้งสองทำงานอย่างขยันขันแข็ง แล้วก็รู้สึกภูมิใจในตัวพวกนางที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นางใช้ จี้หยก อ่านความคิดของบ่าวทั้งสอง
“ดีใจจังที่ได้ออกมาจากตำหนักเย็น…ชีวิตตอนนี้มีความสุขมากเลย” เสียงความคิดของชุนเทียน
“ท่านพี่เก่งจริงๆ…สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้” เสียงความคิดของหลานหลาน
“ข้ารักท่านพี่มากที่สุด ข้าจะอยู่กับท่านพี่ จะซื่อสัตย์ต่อท่านพี่ไปจนตาย” เสียงความคิดหลานหลาน
ความคิดที่เต็มไปด้วยความสุขและความภักดีของพวกนางทำให้นางยิ้มอย่างอบอุ่น นางรู้สึกว่าการตัดสินใจออกมาจากตำหนักเย็นของนางเป็สิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว และคนในวัง โดยเฉพาะเขาคนนั้นยิ่งไม่สนใจเลย
ในขณะที่ชื่อเสียงของร้าน หอมหวานอวลรัก กำลังโด่งดัง ชุยิเซียงที่อยู่ในจวนฉินอ๋องก็เริ่มระแคะระคายเื่นี้
“ข่าวลือเื่ร้านขนมที่ตลาดนี่มันเื่จริงหรือ” ชุยิเซียงถามบ่าวรับใช้คนสนิทที่เพิ่งกลับมาจากตลาดด้วยน้ำเสียงที่เ็า
บ่าวรับใช้คุกเข่าลง “จริงพะยะค่ะพระสนม…ร้านขนมนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก ขนมของนางไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย”
ชุยิเซียงกำมือแน่นด้วยความหงุดหงิด นางรู้สึกว่าความสำเร็จของใครบางคนกำลังจะมาทำลายความสุขของนาง “ส่งคนไปสืบดูว่าเ้าของร้านเป็ใคร หาทางเอาสูตรขนมของนางมาให้ได้!”
“พะยะค่ะพระสนม” บ่าวรับใช้รับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไปทันที
ไม่กี่วันต่อมา บ่าวรับใช้คนเดิมก็กลับมารายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “เรียนพระสนม…บ่าวสืบมาแล้วพะยะค่ะ”
“เ้าของร้านเป็ใคร” ชุยิเซียงถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
“เป็…เป็ชายาเอกหลินชิงซานพะยะค่ะ” บ่าวรับใช้ตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความกลัวอารมณ์ของพระสนม
เมื่อได้ยินดังนั้น ชุยิเซียงถึงกับโกรธจัด นางทุบโต๊ะเสียงดังลั่น “นาง! นางเป็แค่หญิงชั้นต่ำ! กล้าดียังไงถึงทำตัวเด่นดังถึงขนาดนี้!”
“แต่พระสนม…บ่าวที่ส่งไปลอบเข้าไปในครัวของนางแล้วพะยะค่ะ แต่หาทางลอกสูตรของนางไม่ได้เลย นางเก็บสูตรไว้เป็ความลับและไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้” บ่าวรับใช้รายงานเพราะรู้ว่าพระสนมต้องสั่งให้เขาไปทำแน่นอน
ชุยิเซียงถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความแค้น นางไม่คิดว่า หลินชิงซาน จะมีความสามารถถึงเพียงนี้ นางจึงคิดหาวิธีที่จะทำลายชื่อเสียงของ หลินชิงซาน โดยไม่ให้หยางเทียนหลงรู้
หลังจากได้ยินรายงานเกี่ยวกับความสำเร็จของหลินชิงซาน แล้ว ชุยิเซียง ก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความโกรธแค้นในใจได้อีกต่อไป นางทุบถ้วยชาในมือจนแตกละเอียด แล้วหันไปมองบ่าวคนสนิทที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาที่ลุกเป็ไฟ
“นาง! นางมันช่างกล้านัก! กล้าดียังไงถึงจะมาดีกว่าข้า!” ชุยิเซียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นด้วยความโกรธ
“พระสนมโปรดใจเย็นลงเพคะ” เสี่ยงเหม่ยบ่าวรับใช้หญิงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ใจเย็นได้อย่างไร! ข้าเป็คนส่งนางไปตำหนักเย็นเพื่อให้ไปตาย! แต่ตอนนี้...นางกลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย และยังสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองอีก! ข้าจะไม่มีวันยอมให้เื่นี้เกิดขึ้น!” นางตวาดลั่น
“แล้วพระสนมจะทำอย่างไรต่อไปเพคะ” บ่าวรับใช้ถามอย่างระมัดระวัง
“ข้าจะทำทุกวิถีทางที่จะทำลายนาง! ไม่ว่านางจะทำอะไร ข้าก็จะขัดขวางทุกทาง!” ชุยิเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น “ข้าจะทำให้ชีวิตของนางต้องตกต่ำและสิ้นหวังยิ่งกว่าที่เคยเป็!”
“แล้วถ้าหากท่านอ๋องทรงทราบเื่นี้เข้าเล่าเพคะ”
“ไม่ต้องห่วง…ท่านพี่ไม่มีวันรู้เื่นี้หรอก!” นางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้าจะทำให้นางต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็!”
ขณะเดียวกันในจวนฉินอ๋องหยางเทียนหลง ก็ได้ยินข่าวลือเื่ร้านขนมจากพ่อค้าที่เข้ามาติดต่องานในจวน
“ท่านอ๋อง…หม่อมฉันได้ยินมาว่ามีร้านขนมเปิดใหม่ที่ตลาดพะยะค่ะ ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเลย เห็นว่าเ้าของร้านเป็ผู้หญิงชื่อหลินชิงซาน” พ่อค้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ร้านขนมหรือ” หยางเทียนหลงถามอย่างสนใจ “มันอร่อยมากเลยหรือ”
“อร่อยมากพะยะค่ะ…ไม่เคยมีใครทำได้แบบนี้มาก่อนเลย หน้าตาก็งดงามเหมือนศิลปะเลยพะยะค่ะ” พ่อค้าตอบอย่างชื่นชม
หยางเทียนหลงรู้สึกประหลาดใจในความสามารถของ หลินชิงซาน เขารู้ว่านางออกไปอยู่ข้างนอกแต่เขาไม่สนใจ และอีกอย่างก็รู้ว่าไทยเฮาเป็คนอนุญาต เขาเลยไม่อยากยุ่ง เขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่ดูอ่อนแอและไม่โดดเด่นคนนั้นจะมีความสามารถทำเื่พวกนี้ได้ เขามองข้ามไปมาตลอด
“นางทำได้อย่างไร นางเหมือนคนโง่ แล้วจะมีปัญญาที่ไหนไปเปิดร้านแล้วมีชื่อเสียงขนาดนี้…หรือว่านางไม่ได้โง่เขลาอย่างที่ข้าคิด แต่เขาก็เคยเห็นขนมที่นางทำแล้วครั้งหนึ่งตอนที่เขาไปตำหนักเย็น ”
“ขนมของนางจะอร่อยเหมือนที่ข่าวลือว่าไว้หรือไม่…ข้าอยากจะลองชิมดู” เขาตัดสินใจที่จะส่งคนสนิทไปสืบเื่นี้อย่างลับๆ เขาเริ่มสนใจนางขึ้นมาจริงๆแล้วหละ
เย็นวันนั้น หลินชิงซานเก็บแผงขายขนมเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะเดินทางกลับบ้านที่เช่าไว้ นางได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ที่กำลังสะกดรอยตามนางมา นางใช้ จี้หยก อ่านความคิดของคนเ่าั้ทันที
“พระสนมสั่งให้มาสืบเื่ของพระชายาหลิน…ต้องหาทางเข้าใกล้ให้นางตายใจ ครั้งก่อนไม่สำเร็จ ครั้งนี้ข้าจะลองดูอีกครั้ง”
“ต้องหาทางลอกเลียนแบบสูตรขนมของนางให้ได้ ฉันจะทำอย่างไรดีนะถึงจะเข้าใกล้และลอกสูตรได้”
เสียงความคิดที่นางได้ยินทำให้รู้ทันทีว่าคนที่สะกดรอยตามนางมาคือคนของ ชุยิเซียง และคู่แข่งในตลาด นางยิ้มเยาะในใจ นางรู้ดีว่า ชุยิเซียง จะไม่ยอมปล่อยให้นางมีความสุขอย่างแน่นอน
“พวกเราต้องระวังตัวให้มากขึ้น ข้ารู้สึกเหมือนจะมีคนที่ไม่หวังดีกับเรา เขาคงกลัวเราได้ดีเกินเขานั่นแหละ” หลินชิงซานเอ่ยเตือน หลานหลานและชุนเทียน
“พวกเขาต้องหาทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ และสืบเื่ราวของพวกเรา ฉะนั้นอย่าได้ไว้วางใจใครเด็ดขาด”
“เ้าค่ะ ท่านพี่ ท่านไม่ต้องเป็ห่วง ข้าสองคนจะไม่ให้ใครเข้ามาทำเื่ไม่ดีแน่นอน ข้าสัญญา ” หลานหลานและชุนเทียนรับคำอย่างเชื่อฟัง พร้อมสัญญาอย่างหนักแน่น
ในวันต่อมา หลินชิงซานไปที่ร้านค้าเครื่องมือสำหรับทำขนม นางวางแผนจะซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการทำขนมให้หลากหลายมากขึ้น และที่นั่นเอง นางก็ได้พบกับชายคนหนึ่งที่กำลังเลือกซื้อเครื่องมือเช่นกัน
“อุปกรณ์พวกนี้ เอาแบบดีๆไปเลยก็แล้วกัน…ต้องนำไปให้คนสนิทของข้าใช้…ข้าอยากจะทำขนมที่อร่อยที่สุดใช้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดในการทำขนม”
เสียงความคิดที่นางได้ยินทำให้นางถึงกับแปลกใจที่ชายผู้นี้มีความคิดที่คล้ายกับนาง นางมองไปที่ชายคนนั้นแล้วก็ต้องใ เขาคือ หลี่อวิ๋นซี หรือ จ้าวลั่ว นักธุรกิจหนุ่มรูปงามผู้มีชื่อเสียงที่นางเคยได้ยินมา และในขณะที่นางกำลังจะเดินจากไป เขาก็หันมาเห็นนางพอดี
“แม่นาง…” เขาเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลินชิงซานยิ้มบางๆ ให้ นางก้มหัวให้เขานิดหนึ่ง แล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ แต่นางก็ไม่ได้รู้เลยว่าในขณะที่นางจากไปนั้น หลี่อวิ๋นซีได้มองตามหลังนางไปจนลับตา
“หญิงสาวผู้นั้น…ข้าไม่เคยเห็นนางในตลาดมาก่อนเลย”
“นางดูเรียบง่ายแต่กลับมีรัศมีบางอย่างที่น่าดึงดูด…ดวงตาของนางไม่ใช่ดวงตาของสตรีทั่วไป ดูมีประกาย มีพลังอย่างประหลาด”
“นางมองดูอุปกรณ์เหล่านี้ด้วยสายตาที่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง…ราวกับนางเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำขนม”
เขาคิดทบทวนถึงสิ่งที่เขาได้ยินมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ข่าวลือเื่ร้านขนมเล็กๆ ที่โด่งดังไปทั่วเมืองของ หญิงสาวชุดขาว ที่มีความฉลาดและสามารถทำขนมที่มีรสชาติไม่เหมือนใครได้ ทำให้เขาเกิดความสงสัย
“นางเป็คนเดียวกันกับเ้าของร้าน หอมหวานอวลรัก หรือไม่”
“หากเป็เช่นนั้นจริง นางน่าจะไม่ใช่แค่แม่ค้าขนมธรรมดา…แต่เป็นักธุรกิจที่มีหัวคิดเลยทีเดียว”
“ทั้งความฉลาดเฉลียว…ทั้งรูปลักษณ์ที่สวยงาม ดูมีสง่าราศี ดูอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง…นางเป็คนน่าสนใจอย่างยิ่ง”
เขารู้สึกได้ถึงความท้าทายที่น่าตื่นเต้นในตัวนาง และในใจก็เกิดความคิดที่จะร่วมงานกับนางขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ข้าอยากจะรู้จักนางให้มากกว่านี้…อยากจะรู้ว่าความคิดของนางไปได้ไกลแค่ไหนในโลกการค้าแห่งนี้”
ความคิดของเขาเต็มไปด้วยความทึ่งและชื่นชมต่อหญิงสาวผู้ที่ไม่เคยพบหน้าแต่กลับสร้างความประทับใจให้เขาได้ถึงเพียงนี้ เขาเดินออกจากร้านค้าด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ในใจก็เกิดแผนการที่จะทำความรู้จักกับนางให้ได้โดยเร็วที่สุด
***///***
