เผยยวนอี้แค่เอ่ยปาก ทว่ามิได้พูดกระไรต่อมากนัก
หรงซิวไม่ดึงดัน ในวังดูเหมือนจะมิมีคน ทว่าความจริงแล้วมีหูตาเต็มไปหมด
บางทีการสนทนาของพวกเขาในเพลานี้อาจจะกระจายไปทั่วทุกมุมของวังในชั่วพริบตา
หรงซิวไม่สนใจจะเป็ที่พูดถึงหลังมื้ออาหารของผู้อื่น เขาเพียงยกริมฝีปากยิ้มๆ พูดด้วยสีหน้าอารมณ์ดี "ในเมื่อเป็สุดที่รัก ย่อมต้องดูแลให้ดีสิพ่ะย่ะค่ะ"
“ผู้ใดว่าไม่กันเล่า?” เผยยวนอี้ถอนหายใจ “หายไปแล้ว ถึงจะได้รู้ว่าสำคัญเพียงใด”
เผยหลางเย่เป็ผู้ไม่ละเอียดอ่อน มองดูทั้งสองสนทนากันไปมาพลันชะงักเพราะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าใด
เขาไล่ถามหลายครา แต่มิมีผู้ใดสนใจ จึงได้แต่หุบปากด้วยความหงุดหงิด
หลังจากออกจากประตูวังไป หรงซิวถามถึงที่พักอาศัยขององค์ชายทั้งสอง พลันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อรู้ว่าพวกเขาออกจากวังไปพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
เผยหลางเย่นิสัยตรงไปตรงมา ยิ้มตาหยีถามแนวไหว้วอน “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าสวนในจวนองค์ชายเป็สวนที่ดีที่สุดในราชวงศ์ต้าอวี่อันดับต้นๆ หากว่ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม คงจะเป็เื่ราวดีๆ ในชีวิตเป็แน่”
เขาพูดใบ้มาชัดเจนเสียเช่นนี้ หรงซิวจะฟังไม่ออกได้อย่างไร
หากเป็เมื่อก่อน หากจะเชิญพวกเขาไปนอนที่จวนคงไม่เป็กระไร แต่เพลานี้มีสตรีที่เขาห่วงใยอยู่
หรงซิวพูดอย่างอ้อมค้อม "เช่นนั้นข้าจะกลับไปเตรียมตัวต้อนรับองค์ชายทั้งสองเข้ามาพักแรมนะพ่ะย่ะค่ะ"
“ขอรบกวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เผยยวนอี้ขยับริมฝีปากเล็กน้อย "เกรงว่าจะต้องรบกวนองค์ชายสักสองสามวัน อย่างไรก็ตามเกรงว่าวันนี้จะมิได้ เรายังต้องเก็บของอีก ค่อยไปวันพรุ่งแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวรีบเห็นด้วยทันที
เขาต้องกลับไปแจ้งอวิ๋นอี้ก่อน
ทั้งสามกล่าวคำอำลาที่ประตูวังและแยกทางกัน
หรงซิวกลับไปที่จวนเผยยวนอี้และเผยหลางเย่ก็ขึ้นรถม้ากลับไปที่โรงเตี๊ยม
ล้อรถเสียงกูลูกูลู หมุนไปบนถนนหินโบราณ ทำให้เกิดเสียงยาวและทื่อ ในยามพลบค่ำแสงอันอบอุ่นพลันส่องประกาย ทั่วทั้งพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีเหลืองทอง
เผยหลางเย่เปิดม่านมองออกไปข้างนอก ก็เห็นร่างของหรงซิวเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นเขา จึงหันกลับเข้ามาถาม “เราจะไปอยู่ในจวนองค์ชายเจ็ดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
“มิเช่นนั้นจะไปที่ใด?”
“ข้ามิเข้าใจ เหตุใดท่านถึงเอาเื่นี้ไปบอกเขา” เผยหลางเย่ไม่เข้าใจ พูดเตือน “องค์หญิงน้อยของเราหายไป เป็ความลับของราชวงศ์นะ ท่านบอกเขาไป หากเขาหานางเจอแล้วมิให้พวกเรา ใช้โอกาสนี้บังคับให้บ้านเมืองเรายอมรับข้อตกลงแบ่งประเทศหรือเรียกเงินกับเรา เมื่อถึงตอนนั้นท่านจะทำอย่างไร!”
“ไม่หรอก” เผยยวนอี้ขมวดคิ้ว เขาหันหน้ามาอย่างเฉยเมยและมองที่เขา “หรงซิวมิใช่คนเช่นนั้น”
“รู้ได้อย่างไรว่าเขามิใช่?” เผยหลางเย่เย้ย “หากจำไม่ผิดล่ะก็ นี่เป็คราแรกที่ท่านได้พูดคุยกับเขา”
เผยยวนอี้ส่ายหน้า ตอบเสียงเบา “คราแรกแล้วอย่างไร ลักษณะของคนเราล้วนสะท้อนจากจิตใจ หรงซิวหล่อเหลาเสียเช่นนั้น หากว่าเขามีแผนการร้ายในใจจริงๆ เขาคงไม่คิดว่าตนเองเก่งกาจอย่างต้อยต่ำเช่นนั้นหรอก เื่ที่เ้าคิดได้ เขาจะคิดมิได้ได้เยี่ยงไร แต่ข้ากล้ารับประกัน ว่าเขาจะมิมีวันใช้วิธีต่ำๆ เยี่ยงนั้น”
“ท่านแอบหลอกด่าข้านี่!” นับว่าเผยหลางเย่พอจะฟังความนัยออกบ้างแล้ว เขาพูดเสียดสี “เช่นนั้นคอยดูเถิด อย่างไรเสด็จพ่อก็ให้ท่านจัดการเื่นี้แล้ว เรามีเวลาเพียงสองเดือน หากหาไม่เจอล่ะก็ จะลงโทษก็ต้องลงโทษท่านนั่นแหละ”
“วางใจเถิด” เผยยวนอี้ปิดตาลงอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงเวลานั้นมิมีหางเลขมาถึงเ้าหรอก”
“เป็เช่นนั้นก็ดี”
“กลับไปเก็บของเถิด วันพรุ่งจะได้ไปจวนองค์ชายเจ็ด” เผยยวนอี้พูดเตือนเขา
เผยหลางเย่ยังคงคิดมิได้ “เหตุใดจึงต้องไปพักที่นั่น?”
“ที่นั่นปลอดภัย”
บทสนทนาระหว่างทั้งสองคนจบลงตรงนี้ และเสียงที่ดังเข้ามาตลอดทางไปคือเสียงล้อรถ
ตอนที่เผยยวนอี้ไปถึงโรงเตี๊ยม หรงซิวก็กลับถึงจวนพอดี
พ่อบ้านออกไปต้อนรับเขาด้วยตัวเอง เขาถามสถานการณ์จากเขา “พระชายาตื่นหรือยัง? นางอารมณ์ดีหรือไม่?”
“ฝ่าา...ท่านไปดูเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นหน้าของพ่อบ้านไม่สู้ดี เขารู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีนัก
เมื่อคืนเข้าทรมานนางจนนางเป็เช่นนั้น เขานั้นสบายมากทว่านางกลับร้องไห้หนักมากเพราะไม่สามารถหยุดความเป็สัตว์ป่าของเขาได้
เกรงว่าวันนี้จะโดนคิดบัญชีเก่าใหม่รวมกัน
หรงซิวมาที่นอกประตู ยังคิดไม่ออกว่าจะเอาใจสตรีอย่างไรดี เขาได้ยินเสียงะโโกรธจากข้างในว่า "หรงซิว อยู่ข้างนอกใช่หรือไม่เพคะ?”
“ข้าเอง”
“เข้ามาเดี๋ยวนี้เลยเพคะ! กล้าทำไม่กล้าที่จะรับหรือ?” อวิ๋นอี้พูดรัวอย่างรีบร้อน น้ำเสียงรวดเร็วมาก ฟังดูแล้วรู้ว่านางโกรธมาก “ฝ่าายืนทำกระไรอยู่ด้านนอกเพคะ? จะเลียนแบบแม่ไก่วางไข่หรืออย่างไรกัน?”
หรงซิวมุมปากกระตุก พูดกระไรไม่ออก เขาอยากจะเรียนการวางไข่อยู่เหมือนกัน ทว่าเขาทำมิได้
“มาแล้ว มาแล้ว” เขาไม่กล้าจะกวนใจนาง พลันตอบอย่างเ้าเล่ห์ ผลักประตูเข้าไป แล้วโผล่หัวเข้าไปข้างในโดยตั้งใจจะดูสถานการณ์ของศัตรูก่อน
พลันมีหมอนบินเข้ามาโดนหน้าเขา
หรงซิวถูกเห็นเข้าแล้ว มุมปากกระตุก ในใจคิดว่านางคงโกรธจัด แล้วก็หมอนอีกใบบินเข้ามา
ด้วยสายตาที่ฉับไวและมือที่รวดเร็ว เขาคว้าหมอนไว้ได้ในอ้อมแขน ตามแนวสายตาของเขาสังเกตเห็นสตรีตัวน้อย
นางนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง แก้มของนางแดงก่ำ เสื้อผ้าของนางคลุมอยู่ครึ่งหนึ่ง และจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกโต
หรงซิวตกตะลึง แต่ยังพูดด้วยน้ำเสียงดีว่า “เมียจ๋า เป็กระไรไป?”
เขาเดินเข้าไปวางหมอนลงบนเตียง เพิ่งจะวางลงก็โดนตีอีกแล้ว เสียงนุ่มๆ ของสตรีดังขึ้น “เป็กระไรเป็กระไร ฝ่าาพูดสิเพคะว่ากระไร ข้าลุกจากเตียงมิได้ เป็ความผิดของฝ่าานั่นแหละ!"
ที่แท้ก็เช่นนี้นี่เอง
หรงซิวได้ยินก็สบายใจมาก เขานั่งลงข้างๆ ยิ้มอย่างชั่วร้ายพลันเบียดเข้ามาหานาง
อวิ๋นอี้ไม่แข็งแรงเท่าเขา ถูกเขาทับจนขยับตัวมิได้ ลมหายใจของเขาปกคลุมนางจากเบื้องบน ทำให้นางร้อนผ่าว
“ออกไปเพคะ” นางเสียใจที่ปล่อยให้เขาเข้ามา ต่อหน้าเขานางมิมีโอกาสได้เปรียบเลย
“ไม่ออก” เขาพึมพำเสียงต่ำ “ข้าทำให้เ้าลุกลงจากเตียงมิได้ ข้าจะชดเชยให้”
อวิ๋นอี้เลิกคิ้วมองเขาอย่างสงสัย “จะชดเชยอย่างไรเพคะ?”
“จูบเ้าอย่างไรเล่า”
หลังจากที่ทั้งสองรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างแน่ชัด เขาชอบจูบนางมาก ั้แ่คอถึงหูและต่อด้วยริมฝีปากไม่ยอมพลาดสักตำแหน่ง
เดิมทีอวิ๋นอี้้าที่จะคิดบัญชีกับเขา แต่เมื่อถูกเขาจูบนางก็พลันอ่อนตัวลงในอ้อมแขนของเขา
หรงซิวบีบคางนาง ลูบเบาๆ แล้วเกลี้ยกล่อมให้นางยิ้มด้วยคำพูดหวานๆ เมื่ออวิ๋นอี้อารมณ์ดี เขาก็พูดอย่างเป็ธรรมชาติว่า “เมียจ๋า ขอพูดด้วยเื่หนึ่งสิ”
“เื่กระไรเพคะ?”
“พรุ่งนี้จะมีคนมาอาศัยที่จวน” หรงซิวพูด “เ้าเคยเห็นหน้า”
อวิ๋นอี้แปลกใจเล็กน้อย ั้แ่ที่นางเข้ามาอยู่ในจวนก็ไม่เคยมีแขกมาพักเลย นางคิดมาเสมอว่าอาจจะเป็เพราะหรงซิวมีบุคลิกเ็าจึงมิมีผู้ใดกล้ามาเป็แขก
“ข้าเคยเจอหรือ? ผู้ใดกัน? บุรุษหรือสตรี?”
“จะมีสตรีได้อย่างไรกัน?” หรงซิวหัวเราะ บีบปลายจมูกนาง “สตรีคนเดียวของข้าคือเ้า เป็องค์ชายคนโตกับองค์ชายสามของเป่ยิ พวกเขามาที่ต้าอวี่ ดูเหมือนจะมาหาผู้ใดบางคน”
“หาคนหรือ?” อวิ๋นอี้พึมพำซ้ำๆ มิรู้ว่าเป็เพราะเหตุใด จู่ๆ ในหัวพลันคิดถึงเสี่ยวมู่อวี่ขึ้นทันใดเมื่อได้ยินว่าเป่ยิ
บางที นี่อาจจะเป็โอกาสที่จะได้ช่วยเสี่ยวมู่อวี่ในการหาครอบครัวของเขา นางมีแผนในใจแล้ว จึงตอบรับอย่างไม่คิดมาก "พวกเขามาเป็แขก ข้าก็ต้องยินดีต้อนรับอยู่แล้ว ทว่าพูดกลับมาก่อน หรงซิว หากฝ่าาทำให้ข้าลงจากเตียงมิได้อีกเล่า ข้าจะตีขาฝ่าาให้หักเลย!"
“ขาข้างไหน?”
“ขาที่สาม!”
หรงซิวหน้ามุ่ยลง “ตีหักแล้ว เ้าจะใช้กระไรเล่า?”
“ไม่ต้องยุ่งเพคะ!” อวิ๋นอี้เตะเขาอย่างโกรธจัด “ออกไปเลยเพคะ ข้าจะพักผ่อน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้